|

กรุงไทยสุดอั้นขึ้นดบ.กู้-ฝาก 25-50 สตางค์
ผู้จัดการรายวัน(14 กรกฎาคม 2548)
กลับสู่หน้าหลัก
ธนาคารกรุงไทยออกผลิตภัณฑ์เงินฝากระยะยาว 48 เดือน จ่ายดอกเบี้ยทุกเดือนในอัตรา 3.75% ต่อปี พร้อมประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก-เงินกู้ ให้สอดคล้องกับอัตราตลาด มีผลวันนี้ (14 ก.ค.) ด้านเงินบาทยังไม่เคลื่อนไหว โดยธปท.ออกหนังสือเวียน ซักซ้อมความเข้าใจผู้ประกอบธุรกรรมอนุพันธ์อัตราแลกเปลี่ยน ป้องกันการเก็งกำไรอัตราแลกเปลี่ยน ระบุชัดไม่มีนโยบายให้บุคคลซื้อขายเก็งกำไรเงินตราต่างประเทศ จับตา ธอส.สุดอั้นจ่อขึ้นดอกเบี้ยปลายไตรมาส 3 พร้อมจัดแพกเกจดอกเบี้ย คงที่รองรับลูกค้าที่เริ่มใช้ดอกเบี้ยลอยตัว
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB กล่าวว่า ธนาคารได้ออกผลิตภัณฑ์เงินฝากระยะยาวรูปแบบใหม่ ระยะยาว 48 เดือน โดยให้อัตราผลตอบแทนในอัตรา 3.75% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุกเดือน ทั้งนี้เพื่อเป็นทางเลือกให้กับประชาชนผู้ฝากเงิน เนื่องจากปัจจุบันภาวะอัตราดอกเบี้ยยังคงอยู่ในระดับต่ำ
พร้อมกันนี้ เพื่อเป็นการเพิ่มรายได้ให้กับผู้มีเงินออมหรือผู้เกษียณอายุ ธนาคารจึงได้ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 12 เดือน อีก 0.25% จากเดิมอยู่ที่ระดับ 1.00% เป็น 1.25% และดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 24 เดือน เป็น 1.75% อีกด้วย สำหรับเงินฝากประเภทอื่นๆ ธนาคารยังคงให้ดอกเบี้ยในอัตราเดิมคือ เงินฝากออมทรัพย์ในอัตรา 0.75% ต่อปี เงินฝากประจำ 3 และ 6 เดือน ในอัตรา 1% ต่อปี และเงินฝากประจำ 36 เดือน ในอัตรา 2% ต่อปี
จากการปรับอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวจะทำให้ผู้ฝากเงินในส่วนของเงินฝากกรุงไทยทวีคูณ ซึ่งเป็นเงินฝากระยะยาว 24 เดือน ไม่ต้องเสียภาษีดอกเบี้ยเงินฝาก และอัตราผลตอบแทนอิงกับอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก 12 เดือน บวก 1% นั้น ได้รับการปรับเพิ่มขึ้นด้วยคือ จากผลตอบแทนปีละ 2% เป็นปีละ 2.25%
ขณะเดียวกัน ธนาคารได้ปรับฐานอัตราดอกเบี้ยเงินกู้อื่นๆให้สอดคล้องกับอัตราตลาด โดยเงินกู้ประเภท MOR ได้มีการปรับเพิ่มขึ้น 0.25% ต่อปี เป็นอัตรา 6% ต่อปี เงินกู้ประเภท MRR ปรับเพิ่มขึ้น 0.50% ต่อปี เป็นอัตรา 6.25% ต่อปี ขณะที่อัตราดอกเบี้ย MLR ที่สอดคล้องกับอัตราตลาดอยู่แล้วมิได้มีการปรับเปลี่ยนแต่อย่างใด ยังคงไว้ที่ 5.75% ต่อปีตามเดิม โดยจะเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 14 กรกฎาคมนี้เป็นต้นไป
นายนะเพ็งพาแสง กฤษณามระ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB กล่าวว่า ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ทั้งระบบต้องปรับเพิ่มขึ้น เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อในระดับสูงขึ้นและค่าเงินบาทอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง และหากมีธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย จะส่งผลให้ธนาคารพาณิชย์แห่งอื่นๆ ที่ยังไม่ปรับก็จะปรับขึ้นตาม แต่ในส่วนของธนาคารกรุงไทยที่ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้นั้น เป็นการปรับขึ้นเพื่อให้อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับเดียวกับธนาคารพาณิชย์แห่งอื่น
ธปท.ออกโรงป้องกันเก็งกำไรค่าเงิน
ด้านความเคลื่อนไหวค่าเงินบาทวานนี้ (13 ก.ค.) ไม่ค่อยมีความเคลื่อนไหวมากนัก คืออยู่ในกรอบ 41.85 - 41.87 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยแข็งค่าสุดอยู่ที่ระดับ 41.79 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ และอ่อนค่าสุดอยู่ที่ระดับ 41.90 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้นักลงทุนส่วนใหญ่ได้จับตาผลการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่จะมีขึ้นในคืนนี้ เพื่อที่จะเป็นแนวทางในการนำเงินลงทุนในตลาดเงินต่อไป
อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการป้องกันการเก็งกำไรค่าเงินบาท ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ออกหนังสือเวียนถึงสถาบันการเงินทุกแห่ง เรื่องซักซ้อมความเข้าใจในการประกอบธุรกรรมอนุพันธ์ทางการเงินด้านอัตราแลกเปลี่ยน เพื่อประโยชน์ในการควบคุมการแลกเปลี่ยนการกำกับดูแลตลาดเงินตราต่างประเทศ รวมทั้งให้อัตราแลกเปลี่ยนสอดคล้องกับพื้นฐานทางเศรษฐกิจ โดย ธปท.ไม่มีนโยบายให้บุคคลซื้อ/ขายเงินตราต่างประเทศเพื่อเก็งกำไรในอัตราแลกเปลี่ยน
สำหรับผู้ที่ประกอบธุรกรรมอนุพันธ์ทางการเงินด้านอัตราแลกเปลี่ยนกับลูกค้า เช่น การทำสัญญาซื้อเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า ต้องเรียกเอกสารหลักฐานที่จำเป็น เพื่อพิจารณาว่าลูกค้ามีแหล่งเงินได้เงินตราต่างประเทศในอนาคตที่ชัดเจนก่อนการทำธุรกรรม และเมื่อถึงกำหนดส่งมอบตามสัญญาต้องดูแลให้ลูกค้าแจ้งรายละเอียดในแบบการทำธุรกรรมเงินตราต่างประเทศให้ถูกต้องครบถ้วน
ในด้านขายเงินตราต่างประเทศ ให้เรียกเอกสารหลักฐานที่จำเป็นเพื่อพิจารณาว่าลูกค้ามีภาระผูกพันในอนาคตตามที่ระบุในกฎหมายว่าด้วยการควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินและเมื่อถึงกำหนดส่งมอบตามสัญญาต้องเรียกเอกสารหลักฐานให้ครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนดในแต่ละกรณี รวมทั้งต้องให้ลูกค้าแจ้งรายละเอียด ในแบบการทำธุรกรรมเงินตราต่างประเทศให้ถูกต้องครบถ้วน
ทั้งนี้ สัญญาอนุพันธ์ทางการเงินด้านอัตราแลกเปลี่ยนต้องกำหนดอายุและจำนวนเงิน ไม่เกินกว่าอายุและจำนวนเงินที่ลูกค้ามีแหล่งเงิน ได้เงินตราต่างประเทศในอนาคต หรือมีภาระผูกพันในอนาคตตามที่ระบบในกฎหมาย ส่วนกรณีที่ลูกค้าไม่สามารถส่งหรือมอบเอกสารเงินตราต่างประเทศในวันที่ครบกำหนด และมีความจำเป็นต้องหักลบและรับ/จ่ายเป็นเงินบาทแทน ต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานควบคุมอัตราแลกเปลี่ยนก่อน ยกเว้นกรณี rollover สัญญาเดิม หรือกรณีต้องยกเลิกสัญญา เพราะลูกค้ายังไม่ได้รับเงินตราต่างประเทศจากแหล่งเงินได้ในการรับซื้อเงินตราต่างประเทศ
อย่างไรก็ตาม สถาบันการเงินต้องให้ลูกค้าชี้แจงแสดงเหตุผลและความจำเป็นพร้อมเอกสารที่เกี่ยวข้อง เมื่อตรวจสอบจนแน่ใจว่าลูกค้าไม่ได้มีเจตนาหลีกเลี่ยง หรือทำเพื่อเก็งกำไรในอัตราแลกเปลี่ยนจึงให้รับหรือจ่ายเป็นเงินบาทได้ และให้เก็บเอกสารที่เกี่ยวข้องอย่างต่ำ 3 ปี เพื่อให้เจ้าพนักงานควบคุมการแลกเปลี่ยนสามารถตรวจสอบได้
ธอส.จ่อขึ้นดอกเบี้ยหลังไตรมาส 3
นายขรรค์ ประจวบเหมาะ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าว ว่าขณะนี้ธนาคารยังไม่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เหมือนธนาคารพาณิชย์อื่น เนื่องจากพิจารณาจากตัวเลขรายรับในแต่ละเดือนแล้วยังอยู่ในระดับที่เหมาะสม ซึ่งคาดว่าจะตรึงอัตราดอกเบี้ยได้ถึงไตรมาส 3
อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการสนองตอบความต้องการของลูกค้าชั้นดีที่มีความต้องการจะต่ออายุอัตราดอกเบี้ยคงที่ สำหรับลูกค้าที่ใช้อัตราดอกเบี้ยคงที่ทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นคงที่ 1 ปี 2 ปี และคงที่ 3 ปี สามารถเลือกใช้อัตราดอกเบี้ยคงที่แบบใหม่ สำหรับลูกค้าที่ครบกำหนด ตั้งแต่วันที่ 12 ส.ค.นี้ ซึ่งปัจจุบันจะมีลูกค้าที่เริ่มกำหนดการใช้ดอกเบี้ยคงที่ และต้องเริ่มใช้อัตราดอกเบี้ยลอยตัวที่ 6.25% ดังนั้นธอส.จึงได้เสนอผลิตภัณฑ์การต่ออัตราดอกเบี้ยคงที่ 3 ปี แบบขั้นบันได ปีที่ 1 คิดที่ 4.5% ปีที่ 5.5% และปีที่ 3 คิดที่ 6.5% หลังจากคิดอัตราดอกเบี้ยลอยตัว หรือลูกค้าสามารถใช้เลือกอัตราดอกเบี้ย คงที่ 5 ปี แบบขั้นบันได โดยปีที่ 1 คิดที่ 4.5% ปีที่ 2 คิดที่ 5% ปีที่ 3 คิดที่ 5.5% ปีที่ 4 คิดอัตรา 6% และปีที่ 5 คิดอัตราดอกเบี้ย 6.5%
"แนวทางดังกล่าวเป็นการช่วยเหลือลูกค้าที่ครบกำหนดการใช้ดอกเบี้ยคงที่ และยังเป็นการสกัดไม่ให้ลูกค้ารีไฟแนนซ์ไปใช้เงินกู้สถาบัน การเงินอื่น" นายขรรค์กล่าว
ในส่วนแนวโน้มการปล่อยสินเชื่อในช่วงครึ่งแรกของปี สามารถปล่อยสินเชื่อได้ 61,000 ล้านบาท จากเป้าทั้งปี 99,000 ล้านบาท โดยคาดว่าทั้งปีจะสามารถทำได้เกินเป้าได้ในระดับ 120,000 ล้านบาท เนื่องจากในช่วงเดือนมิ.ย. ธอส.ปล่อยสินเชื่อได้ถึง 13,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าที่กู้เงินในระดับต่ำกว่า 3 ล้านบาท
กลับสู่หน้าหลัก
 ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|