“ริเวอไรน์เพลส” ประกาศขายยกตึกเฉพาะตึก 2 ราคา 1,000 ล้านบาท


นิตยสารผู้จัดการ( ธันวาคม 2539)



กลับสู่หน้าหลัก

ถ้าลงเรือลอยลำในแม่น้ำเจ้าพระยาในวันนี้ จะเห็นโครงการคอนโดมิเนียมริมน้ำหลายโครงการที่ก่อสร้างเสร็จแล้วกำลังอวดโฉมต่อสายตาคนทั่วไปอยู่มากมายหลายโครงการ

โครงการสวยๆในบรรยากาศดีเยี่ยมเหล่านั้นหลายโครงการกำลังสร้างปัญหาให้กับเจ้าของโครงการเหมือนๆกับโครงการอสังหาริมทรัพย์อื่นๆ เช่นกันคือยังมีจำนวนยูนิตว่างอีกมากมาย

“ริเวอไรน์ เพลส” ของบริษัทนารายณ์ พร็อพเพอตี้ที่มี ทวี หนุนภักดีเป็นประธานกรรมการ จึงประกาศขายยกตึกเฉพาะตึก 2 ให้กับกลุ่มผู้สนใจในสนนราคาประมาณ 1,000 ล้านบาท

โครงการริเวอไรน์เพลส ตั้งอยู่บนพื้นที่ 12 ไร่เศษใกล้สะพานพระราม 7 ด้านหนึ่งติดถนนพิบูลสงครามอีกด้านติดกับแม่น้ำเจ้าพระยาเริ่มทำการก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 2535 มีทั้งหมด 4 ตึกความสูงตึกละ 26 ชั้น ปัจจุบันการก่อสร้างของตึกหลังแรกเสร็จไปเรียบร้อย มีการโอนไปแล้วประมาณ 90% มีคนเข้าอยู่จริงประมาณ 40% ส่วนตึกหลังที่ 2 การก่อสร้างเพิ่งแล้วเสร็จ ตึกหลังที่ 3 และ 4 ก่อสร้างได้เกินกว่า 50% แล้วทั้ง 4 ตึกมีจำนวนประมาณ 400 ยูนิต โดยเฉพาะตึกหลังที่ 3 นั้นจะเน้นไปยังพื้นที่ให้บริการในเรื่องของความสะดวกสบายและสปอร์ตคอมเพล็กซ์ขนาดใหญ่

ทยารมย์ คบายาชิจากบริษัทบริหารงานขายเชสเตอร์ตันไทย คือผู้ที่มารับผิดชอบหลักในเรื่องงานขายเมื่อประมาณ 2-3 เดือนที่ผ่านมาหน้าที่ของเธอตอนนี้ก็คือ การขายโครงการในตึก 1 และตึก 4 เธอเล่าว่าโครงการนี้เป็นโครงการริมแม่น้ำโครงการเดียวที่เชสเตอร์ตันเป็นตัวแทนการขายในปัจจุบันเพราะมองเห็นจุดขายที่สำคัญคือเป็นโครงการที่ไม่ได้ออกนอกเมืองเกินไป สามารถเป็นได้ทั้งบ้านหลักแรกและบ้านเพื่อตากอากาศหลังที่ 2

แต่ละยูนิตมีขนาด 100 ตารางเมตรขึ้นไปในราคา 52,000 บาทต่อตารางเมตรจุดขายในช่วงนี้จะมีการลดราคาให้ 5% สำหรับลูกค้ารายใดที่เทเงินดาวน์ จุดขายอีกอย่างหนึ่งก็คือในโครงการนี้ไม่มีการเสียค่าส่วนกลางเป็นระยะเวลา 5 ปีโดยที่ทางโครงการจะมีเงินสมทบจากบริษัทตึกละ 10 ล้านบาท เพื่อเอาไว้ใช้จ่ายในโครงการ โดยมีนิติบุคคลอาคารชุดจะเป็นผู้บริหารเงินในส่วนนี้ และในตึก 1 ที่สร้างเสร็จแล้วนั้น ขณะนี้ยังมีบางห้องที่ปล่อยเช่าด้วยในชนาด 2 ห้องนอน 112 ตารางเมตรราคาประมาณ 60,000 บาทต่อเดือน ขนาด 3 ห้องนอนพื้นที่ 316 ตารางเมตรค่าเช่า 1 แสนบาทต่อเดือน

งานขายที่ท้าทาย ทยารมย์และทีมงานอีกอย่างก็คือการขายตึก 2 ยกตึก ทยารมย์เล่าให้ฟังว่าขณะนี้กำลังวางแผนการตลาดกันอยู่กลุ่มลูกค้านักลงทุนเป้าหมายคือฮ่องกงและญี่ปุ่น

อย่างไรก็ตามถึงแม้ริเวอไรน์เพลสจะมีจุดขายที่ดีในเรื่องของบรรยากาศและความสวยงามของโครงการโดยเฉพาะในฝั่งตรงข้ามของที่ตั้งโครงการนั้นเป็นพื้นที่ของวัด ซึ่งไม่สามารถเปลี่ยนแปลงการใช้สอยพื้นที่ได้แล้ว รวมทั้งยังเป็นพื้นที่ที่มีความเขียวของเรือกสวนอยู่อีกมาก แต่ก็เป็นที่รู้กันว่าทุกวันนี้กลยุทธ์การขายโครงการยกตึกเพื่อลดความเสี่ยงในการทำโครงการในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจซบเซาอย่างนี้ เกือบทุกโครงการเขาก็ทำกัน ไม่ว่าจะเป็นคอนโดมิเนียมในเมืองหรือคอนโดมิเนียมริมแม่น้ำ ด้วยสาเหตุนี้อย่างไรเสีย ริเวอไรน์เพลสก็ต้องเจอคู่แข่งอย่างหนีไม่พ้น

“ผู้จัดการรายเดือน” เคยสำรวจคอนโดมิเนียม 2 ฝั่งริมแม่น้ำเจ้าพระยาพบว่าปัจจุบันมีไม่ต่ำกว่า 20 โครงการที่ยังเปิดขายพื้นที่ห้องชุดแหล่งข่าวจากบริษัทบริหารการขายรายหนึ่งได้พูดถึงภาวะการขายของโครงการริมแม่น้ำเจ้าพระยาว่ามีหลายโครงการเช่นกันที่สร้างจำนวนมากหลายตึกได้มีแนวความคิดว่าจะขายยกตึก เช่นโครงการโอเรียนเต็ลสวีทของกลุ่มสิงห์แลนด์ที่เจอปัญหาภายในชะลอการก่อสร้างไปหลายเดือน กำลังเร่งงานก่อสร้างใหม่ตอนนี้

โครงการชาโดว์ เจ้าพระยาบนถนนเจริญกรุงของกลุ่มภัทรประสิทธิ์โครงการริเวอร์มารีน่าของทนง บุรานนท์และยาจิตต์ ยุวบูรณ์ย่านอำเภอปากเกร็ด หรือแม้แต่โครงการใหญ่ยักษ์ของกลุ่มสหวิริยาซิตี้

อย่างไรก็ตามทางริเวอไรน์เพลสก็ได้เตรียมยุทธวิธีทางการตลาดไว้แล้วเช่นกันว่าถ้าหากแผนการขายยกตึกไม่สำเร็จก็จะเปลี่ยนให้ตึกหลังที่ 2 นี้เป็นเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ให้เช่าแทนและในขณะนี้เพื่อให้โครงการมีความคึกคักเพิ่มขึ้น ทางโครงการยังเปิดโอกาสให้บริษัททั่วไปเข้ามาใช้พื้นที่บางส่วนในตัวตึก 1 ริมน้ำซึ่งจุดคนประมาณ 200 คนเพื่อทำกิจกรรมต่างๆเช่นการประชุมและพบปะสังสรรค์ได้ฟรี โดยไม่จำเป็นต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ

ไม่ว่าจะเป็นเช่าหรือขายยกตึกในสถานการณ์บ้านเมืองอย่างนี้ไม่ใช่งานง่ายๆของเชสเตอร์ตันแน่นอน


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.