ตัวตนสนธิ ลิ้มทองกุล

โดย ยังดี วจีจันทร์
นิตยสารผู้จัดการ( มีนาคม 2540)



กลับสู่หน้าหลัก

ทุกวันนี้สนธิ ลิ้มทองกุล ทำตัวเป็นคนโลว์โปรไฟล์ยิ่งนัก เขากำลังมุ่งมั่นกับการสร้างอาณาจักรดาวเทียมด้วยความฝันความทะเยอทะยานอันยิ่งใหญ่ เขาเปิดโอกาสให้ "ผู้จัดการ" สัมภาษณ์ในประเด็นเรื่องธุรกิจดาวเทียม อย่างไรก็ดี ได้มีการพูดถึงเรื่องอื่นๆ ตามประสาคนสนทนากันด้วย วันนี้เขามีบทเรียน แง่คิดและข้อสรุปหลายอย่างจากการใช้ชีวิตมารวม 50 ปี "ผู้จัดการ" เปิดโอกาสตรงนี้ให้เขาพูดถึงแง่มุมต่างๆ อย่างเต็มที่ โดยหวังว่าท่านผู้อ่านจะได้แง่คิดของชายร่างใหญ่ที่ย่อโลก ย่อภูมิภาค ย่อประเทศและประสบการณ์ชีวิต แปรมาเป็นการกระทำของเขาในเวลานี้ :- มุมมองเรื่องสังคมไทยและบทบาทของเขา

สังคมไทยจากวันนี้ไป อย่างน้อยจนถึงปี 2542-2543 จะเป็นยุคของการช่วงชิงอำนาจอย่างรุนแรง เพราะว่าเป็นช่วงที่กฎกติกากำลังเปลี่ยน และกฎกติกาที่เปลี่ยนนั้นมันหมายถึงการสูญเสียโอกาสของคนเดิมๆ ที่ถนัดการใช้กติกาเดิมๆ เพื่อก้าวเข้ามามีบทบาทในสังคม

ช่วงนี้ผมคิดว่าผมคงจะช่วยสังคมไม่ได้ เพราะว่าผมไปเล่นตามกติกาที่เขาต่อสู้กันด้วยวิธีที่สกปรกนั้นผมทำไม่ไหว

แต่ผมคิดว่าผมช่วยประเทศชาติได้ด้วยการทำตัวผมเองให้เป็นประโยชน์ต่อภูมิภาคนี้

คืออย่างน้อยที่สุดวันนี้ ที่ไหนก็ตามที่ผมไปกล่าวสุนทรพจน์ในต่างประเทศ ผมเป็นตัวแทนของหนังสือพิมพ์ Asia Times เพราะผมเป็นคนเอเชียคนเดียวที่สังคมชาวโลกยอมรับว่าเป็นคนทำหนังสือพิมพ์ในโลกตะวันตก เพียงแต่สิ่งที่ผมทำให้สังคมไทยได้คือเมื่อเขาพูดแนะนำตัวว่า คุณสนธิ ลิ้มทองกุล จากประเทศไทยเป็นคนเอเชียคนเดียว นี่ผมก็ภูมิใจแล้ว

ผมถือว่าผมทำชื่อให้ประเทศไทยแล้ว

ผมถือว่าบทบาทที่ผมจะมีต่อสังคมไทยใน 2-3 ปีข้างหน้านั้น คือผมต้องพัฒนาและสร้างกลุ่มผู้จัดการตลอดจนกลุ่มธุรกิจต่างๆ ที่จะไปปรากฏตัวในต่างประเทศให้ประสบความสำเร็จและให้ดีที่สุด และให้เขารู้ว่านี่คือฝีมือคนไทย

นั่นคือบทบาทที่ผมจะมีต่อสังคมใน 2-3 ปีข้างหน้า

ผมอายุ 50 แล้ว ผมมาคิดว่าจะทำอย่างไรให้คนรุ่นหลังและสังคมไทยดีกว่าเก่า

สมัยก่อน ผมเป็นคนที่ทะเยอทะยานมาก อยากจะเปลี่ยนโลก เมื่อกลับมาเมืองไทยใหม่ๆ ก็อยากจะเปลี่ยนเมืองไทย พอมาวันนี้ผมคิดว่าดีที่สุดที่ผมคิดคือ จะทำอย่างไรให้คนในองค์กรเรามีทัศนคติที่ดีและมีความมุมานะ มีความรู้สึกต้องการพัฒนาตนเองมากกว่า

คือความปรารถนาเราเริ่มเล็กลง

แต่ว่าความทะเยอทะยานยังมีอยู่ ที่ต้องการให้คนไทยและคนเอเชียสามารถยืนอยู่บนโลกนี้ได้อย่างสง่าผ่าเผยโดยที่ไม่โดนต่างชาติโดยเฉพาะอย่างยิ่งโลกตะวันตกดูถูก

อยากให้โลกตะวันตกเห็นฝีมือคนเอเชีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนไทย ซึ่งในประเทศไทยมีหลายคนที่ผมชมเชยเขามาก อย่างชาญ อัศวโชค แห่งอัลฟาเทค ผมถือว่าเขาทำคุณประโยชน์ให้กับประเทศชาติอย่างมาก และหลายๆ คนอย่างคุณอานันท์ ปันยารชุน และคนที่ทำธุรกิจโดยไม่ผูกขาดแล้วร่ำรวยขึ้นมาได้ด้วยการแข่งขันที่ยุติธรรม แล้วไม่ได้ใช้อิทธิพลทางการเมืองเข้ามาเพื่อทำให้ธุรกิจของเขาอยู่ได้ คนอย่างนี้ผมขอชื่นชม! โดยเฉพาะคนที่ออกไปสู้รบกับต่างชาติในเรื่องการค้า ผมชมเชยเขามาก!

ผมเป็นคนกลัวคนดี คนเก่ง คนเก่งอย่างดีที่มีศีลธรรมและคนที่ทำชื่อให้ประเทศชาติ พวกนี้ถูกประเทศชาติละเลยมานาน เราไปยกย่องคนที่ไม่ควรยกย่องมานาน

ผมอยากเห็นการสร้างความมั่งคั่ง ไม่ใช่การกระจายความมั่งคั่ง อยากให้มีนักธุรกิจภูมิภาคที่ร่ำรวยเกิดขึ้นมากๆ เพื่อที่ว่าอำนาจมันจะได้กระจายไปบ้าง แทนที่จะกระจุกอยู่ที่กรุงเทพฯ ไม่อยากเห็นคนรวยไม่กี่คนในกรุงเทพฯ

ทุกวันนี้คนไทยส่วนหนึ่งที่มีอำนาจกำลังลืมตัวหลงใหลในอำนาจ

หารู้ไม่ว่าอำนาจคือลมที่พัดมาถูกตัว แล้วมันก็พัดผ่านไป

เราเห็นมามาก จนกระทั่งจริงๆ แล้วในส่วนลึกมันเป็นสัจธรรมที่ผมเห็นแล้วรู้สึกเฉยๆ ไม่ได้รู้สึกยิ่งใหญ่ไปตามความยิ่งใหญ่ของคน มิหนำซ้ำในทางตรงกันข้าม กลับรู้สึกสังเวชเสียด้วยซ้ำ มุมมองเรื่องผู้นำไทยในอนาคต

ผมมีความเชื่อมั่นว่าคนที่จะนำประเทศได้รอด 1) ต้องเป็นคนที่มีความเป็นสากล ไม่ใช่แค่พูดภาษาอังกฤษได้ ต้องเข้าใจภูมิภาคนี้เพราะปัญหาในภูมิภาคนี้ในอนาคตจะเป็นปัญหาร่วมกัน

ปัญหาสิ่งแวดล้อมในพม่าไม่ใช่ปัญหาพม่าประเทศเดียว มันเป็นปัญหาของประเทศไทยและลาวด้วย

หรือปัญหาของประเทศเพื่อนบ้านเราที่จนนั้น มันไม่ใช่ปัญหาของเขาเท่านั้นเพราะหากเขาจนและเรารวยอยู่คนเดียว เราลำบากแน่ เราต้องรีบทำให้เขารวย

ความเป็นสากลที่คนนานาชาติยอมรับได้ ที่ไม่มีประวัติที่เช็กแล้วว่าเป็นคนใช้ไม่ได้ ต่างชาติต้องยอมรับทั้งกายและใจ

2) ต้องเป็นคนที่ตีนติดดิน คนที่เข้าใจดอกเบี้ยพันธบัตร อัตราแลกเปลี่ยน อัตราเงินเฟ้อ แต่ขณะเดียวกันก็เข้าใจความยากจนของผู้คน เข้าใจว่าจะต้องแก้อย่างไร ไม่ใช่มองว่าการแก้ปัญหาของประเทศชาตินั้นต้องสร้างให้ภาคเอกชนใหญ่เท่านั้นพอ ภาคเอกชนที่พูดถึงนี้คือคนรวยไม่กี่คน แต่ทำอย่างไรที่จะให้คนจนมีโอกาสสร้างความมั่งคั่งเกิดขึ้นมาบ้าง ต้องตีนติดดิน นี่สำคัญมาก

3) ต้องเป็นคนที่มีใจนักเลง ในบางเรื่องต้องกล้าตัดสินใจให้เห็น เป็นคนที่ไม่หวงอำนาจ พร้อมที่จะลุยกับอำนาจได้ในการตัดสินใจของตัวเอง

4) ต้องเป็นคนที่มีเงิน ผู้นำในอนาคตไม่มีเงินไม่ได้ และเงินที่ได้มาต้องบริสุทธิ์

5) มีความรอบรู้ทุกเรื่อง ไม่จำเป็นต้องรู้ลึก แต่สามารถนำความคิดได้ ไม่ใช่ว่าพอไม่รู้เรื่องนี้แล้ว แต่เมื่อไปคุยกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องแล้ว ยอมตามเขาทุกเรื่อง ต้องฟังเรื่องแล้วเข้าใจ มีวิสัยทัศน์

ผมว่า 4-5 ข้อที่ผมพูดนี้เป็นเรื่องที่สำคัญจริงๆ เพราะผู้นำประเทศเพื่อนบ้านเรา ซึ่งผมหมายถึงมาเลเซียและสิงคโปร์ ผู้นำเขามีคุณสมบัติเหล่านี้ครบ

เราต้องเป็นผู้นำอาเซียนให้ได้!



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.