|
เอชพีพลิกโฉมการตลาดโน้ตบุ๊กใหม่ ผนึกพันธมิตรจัดโซลูชันเฉพาะกลุ่ม
ผู้จัดการรายวัน(4 กรกฎาคม 2548)
กลับสู่หน้าหลัก
เอชพีปรับโฉมการตลาดโน้ตบุ๊กจากมุ่งขายโปรดักส์มาเป็นการเสนอโซลูชันพร้อมใช้ครบวงจรให้กับลูกค้า มองการการเติบโตของ Mobility สื่อสารไร้สายเคลื่อนที่ที่โตวันโตคืนเป็นเป้าหมายขยายตลาดโน้ตบุ๊กไปยังกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ด้วยนโยบายในการจับมือกับพันธมิตรคอร์สเซ็กชันการตลาดเป็นครั้งแรก ชี้เอ็นเทอร์เทนเมนต์เป็นกลุ่มเป้าหมายหลักที่จะได้รับความสนใจของตลาดโน้ตบุ๊กในปัจจุบัน ทั้งมีแนวโน้มที่โตมากกว่ากลุ่มอื่น
นายปวิณ วรพฤกษ์ ผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์ กลุ่มธุรกิจเพอร์ชัลแนล ซิสเต็มส์ บริษัท ฮิวเลตต์-แพคการ์ด (ประเทศไทย) จำกัด (HP) กล่าวว่า ปัจจุบันเอชพีมีการปรับกลยุทธ์ในการทำตลาดใหม่ จากเดิมที่มุ่งทำตลาดด้วยการนำเสนอโปรดักส์เพียงอย่างเดียว มาเป็นการนำเสนอโซลูชันครบวงจรการใช้งานให้กับลูกค้า
เอชพีอาศัยความพร้อมในเรื่องการมีโปรดักส์ครบวงจรด้านการตลาด มาผนวกกับการหาพันธมิตรมาเสริมในส่วนเอชพีที่สามารทำได้ เพื่อการนำเสนอโซลูชั่นสื่อสารไร้สายรูปแบบใหม่ Mobility โดยจับมือกับพันธมิตรในวงการที่มีความเชี่ยวชาญในแต่ละเรื่อง เพื่อนำเสนอแพกเกจด้านการใช้งานที่สมบูรณ์แบบให้กับลูกค้า
เอชพีประเดิมจับมือ กลุ่มทรู และอินเทลจัดแคมเปญการตลาดร่วมกันภายใต้ชื่อ “True Mobility by HP” ให้ผู้ซื้อโน้ตบุ๊ก Compag Presario ทุกรุ่น ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม-31 สิงหาคม 2548 จะได้รับ Wi-Fi Internet by True ทันที่ 10 ชั่วโมงต่อเดือนเป็นเวลา 3 เดือน มูลค่าประมาณ 5,400 บาท
ความร่วมมือกันครั้งนี้เกิดจากการมองกลยุทธ์การตลาดที่เป็นไปในทิศทางเดียวกันคือ การสื่อสารไร้สายในอนาคตจะเป็นเครื่องมือที่มาตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบันและอนาคต
“การสื่อสารไร้สายหรือ Mobility เริ่มเห็นการเติบโตที่ชัดเจนมากขึ้นทุกปี คาดว่าการเติบโตของ Mobility จะอยู่ในระดับไม่ต่ำกว่า 37 % ต่อปีนับจากนี้ต่อไปจนถึงปี 2007”
นายประเสริฐ จรูญไพศาล ผู้จัดการทั่วไป กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์และการพิมพ์ เอชพี กล่าว โดยความร่วมมือกันครั้งนี้เป็นการอาศัยจุดแข็งของแต่พันธมิตรที่มีอยู่ โดยเอชพีมีความพร้อมในเรื่องตัวโปรดักส์ ความหลากหลายของโน้ตบุ๊กในแต่ละรุ่นที่เหมาะกับการใช้งานแต่ละกลุ่มเป้าหมาย ขณะที่ทรูมีศักยภาพด้านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่มีความครอบคลุมพื้นที่การใช้งานกว่า 300 จุดในปัจจุบัน และมีนโยบายที่จะขยายเครือข่ายให้เพิ่มมากขึ้นเป็น 400-500 จุดในสิ้นปี ทำให้ผู้ใช้บริการสามารถอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงแบบไร้สายได้มากยิ่งขึ้น
นายเจน จูฑา ผู้ช่วยผู้อำนวยการ หัวหน้าฝ่าย Wireless Broadband Servicess บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE กล่าวว่า เมื่อเทียบอัตราการเติบโตของบรอดแบรนด์ของทรูจากปี 2003 ที่มีผู้ใช้ประมาณ 1.2 หมื่นราย มาในปี 2004 เพิ่มเป็นกว่า 2 แสนราย หรือมีการเติบโตกว่า 10 เท่า ทำให้คาดการได้ว่าการเติบโตของไว-ไฟจะไม่น้อยกว่ากัน
จากแนวทางใหม่ในการทำตลาดที่มุ่งการนำเสนอโซลูชันพร้อมใช้งานให้กับลูกค้า โดยประเดิมงานแรกกับการจับมือกับ ทรู และ อินเทล นี้ เอชพีคาดว่าจะทำตลาดโน้ตบุ๊ก Compag Presario ได้ไม่น้อยกว่า 10,000 ตัวต่อเดือน
นายปวิณ กล่าวว่า หากมองในแง่แวลลูแล้วปัจจุบันเรียกได้ว่า เอชพีเป็นผู้นำอันดับ 1 ในตลาดโน้ตบุ๊กด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดประมาณ 27 % ในไตรมาส 2 ของปี 2005 จากส่วนแบ่งทางการตลาด 23% ในไตรมาส 1 ของปี 2005 และคาดว่า ในไตรมาสที่ 3 และ 4 นี้ เอชพีก็จะยังคงความเป็นผู้นำตลาดอันดับหนึ่งในแง่แวลลูอยู่เช่นเดิม
“ความมั่นใจของเอชพีในการเป็นผู้นำอันดับ1 เกิดจากการปรับแนวทางการทำตลาดใหม่ที่หันมาให้ความสำคัญการนำเสนอโซลูชั่นด้านการใช้งานที่ครบวงจรให้กับลูกค้ามากกว่าการขายผลิตภัณฑ์เพียงอย่างเดียว ทั้งการเปิดรับพันธมิตรร่วมทำการตลาดครั้งนี้ เท่ากับเป็นการขยายตลาดจากเดิมที่อยู่ในกลุ่มผู้ใช้โน้ตบุ๊กเพียงอย่างเดียวมาเป็นกลุ่มลูกค้าไว-ไฟอีกด้วย นับเป็นการคอร์สเซ็กชันการตลาดของเอชพีครั้งแรก” นายปวิณกล่าว
จากกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เอชพีนำเสนอกับลูกค้าคือ 1. โมบายออฟฟิศ 2. โมบายเพอร์ฟอร์แมน และ 3. กลุ่มโมบายเอ็นเทอร์เทนเมนต์ โดยมีสัดส่วนในการทำตลาด 50%, 5% และ 45 % ตามลำดับ และคาดว่ากลุ่มโมบายเอ็นเทอร์เทนเมนต์จะเป็นกลุ่มที่มีอัตราการเติบโตอย่างมาก เอชพีจึงมีการเตรียมตัวในการทำตลาดลูกค้าในกลุ่มนี้
“นับจากการนี้ต่อไป เอชพีจะให้ความสำคัญกับการทำตลาดด้วยการจับมือกับพันธมิตรในแต่ละวงการเพื่อการนำเสนอผลิตภัณฑ์ของเอชพีในและซีรีส์ไปตามตลาดกลุ่มเป้าหมาย ด้วยการจัดแคมเปญการตลาดร่วมกับพาร์ตเนอร์ในวงการนั้น เช่น พันธมิตรในธุรกิจค่ายหนัง ฟังเพลง ที่อยู่ในระหว่างพูดคุยกันเพื่อเตรียมจัดแคมเปญร่วมกัน รวมทั้งลูกค้าในกลุ่มอื่นๆ เช่น กลุ่มธุรกิจการเงิน ไฟแนนซ์ ที่อยู่ในระหว่างการจัดแคมเปญร่วมกับพันธมิตร
ในส่วนตลาดรวมโน้ตบุ๊กในปีนี้คาดจะตกประมาณ 250,000-260,000 เครื่อง เติบโตจากปีที่ผ่านมาประมาณ 240,000 เครื่อง โดยมีอัตราการเติบโตประมาณปีละ 12% เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาที่โตประมาณ 11 % โดยในปีนี้เอชพีคาดว่าจะมีการเติบโตมากกว่าตลาด 1 เท่าตัว
ผู้บริหารเอชพีกล่าวว่า จากการปรับกลยุทธ์ทางการตลาดใหม่ ทำให้เอชพีกลายเป็นแบรนด์พรีเมียมที่มุ่งมอบประสบการณ์จริงในการใช้งานให้กับผู้ใช้ และความคุ้มค่าต่อการใช้งาน โดยมองการเปิดตัวทำตลาดในเมืองไทยของโน้ตบุ๊กสั่งประกอบเองตามออเดอร์ว่า ไม่น่าจะส่งกระทบกับตลาด ด้วยเหตุผลที่ว่า 6-7 อันดับ จากที่ 1 ในตลาดก็ยังเป็นของแบรนด์อินเตอร์ โดยเอชพีจะมุ่งนำเสนอโซลูชั่นกับแคมเปญที่เหมาะสมในแต่ละตลาดให้กับกลุ่มลูกค้า เพื่อแข่งขันกับการทำราคาของโน้ตบุ๊กสั่งประกอบ
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|