ไตรภพ ลิมปพัทธ์ เขามากับ "เกมส์โชว์"


นิตยสารผู้จัดการ( พฤศจิกายน 2529)



กลับสู่หน้าหลัก

หลังจาก ไตรภพ ลิมปพัทธ์ เข้าสู่โลกธุรกิจบันเทิงเป็นพิธีกรจัดรายการเกมส์โชว์ให้บริษัท เจ เอส แอล ได้ 2 ปีกว่า เขาก็สามารถตั้งบริษัท บอร์น ออปเปอเรชั่น จำกัด ได้เมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2527

ด้วยการจดทะเบียน 1 ล้านบาท เพื่อผลิตรายการโทรทัศน์ของตนเอง

ในปีแรกของการดำเนินกิจการตามเอกสารการเงินที่แจ้งต่อกระทรวงพาณิชย์ บอร์น ออปเปอเราชั่น มีรายได้จากการรับจ้าง 9,580,312 บาท…

ไตรภพ จบนิติศาสตร์นากรามคำแหงเมื่อปี 2520 และเริ่มอาชีพตามวิชาที่ร่ำเรียนมา ชีวิตการเป็นทนายแรกๆมีเงินพอใช้บ้างไม่พอใช้ง้าง เป็นทนายได้ไม่กี่ปีชีวิตการทำงานก็เริ่มแปรผัน

ไตรภพได้ทำงานที่เป็นคนละเรื่องกับอาชีพทนาย และไม่ใช่อาชีพที่ฝันใฝ่มาก่อนด้วย

"…ผมไม่เคยพูดหน้าชั้น ไม่เคยเล่นละครโรงเรียน ไม่เคยทำกิจกรรม ไม่เคยทำอะไรเกี่ยวกับการแสดงออก" ไตรภพพูดถึงตัวเอง

แต่เมื่อไตรภพแสดงออกครั้งแรกเขากลับเจอลูกฟลุคเข้าอย่างจัง

ปี 2525 เกมโชว์ทางโทรทัศน์เริ่มบูม น้องสาวที่เป็นญาติกันชวนไปเล่นเกมออกโทรทัศน์ ไตรภพก็ไปเพราะช่วงนั้นใครๆก็อยากไปออกรายการเกมโชว์กันทั้งนั้น

"มันเป็นเรื่องฟลุคครับ สมัยก่อน บริาษั? เจ เอส แอล เขาทำรายการล้มเค้าต้องมีพี่น้องไปเล่นทั้งหมด 5 คน ทีนี้น้องผมเขาหาได้ 4 คน เขามาชวนผมก็ไป พอไปเล่น เจ เอส แอล

เขาชอบใจอย่างไรไม่รู้เค้าก็มาชวนเป็นพิธีกร" ไตรภพเคยให้สัมภาษณ์นิตยสารบันเทิงฉบับหนึ่ง

ไตรภพได้โอกาสที่ใครต่อใครหลายคนพยายามหามาตลอดชีวิต เขาตกลงร่วมงานกับ เจ เอส แอล เริ่มชีวิตในวงการบันเทิงด้วยการเป็นพิธีกรเกมโชว์

ในช่วงเวลาที่เกมโชว์เป็นรายการโทรทัศน์ที่เริ่มบูมแทนละครและภาพยนตร์จีน

"เริ่มแรกผมลงที่รายการพลิกล็อค เข้ามาปีนึงก็เปลี่ยนรายการคุณปัญญา (ปัญญา นิรันดร์กุล) มาทำแทน ผมมาทำรายการลาภเลขกับคุณสุดา บุลสุข และต่อมาก็มาคู่กับคุณธิติมา สังขพิทักษ์

ในรายการเกมชิงหลัก"ไตรภพเล่า

ปี 2526 ไตรภพได้รางวัลเมขลาในฐานะพิธีกรรายการบันเทิงดีเด่นชาย เยารู้สึกว่าเขามาถึงจุดสุดยอมของการเป็นพิธีกรแล้ว และคิดว่าต้องหาทางทำอะไรที่สนองความต้องการของตัวเองที่สูงกว่านี้

อาจจะเป็นเพราะเริ่มค้นพบตัวเองแล้วก็เป็นได้

ไตรภพอยู่ เจ เอส แอล ได้ 2 ปี ก็ลาออก เป็นช่วงเวลาที่เกมโชว์ยังบูมไม่หยุด ยังเป็นรายการที่มีคนดูมาก สปอนเซอร์หลั่งไหลเข้ารายการชนิดที่ต้องรอคิว

หนังสือพิมพ์ที่ไม่เคยสนใจข่าวเกมโชว์ก็ลงรายละเอียดรายการให้ เกมโชว์เป็นรายการที่ได้รับการกล่าวขวัญอย่างมาก ผู้ชมที่ดูเกมโชว์จบในคืนนี้จะต้องพูดคุยกันอย่างสนุกสนานในวันรุ่งขึ้น

ในเวลานั้นห้างเซ็นทรัลฯมีผู้รับผิดชอบทางด้านโปรโมชั่นที่เป็นคนหนุ่มหัวใหม่-สุทธิธรรม จิราธิวัฒน์ ซึ่งต้องการรายการส่งเสริมการขายทางทีวี ให้ความรู้สึกว่าห้างสรรพสินค้าเป็นผู้ให้

เพื่อนของไตรภพนำ IDEA นี้มาปรึกษาไตรภพจึงเสนอรายการ "เอาไปเลย" ให้เซ็นทรัลพิจารณา

และการได้เกิดของรายการเกมโชว์"เอาไปเลย" ก็คือ การได้เกิดของบอร์น ออปเปอเรชั่น

บอร์น ออปเปอเรชั้น ก่อตั้งเมื่อปี 2527 เมื่อไตรภพอายุ 29 โดยไตรภพร่วมทุนกับเพื่อนๆในวงการบันเทิงอีก 6 คน

…ธุรกิจบันเทิงเป็นธุรกิจที่ขึ้นเร็วลงเร็ว การจะหาแหล่งเงินทุนในระบบเป็นเรื่องยาก เพราะไม่มีสินทรัพย์ค้ำประกันไตรภพก็มีปัญหานี้

ดังนั้นเงินลงทุนและเงินหมุนเวียนที่นำมาใช้ดำเนินธุรกิจในช่วงแรกๆจะเป็นเงินกู้จากนอกระบบ บางครั้งต้องเสียดอกเบี้ยร้อยละ 3 ต่อเดือน

"ผมไม่มี ASSET ไปเสนอแบงก์ ส่วนคนนอกมองผมแล้วเชื่อใจก็โอ.เค. เขียนเช็คล่วงหน้าให้เขา เขาก็ให้เงินมา อย่านึกว่าเขาหวังดอกเบี้ยร้อยละ 3 เขาเชื่อหน้าถึงให้ " ไตรภพเผยถึงแหล่งเงินทุน

"เกมโชว์ต้องมีความสนุกสนานเป็นพื้น บันเทิงมาก่อนสาระ สังเกตได้ว่าเกมโชว์ที่ประสบความสำเร็จส่วนมากจะเป็นลักษณะบันเทิง เร้าใจมากๆ ต้องคาด ต้องเดา

และรางวัลจะเป็นตัวล่ออีกตัวหนึ่งที่ทำให้เกมโชว์ดัง" เขาว่า

ไตรภพผลิตรายการของเยาในลักษณะนี้ และหลังจากรายการ "เอาไปเลย" โชว์ฟอร์มได้ 6 เดือน บอร์น ออปเปอเรชั่น ก็ได้ผลิตรายการเกมละครปริศนาให้บริษัทคาโอ (ประเทศไทย) จำกัด

และล่าสุดรับผลิตรายการ"อะไรเล่า" อีกรายการหนึ่ง

คนในวงการธุรกิจบันเทิงรู้ดีว่ารายการโทรทัศน์จะเป็นที่นิยมและผู้ผลิตรายการอยู่ได้นั้นมีเงื่อนไขเพียงประการเดียวคือ ได้รับการยอมรับของคนดูอันจะทำให้รายการดัง

การยอมรับของเอเจนซี่ก็จะตามมา ซึ่งหมายถึงรายได้จากโฆษณาสินค้าและการยอมรับจากเจ้าของรายการที่สนับสนุนรายการให้ดำเนินต่อไปได้

ไตรภพเข้าใจข้อนี้ดีการที่จะได้รับการยอมรับจากกลุ่มต่างๆนั้นงานที่ผลิตออกมาต้องมีคุณภาพ

ไตรภพทุ่มเทให้กับการสร้างคุณภาพงานเป็นอย่างมากและเขาก็มีลักษณะของผู้ประกอบการที่หวังผลในระยะยาวอยู่ด้วย

"เกมโชว์ขณะนี้มีการแข่งขันสูง เมื่อ 5-6 ปี ก่อนอาจมีกำไรมาก แต่เดี๋ยวนี้แย่ ต้นทุนการผลิตสูง ทุกคนต้องแข่งขันกัน อย่างรายการ "เอาไปเลย" เฉพาะต้นทุนการผลิตฉากอย่างเดียวเข้าไป 7 แสนกว่าบาท

รายการเกมละครปริศนาตอนหนึ่งๆ แสนกว่าบาท รายการหนึ่งๆกำไรน้อยมาก"เขาเล่า

"ผมไม่มองผลธุรกิจในระยะสั้น ผมมองในระยะยาว เพราะฉะนี้นการจะสร้างพื้นฐานที่มั่นคงก็จะต้องยอมเสียบ้างเป็นธรรมดา ผมกำลังอยู่ในช่วงยอมเสีย อีก 5-6 ปี ผมอาจจะได้ ถ้าเครดิตเรามั่นคง

ชื่อเสียงเราดี งานออกไปในนามบอร์น ออปเปอเรชั่น ใครๆก็ยอมรับ เหมือนกับได้ยินคำว่ากันตนา หรือรัชฟิล์ม คนจะเชื่อถือ ผมต้องการอย่างนั้น" เขาเชื่อ

ธุรกิจบันเทิงก็เหมือนธุรกิจอื่นๆที่เมื่อมีผลกำไรสูงก็มักจะมีใครต่อใครทำตามกันมากมาย เกมโชว์ก็เหมือนกันในวันนี้มีการแข่งขันสูงมาก

จัดเป็นรายการที่มีส่วนแบ่งของรายการโทรทัศน์ที่เด่นชัดขึ้นมาจากเมื่อ 5-6 ปีก่อน มีส่วนแบ่งเพียง 1-2% ของรายการโทรทัศน์ทั้งหมด ไตรภพกับธุรกิจของเขากำลังพบสิ่งนี้

"เกมโชว์เมื่อเทียบกับธุรกิจบันเทงอื่นๆเมื่อ 5-6 ปีก่อนนั้นดีมาก กำไรมาแต่มาช่วงนี้แย่…สำหรับผมถ้าขายโฆษณาได้เต็มจริงๆก็ได้ประมาณ 30% …รายการหนึ่งๆมีโฆษณาประมาณ 10 นาที

อย่างเอาไปเลย นาทีละสองหมื่น รายการหนึ่งได้สองแสน…อันนี้ผมหมายถึงว่าถ้าขายได้เต็มนะ ถ้าไม่เต็มกำไรน้อย"

ทางด้านภาวะเศรษฐกิจก็มีส่วนกระทบต่อธุรกิจบันเทิงด้วย ไตรภพกับบอร์น ออปเปอเรชั่น พยายามประคองตัวให้รอดพ้นสภาพเศรษฐกิจขณะนี้อย่างเต็มที่ โดยไม่ขยายงานเกินตัว

"ช่วงเศรษฐกิจแย่ เราก็ต้องพยายามเลียแผลอยู่ในถ้ำเพื่อรอเวลา…เรายังเล็กและมีรายการไม่มากมีสปอนเซอร์แน่นก็พออยู่ได้ แต่สำหรับบริษัทใหญ่ๆมีรายการมากๆเขากระทบแน่"ไตรภพออกความเห็น

ช่วงนี้ไตรภพต้องเป็นทั้ง OPERATOR และเป็นทั้ง DECISION MAKING จนแยกไม่ออก ต่อไปเขาคงต้องวางตำแน่งวางบทบาทของตัวเองให้ถูกต้องกว่านี้โดยเฉพาะเมื่อจะขยายงานออกไปในวันหน้า

…ไตรภพว่า ตอนนี้เขามีเครดิตมากขึ้นแล้ว จะกู้จากแบงก์หรือจากคนนอกก็คงไม่มีปัญหา และเขารู้ว่าธุรกิจบันเทิงมีความเสี่ยงถึง 80 % แต่เขาก็จะไม่ยอมหยุดนิ่ง

เมื่อเศรษฐกิจคลี่คลายกว่านี้เขาจะต้องขยายงานออกไป

"ปีที่ผ่านมาผมว่า บอร์นไม่ได้ขยายตัว ไม่ได้เพิ่มอะไรเพียงแค่ทรงตัว ปลายปีนี้ผมมั่นใจว่าถ้าผมพร้อม เราก็พร้อมจะเพิ่มรายการ"

ทุกวันนี้บอร์น ออปเปอเรชั่น ยังไม่มีสำนักงานเป็นของตัวเอง ด้านการผลิตรายการก็ต้องพึ่งกันตนาให้ผลิตให้ อุปกรณ์ เครื่องไม้เครื่องมือต่างๆก็ยังไม่พร้อม แต่สักวันอาณาจักรของบอร์น ออปเปอเรชั่น

ภายใต้การนำของไตรภพก็คงจะสมบูรณ์กว่านี้ ถ้าไตรภพทำได้อย่างที่เขาชอบพูดเสมอว่า

"งานบันเทิงไม่เหมือนงานอื่นมันหยุดอยู่กับที่ไม่ได้ ทำไปสักพักจะรู้ว่า ไอ้ตรงนี้ต้องแก้ใหม่ทำใหม่ ยิ่งทำหลายรายการต้องแก้ไขอยู่เสมอ เพราะทำอันหนึ่งเสร็จไปอีกอันหนึ่งเวียนเข้ามาอีกแล้ว

เพราะฉะนั้นหยุดอยู่กับที่ไม่ได้ ต้องแก้ปัญหาต้องทำอะไรใหม่อยู่เสมอ…และสิ่งที่ผมจะจำเสมอสำหรับการทำงานคือ ทำให้มันมีคุณภาพ ทำให้ดีเข้าไว้ อันนี้เป็นสิ่งที่คุณจาฤก กัลจาฤก เขาสอนผมไว้"

วันนี้ไตรภพไม่เพียงเป็นกรรมการผู้จัดการบบริษัท บอร์น ออปเปอเรชั่น เท่านั้น เขายังรับว่าความในบางคดีด้วย

โดยเฉพาะคดีเกี่ยวกับมรดกหรือที่ดินไตรภพประจำอยู่สำนักงานทนายความมณีเทพพิทักษ์ ไตรภพอายุ 31 ปีแล้ว เขายังคงทำงานหนัก บางวันอยู่ที่ทำงานถึงตี 2 ตี3

แต่กลับตื่นเช้าเพื่อไปส่งภรรยาไปทำงานที่บริษัทกระเบื้องกระดาษไทย จำกัด และจะมาถึงที่ทำงาน 8.30 น. เป็นประจำ

วันนี้เขารับเงินเดือนเลข 5 ตัวที่ บอร์น ออปเปอเรชั่น และมีรายได้จากการว่าความอีกส่วนหนึ่ง แต่ไตรภพว่าเขามีชีวิตง่ายๆ ไม่มีอะไรพิถีพิถันแม้แต่เรื่องการแต่งตัวแต่ในวันที่

"ผู้จัดการ"คุยกับไตรภพสังเกตว่าเสื้อผ้าที่ใช้นั้นเป็นบูติคมีราคาทีเดียว และได้คุยกับ "ผู้จัดการ" ช้ากว่าเวลานัดหมายประมาณครึ่งชั่วโมง เพราะรถ BMW 520I ของเขาเสีย

ไตรภพจะมีเวลาว่างเฉพาะวันอาทิตย์เท่านั้น เขาจะใช้เวลากับการนอนเสียส่วนใหญ่ บ่ายๆจะพาลูก 2 คน กับภรรยาออกเที่ยว ตอนเย็นจะไปเล่นเทนนิสที่โรงแรมรามา การ์เดนส์

ไตรภพชอบศึกษาชีวิตของพิธีกรต่างประเทศไม่ว่าจะเป็นจอนห์นี่ คาร์สัน หรือ รัช ชิชเทิ้ล และศึกษาเกมโชว์ของต่างประเทศเพื่อนำมาปรับให้เข้ากับรายการของเขา

"ผมต้องขวนขวายหน่อย มันก็เป็นธรรมดานะ สำหรับคนที่ต้องอยู่ทั้งหน้าจอและหลังจอ"



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.