|
แฉบิ๊กหมงล็อบบี้ซิติกทิ้งทีพีไอ
ผู้จัดการรายวัน(6 กรกฎาคม 2548)
กลับสู่หน้าหลัก
"ประชัย" แฉหลักฐานหนังสือจาก "บิ๊กหมง" ถึงกลุ่มทุนจีน บิดเบือนข้อเท็จจริงจน "ซิติก" เข้าใจไขว้เขว แต่ยังมั่นใจเจรจากันได้ ขณะที่ซิติกยืนยันระงับแผนลงทุนในทีพีไออย่างเป็นทางการแล้ว ด้านผู้บริหารแผนฯ ยืนยัน "ประชัย" ทำดิว ดิลิเจนซ์ไม่มีผลต่อการขายหุ้นให้พันธมิตรหลักล่าช้าออกไป มั่นใจขั้นตอนขายหุ้นทีพีไอพร้อมกับออกจากแผนฟื้นฟูฯได้กลางกันยายนหลังประมูลขายหุ้นทีพีไอโพลีนเสร็จ 9 ส.ค. ชี้หาก "ประชัย" จะนำนักลงทุนกลุ่มใหม่เข้าทำดิว ดิลิเจนซ์แทนซิติก กรุ๊ปก็ต้องให้ศาลอนุญาตก่อน
วานนี้ (5 ก.ค.) บริษัทซิติก รีซอร์เซส โฮลดิงส์ ในเครือ ซิติก กรุ๊ป รัฐวิสาหกิจของจีน ได้ออกแถลงการณ์ที่ฮ่องกงระบุว่า บริษัทฯ ได้ยุติการเจรจาในการซื้อหุ้นของบริษัทอุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย (TPI) แล้วหลังจากเผชิญกับความยุ่งยากหลายประการ และความซับซ้อนของข้อตกลง โดยได้ตัดสินใจที่จะถอนตัวจากการเจรจาในวันที่ 30 มิ.ย.และได้แจ้งต่อผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการทีพีไอเมื่อวันที่ 1 ก.ค. ที่ผ่านมา พร้อมระบุว่าไม่ต้องมีการจ่ายค่าชดเชยแต่อย่างใด และยืนยันว่าจะไม่มีผลกระทบใดๆ ต่อแผนการด้านธุรกิจในอนาคตของบริษัท และไม่กระทบต่อฐานะการเงินในปัจจุบันของบริษัทและบริษัทในเครือ
ประชัยเตรียมบินเจรจาซิติกฯ อีกครั้ง
นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด (มหาชน) หรือทีพีไอ เปิดเผยว่ารัฐบาลควรจะปล่อยให้การฟื้นฟูกิจการทีพีไอเดินไปตามกระบวนการของศาลล้มละลายกลางอย่างปกติ ไม่ควรจะไปกดดันให้ซิติก กรุ๊ป ซึ่งเป็นหน่วยงานทางด้านการลงทุนของรัฐบาลจีนเกิดความลังเลและชะลอการเข้ามาทำดิว ดิลิเจนซ์ในทีพีไอ ทั้งๆ ที่ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งอนุญาตแล้ว เมื่อวันที่ 4 ก.ค.2548 "
ซ้ำร้ายกว่านั้น ในวันเดียวกัน (4 ก.ค.) ผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการทีพีไอชุดปัจจุบันโดย พล.อ.มงคล อัมพรพิสิฏฐ์ ประธานคณะผู้บริหารแผนฯ ได้ทำหนังสือถึงนายหวัง จุน ประธานกรรมการบริหารของซิติก กรุ๊ป ที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน โดยสรุปสาระสำคัญคือ เนื้อหาในหนังสือเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริงอย่างร้ายแรงที่สุด โดยระบุว่าหากซิติก กรุ๊ป จะเข้ามาทำดิว ดิลิเจนซ์ ทางคณะผู้บริหารแผนที่มาจากตัวแทนกระทรวงการคลังของรัฐบาลไทยจะไม่ขัดข้อง แต่หุ้นของทีพีไอที่กระทรวงการคลังได้ขายให้แก่พันธมิตร ทั้งปตท. กบข. ออมสิน และกองทุนวายุภักษ์ 1 ไปแล้วเมื่อวันที่ 2 มิ.ย. 2548 ซึ่งซิติก กรุ๊ปจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวไม่ได้ ขณะเดียวกันซิติก กรุ๊ปจะต้องรับผิดชอบคือหนี้สินของทีพีไอเท่านั้นถือว่าเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง จนทำให้ผู้บริหารของซิติก กรุ๊ปเข้าใจผิด และชะลอการเข้ามาทำ ดิวดิลิเจนต์ทีพีไอออกไปก่อน"
อย่างไรก็ตาม ตนยังมีความมั่นใจว่าจะสามารถเจรจากับผู้บริหารของซิติก กรุ๊ป เพื่อให้รับทราบข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงอีกครั้งหนึ่งในเร็วๆ นี้ และหากการเจรจากับซิติก กรุ๊ปได้ข้อสรุปชัดเจนว่าจะไม่เข้ามาทำดิว ดิลิเจนท์ ทีพีไอก็จะเจรจากับพันธมิตรร่วมทุนกลุ่มใหม่ เพื่อเข้ามาลงทุนในทีพีไอแทน ซึ่งขณะนี้มีผู้ร่วมทุนกลุ่มใหม่สนใจแล้ว 2-3 ราย แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ ผู้บริหารแผนฯ เชื่อไม่กระทบขายหุ้น
ด้านนายศิริ จิระพงษ์พันธ์ คณะทำงานผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ บริษัท อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด (มหาชน) หรือทีพีไอ เปิดเผยว่า ตามที่ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งเมื่อวันที่ 4 ก.ค.ที่ผ่านมา อนุญาตนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ในฐานะผู้ค้ำประกันหนี้ และผู้สนับสนุนทางการเงินเข้ามาตรวจสอบสถานะและกิจการทรัพย์สิน (ดิว ดิลิเจนซ์) นั้น ทางคณะผู้บริหารแผนฯ พร้อมที่จะปฏิบัติตามคำสั่งศาล ซึ่งการทำดิวดิลิเจนซ์จะไม่ส่งผลทำให้การขายหุ้นทีพีไอให้แก่พันธมิตรที่ได้ลงนามสัญญาซื้อขายเมื่อวันที่ 1 มิ.ย.ที่ผ่านมา ต้องล่าช้าออกไปเพราะถือว่าเป็นคนละส่วนกัน ทั้งนี้ผู้บริหารแผนฯ ได้ตั้งเป้าว่าทีพีไอจะได้รับเงินชำระค่าหุ้นจากผู้ร่วมทุนหลักอย่าง ปตท. กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ออมสิน และกองทุนวายุภักษ์ 1 พร้อมทั้งนำทีพีไอออกจากแผนฟื้นฟูกิจการได้ภายในกลางกันยายนศกนี้
เนื่องจากผู้ร่วมลงทุนใหม่จะชำระค่าหุ้นทีพีไอ หลังจากผู้บริหารแผนฯขายหุ้นทีพีไอ โพลีนจำนวน 249 ล้านหุ้นแล้ว โดยทีพีไอได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ แล้วว่าจะเปิดประมูลขายหุ้นทีพีไอโพลีนทางอินเทอร์เน็ตในวันที่ 9 สิงหาคมนี้ หลังจากนั้นผู้บริหารแผนฯ จะแจ้งรายชื่อผู้ชนะประมูลให้เจ้าหนี้ได้รับทราบเพื่อให้เจ้าหนี้ตัดสินใจและแจ้งกลับมาว่าจะยินยอมขายหุ้นในราคาที่ผู้ประมูลเสนอมาหรือไม่ภายใน 30 วัน
ซึ่งขณะนี้มีผู้ที่สนใจมาขอเอกสารและข้อมูลทีพีไอโพลีนเพื่อไปศึกษา 10 ราย และมีผู้ที่ซื้อทีโออาร์แล้ว 2 ราย โดยผู้ที่สนใจซื้อหุ้นทีพีไอโพลีนนั้นเป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจผลิตปูนซีเมนต์และนักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศ
"ขั้นตอนสำคัญอยู่ที่ขายหุ้นทีพีไอโพลีน ซึ่งหากผู้ประมูลเสนอซื้อราคาเกิน 250 ล้านเหรียญ หรือเจ้าหนี้ตัดสินใจได้เร็วหากราคาเสนอซื้อต่ำกว่า 250 ล้านเหรียญสหรัฐ คาดว่าผู้ประมูลฯจะชำระค่าหุ้นแล้วเสร็จกลางเดือนสิงหาคมนี้ ดังนั้นผู้บริหารแผนฯ ได้ตั้งเป้าหมายว่า ทางผู้ร่วมทุนใหม่ทีพีไอจะนำเงินมาชำระค่าหุ้น และดำเนินการออกจากแผนฟื้นฟูฯ ได้ประมาณกลางเดือนกันยายนนี้"
นอกจากนี้ ผู้บริหารแผนฯ ได้ส่งหนังสือถึงศาลล้มละลายกลางเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา เพื่อยืนยันว่าผู้ร่วมลงทุนหลักมีความพร้อมในการจัดหาวงเงินเพื่อชำระค่าหุ้นทีพีไอเต็มจำนวนตามที่ได้ทำสัญญาไว้ คิดเป็นสัดส่วนหุ้น 61.5% ประมาณ 1,000 ล้านเหรียญ สหรัฐ แต่หากรวมจำนวนหุ้นที่จะกระจายให้ผู้ถือหุ้นรายย่อย 20% และเจ้าหนี้เดิมอีก 8.5% ทีพีไอจะได้รับเงินชำระค่าหุ้นถึง 1,450 ล้านเหรียญสหรัฐ
โดยผู้ร่วมทุนหลักทั้ง 4 ราย ได้แนบหลักฐานทางการเงินเพื่อยืนยันการชำระราคาซื้อหุ้นตามสัญญา ดังนี้ คือ ปตท.ได้ส่งหนังสือเพื่อ เป็นประกันการชำระค่าหุ้นประเภทสแตนด์บาย เลตเตอร์ เครดิต เป็นเงิน 2.02 หมื่นล้านบาท ที่ออกโดยแบงก์กรุงไทย ด้านธนาคารออมสิน กบข. และกองทุนวายุภักษ์ 1 ยืนยันได้มีการจัดสรรเงินไว้พร้อมที่จะชำระค่าหุ้นทีพีไอตามสัดส่วนการถือหุ้น โดยแต่ละแห่งมีทรัพย์สินสภาพคล่องจำนวนมากเป็นตัวการันตี
อย่างไรก็ตาม ตนขอย้ำว่าหากนายประชัยและผู้สนับสนุนทางการเงินที่จะชำระหนี้ทีพีไอทั้งหมดนั้นจะสวมสิทธิแทนเจ้าหนี้เดิม โดยอยู่ภายใต้กรอบของแผนฟื้นฟูกิจการ โดยไม่สามารถอ้างสิทธิความเป็นเจ้าหนี้แล้วเบรกไม่ได้ขายหุ้นส่วนทุนที่คลังได้ทำสัญญาขายหุ้นให้พันธมิตรทางธุรกิจไปก่อนหน้านี้ได้
เนื่องจากเจ้าหนี้ทีพีไอได้เซ็นโอนสิทธิให้คลังดำเนินการจัดสรรหุ้นส่วนทุนทีพีไอ 5,800 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 75% ที่เจ้าหนี้ถือไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทำให้เจ้าหนี้ไม่สามารถขายหุ้นส่วนทุนทีพีไอให้ใครได้อีก อย่างไรก็ตาม หากการขายหุ้นทีพีไอให้พันธมิตรไม่ทันตามกำหนด 8 สัปดาห์ก่อน 31 ธันวาคม 2548 ตามที่ระบุไว้ในแผนฟื้นฟูฯ สิทธิที่เจ้าหนี้เคยให้กระทรวงการคลังจัดสรรหุ้นส่วนทุนก็จะสิ้นสุดลง และเจ้าหนี้ยังมีสิทธิแปลงหนี้จำนวน 650 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นทุนใหม่จำนวน 1.2 หมื่นล้านหุ้น ทำให้เจ้าหนี้กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 90%
นายศิริกล่าวถึงกรณีนายประชัยในฐานะผู้ค้ำประกันจะดึงกลุ่มนักลงทุนใหม่เข้ามาแทนกลุ่มซิติกฯ ที่ประกาศล้มดีลร่วมทุนกับนายประชัยว่า "หากนายประชัยจะดึงผู้สนับสนุนทางการเงินใหม่เข้ามาทำดิว ดิลิเจนซ์แทน ซิติกฯ ที่ศาลมีคำสั่งอนุญาตไปก่อนหน้านี้ ทางผู้บริหารแผนฯ ก็คงต้องทำหนังสือไปยังศาลฯ เพื่อให้ศาลพิจารณาก่อนที่จะให้นักลงทุนรายใหม่เข้ามาทำดิว ดิลิเจนซ์ "
ทางคณะผู้บริหารแผนฯ ได้ทำหนังสือแจ้งไปทางซิติกฯ ในตอนบ่ายวันที่ 4 ก.ค. เพื่อแจ้ง ให้ซิติกฯ ยืนยันกำหนดการและการสนับสนุนให้เป็นไปตามคำสั่งของศาลฯ ที่อนุญาตให้นายประชัยและผู้ที่จะให้การสนับสนุนทางการเงินเข้าทำดิว ดิลิเจนซ์ได้ เนื่องจากก่อนหน้านี้ ซิติกฯเคยทำหนังสือถึงผู้บริหารแผนฯเพื่อขอทำดิว ดิลิเจนซ์" นายศิริกล่าว
สำหรับผลการดำเนินงานทีพีไอไตรมาส 2 /2548 คาดว่ามีกำไรก่อนหักภาษีและดอกเบี้ยจ่าย (EBITDA) ประมาณ 9,000 ล้านบาท เนื่องจากราคาเม็ดพลาสติกในช่วงไตรมาส 2 ปรับตัวสูงขึ้นจากไตรมาสแรกประมาณ 20% คาดว่าทั้งปีจะมี EBITDA ประมาณ 20,000 ล้านบาท ลดลงเมื่อเปรียบเทียบจากปีก่อนที่มีEBITDA 22,000 ล้านบาท เป็นผลมาจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้นทำให้ต้นทุนการผลิตเพิ่ม กระทบต่อมาร์จิ้นลดลงเหลือ 10%จากเดิม 13-14%
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|