|

"หม่อมอุ๋ย" ส่งสัญญาณชัดดันดอกเบี้ยเงินฝาก-กู้ขึ้น
ผู้จัดการรายวัน(6 กรกฎาคม 2548)
กลับสู่หน้าหลัก
หม่อมอุ๋ย ส่งสัญญาณชัดดันดอกเบี้ยกู้และฝากขึ้น เตรียมออกพันธบัตร 2.5 แสนล้านบาท เพื่อดูดซับสภาพคล่องในระบบ แย้มปีนี้ดอกเบี้ยนโยบายมีโอกาสปรับขึ้นอีก 1 ครั้ง พร้อมทบทวนประมาณการเศรษฐกิจใหม่หลังราคาน้ำมันพุ่งไม่หยุด และไทยนำเข้าสูง
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังอนุมัติให้ ธปท.ออกพันธบัตร วงเงินประมาณ 250,000 ล้านบาท เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการดูดซับสภาพคล่องในระบบ โดยปัจจุบันสภาพคล่องในระบบทยอยลดลงอย่างต่อเนื่อง ทั้งสภาพคล่องในระบบของธนาคารพาณิชย์ที่แท้จริง ไม่นับรวมกับสภาพคล่องที่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินที่อยู่ในปัจจุบัน ขณะนี้เหลืออยู่ประมาณ 250,000 กว่าล้านบาทเท่านั้น ซึ่งลดลงหลังจากที่ ธปท. ดำเนินการดูดซับสภาพคล่องมาระยะหนึ่งแล้ว ทำให้อัตราดอกเบี้ยในตลาดเงินมีการปรับขึ้นบ้างอย่างที่มีธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ปรับขึ้นบ้างแล้ว และยังสามารถปรับดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นได้อีกระดับหนึ่ง
หลังจากได้รับอนุมัติการออกพันธบัตรดังกล่าว ธปท.ได้วางแผนการออกพันธบัตรไว้เป็นพันธบัตร ธปท.ประเภทอายุ 1 เดือน อายุ 1 ปี และอายุ 2 ปี ซึ่งจะค่อยๆ ทยอยออกพันธบัตรเพิ่มเติมเป็นระยะๆ ให้เหมาะสมกับสภาพของระบบเศรษฐกิจ ณ ขณะนั้น
"ปีนี้ ธปท.จะขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีกกี่ครั้งยังบอกไม่ได้ เพราะการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายต้องดูสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้น รวมทั้งปัญหาการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดในอนาคตด้วย แต่ตอนนี้มีเครื่องมือในการดูดซับสภาพคล่องแล้ว กระทรวงการคลังอนุมัติวงเงินก้อนใหม่ให้แล้ว ซึ่งตอนนี้ที่ประหลาดใจคือตัวเลขการนำเข้าในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมากลับเพิ่มขึ้นอย่างมโหฬาร ซึ่งทุกฝ่ายมองว่าการนำเข้าควรจะปรับลดลงแล้ว" ผู้ว่าการ ธปท. กล่าว
อย่างไรก็ตาม การเพิ่มขึ้นของการนำเข้าดังกล่าว ส่วนหนึ่งมีสาเหตุมาจากการที่ทุกฝ่ายเกรงว่าราคาวัตถุดิบจะเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันจึงต้องเร่งการนำเข้า แต่เชื่อว่าในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2548 ตัวเลขการนำเข้าจะลดลงมากกว่าในปัจจุบัน เพราะ ธปท.พบว่าสินค้าคงคลังของภาคอุตสาหกรรมถูกนำเข้ามาก่อนหน้าเต็มที่แล้ว ทำให้คงไม่มีการเร่งนำเข้ามาในคลังสินค้ามากเหมือนกับในช่วงครึ่งปีแรก
"ถ้านำเข้ามาเก็บในสต๊อกมากเกินไป คนที่สต๊อกก็กลัว เพราะมีต้นทุนมากเกินไปเงินมันจม ซึ่งตอนนี้สต๊อกก็เต็มหมดแล้ว จึงเชื่อว่าครึ่งหลังของปีนี้การนำเข้าจะลดลง และมีผลดีต่อการขาดดุลบัญชีเดินสะพัด" ผู้ว่าการธปท.กล่าว
ขณะที่ นางอัจนา ไวความดี ผู้ช่วยผู้ว่าการ ธปท. กล่าวว่า ขณะนี้ต้องมองสภาพเศรษฐกิจไทยเผื่อไว้ก่อนว่าอาจจะขยายตัวไม่ได้ตามที่ตั้งเป้าไว้ในช่วงต้นปีนี้ เนื่องจากราคาน้ำมันดิบยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และยังไม่ทราบว่าจะหยุดที่ราคาเท่าไร อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าจะกระทบต่อการใช้จ่ายในประเทศ แต่ปัญหาดังกล่าวได้กระทบต่อประเทศทั่วโลกเช่นกัน ซึ่งขณะนี้ ธปท.อยู่ในระหว่างการทำประมาณการเศรษฐกิจไทยใหม่อีกครั้ง โดยจะประกาศตัวเลขในวันที่ 31 กรกฎาคม ที่จะถึงนี้
กลับสู่หน้าหลัก
 ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|