เที่ยวนิวยอร์ก 51 นาทีกับหนัง 3 มิติ ACROSS THE SEA OF TIME


นิตยสารผู้จัดการ( พฤศจิกายน 2539)



กลับสู่หน้าหลัก

โทมัส (PETER REZNIK) เด็กน้อยวัย 11 ปีชาวรัสเซีย ออกจากบ้านเกิดมายังอเมริกาด้วยเหตุผลที่พิเศษสุดเพราะเมื่อกว่า 100 ปีก่อนบรรพบุรุษของโทมัส ชื่อ ลี โอโปล์ด มินตัน ได้อพยพมาใช้ชีวิตใหม่ในอเมริกา

ก่อนที่จะมาเป็นช่างถ่ายภาพสามมิติ ลีโอโปล์ด ได้ส่งรูปสเตริโอการ์ดขาวดำของนิวยอร์กบ้านใหม่ของเขาและรูปครอบครัวกลับไปยังรัสเซีย ด้วยความตั้งใจที่จะให้คนที่บ้านเกิดมาใช้ชีวิตร่วมกันที่อเมริกา

ภายใต้รูปและจดหมายของลีโอโปล์ด โทมัสจึงเดินทางมานิวยอร์กเพื่อหาญาติที่สืบทอดและใช้ชีวิตอยู่ในอเมริกา

โทมัสโดยสารเรือบรรทุกสินค้าจากรัสเซียเป็นเวลา 2-3 สัปดาห์ก่อนจะกระโดดลงจากเรือแล้วว่ายน้ำไปยังเอลลิส ไอส์แลนด์ ที่ที่ผู้อพยพชอบไปและก็เป็นที่บรรพบุรุษของเขาพูดไว้ในจดหมาย

เริ่มต้นจากเอลลิส ไอส์แลนด์ โทมัสขึ้นเรือไปนิวยอร์กซิตี เพื่อเริ่มต้นการตามหาร่องรอยของบรรบุรุษและด้วยความกระปรี้กระเปร่าในการตามหา ความเป็นเด็กและการมองโลกในแง่ดี ทำให้โทมัสหลงเสน่ห์นิวยอร์กและเดินทางด้วยความสุขใจจากมุมหนึ่งของเมืองไปยังมุมต่างๆจนทั่ว

ไม่ว่าจะเป็นวอลล์ สตรีทไชน่าทาวน์ ลิตเติ้ลอิตาลี รถไฟใต้ดิน ตึกเอ็มไพร์สเตท ท่าเดินเรือทะเลเซาท์สตรีท โคนี ไอส์แลนด์ เซ็นทรัลพาร์ค บรอดเวย์รวมทั้งการแวบเข้าไปทางด้านหลังโรงละคร เพื่อดูละครเพลง CRAZY FOR YOU โทมัสสนุกสนานกับการเที่ยวชมเมืองและสิ่งต่างๆและรู้สึกว่ามันงดงามมากกว่าที่เขาได้เห็น จากในสเตริโอการ์ดของบรรพบุรุษที่ได้ดูมาก่อนหน้านั้น

ทุกๆที่ที่โทมัสไป เขาได้พบกับผู้คนที่เป็นมิตรและให้ความช่วยเหลือ ในฐานะที่โทมัสเป็นเด็กและมีการผจญภัยที่ยิ่งใหญ่ ทุกหนทุกแห่งในเมืองกลายเป็นสวนสนุกสำหรับโทมัส ระหว่างที่เขาเดินสำรวจเมืองโทมัสจะได้ยินเสียงเล่าเรื่องจากจดหมายที่เขียนโดยลีโอโปล์ดและจูเลียภรรยาลีโอโปล์ดที่เขียนไปถึงพ่อแม่ของลีโอโปล์ด และจดหมายฉบับสุดท้ายที่เขียนโดยจูเลียซึ่งแจ้งไปยังพ่อแม่ของลีโอโปล์ดว่าลูกชายพวกเขาได้ตายไปแล้ว

จากภาพถ่ายของบ้านเลขที่ 117 อันเป็นที่ที่อยู่ของลีโอโปล์ด ที่โทมัสเฝ้าหามาตลอดระหว่างการตะเวนรอบนิวยอร์ก ก็เกิดปฏิหาริย์ขึ้นเมื่อโทมัสได้มาเจอบ้านเลขที่117 ที่ปกคลุมด้วยไม้เลื้อยและตรงกับที่เห็นและบรรยายไว้ในสเตริโอการ์ด

เมื่อโทมัสเดินเข้าไปใกล้บ้านหลังนั้น เขาได้ยินเสียงเปียโนและมันก็นำเขาไปพบกับจูเลีย มินตันที่อายุล่วงมา 95 ปีกำลังเล่นเปียโนรออยู่ด้านใน เมื่อโทมัสแนะนำตัวเองกับเธอ จูเลียก็ยื่นมือออกมารับโทมัสเข้าสู่อ้อมแขนพร้อมกับการต้อนรับที่อบอุ่น

เรื่องจบลงอย่างมีความสุขเมื่อโทมัสได้พบกับครอบครัวและบ้านที่เขาเฝ้าหา เพื่อมาใช้ชีวิตอยู่ในอเมริกา

ACROSS THE SEA OF TIME เป็นภาพยนตร์เรื่องที่ 2 ของโซนี่ พิกเจอร์ส เอ็นเตอร์เทนเมนท์และโซนี นิวเทคโนโลยีที่ถูกถ่ายทอดออกมาในรูปของภาพยนตร์ 3 มิติ

ในขณะเดียวกันก็ถือเป็นปาฐกถาเกี่ยวกับการเดินทางเป็นประวัติศาสตร์และการผจญภัยของการเดินทางที่ถูกแต่งให้เป็นเรื่องที่เล่าด้วยเทคนิคของภาพยนตร์ 3 มิติโดยมีสตีเฟ่น โลว์เป็นผู้อำนวยการสร้างและกำกับการแสดงและเขียนบทโดยแอนดรูว์ เจลลิส

การถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ใช้วิธีนำภาพสเตริโอปิกเก่าที่ยืมมาจากพิพิธภัณฑ์ภาพถ่ายของมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ซึ่งถือเป็นภาพประวัติศาสตร์ที่หาดูได้ยากของนิวยอร์กในอดีตมาเปรียบเทียบเคียงคู่ไปกับภาพในปัจจุบันที่ถ่ายทอดผ่านสายตาของโทมัสซึ่งต้องถือว่าเป็นเด็กที่มีการผจญภัยอย่างกล้าหาญด้วยการเดินท่องไปในนิวยอร์กแต่เพียงลำพัง โดยมีรูปถ่ายเก่าๆเหล่านั้นเป็นไกด์นำทาง โทมัสค้นพบสถานที่ต่างๆด้วยความรู้สึกตื่นเต้น ไร้เดียงสาและชื่นชมในคุณค่าของดินแดนแห่งนี้ในฐานะที่ตนมาจากแผ่นดินอื่น

ที่สำคัญตัวผู้แสดงเป็นโทมัสเอง ยังมีความคล้ายคลึงกันอีกอย่างในฐานะที่เป็นเด็กที่เพิ่งอพยพจากรัสเซียเข้ามาอยู่ในอเมริกาได้เพียง 2 ปีและมีความไร้เดียงสาและสดใสที่เป็นเสน่ห์ให้ผู้กำกับหลงและเลือกเขาเป็นผู้แสดงนำในเรื่อง จากเด็กที่เข้ามาคัดเลือกหลายสิบคน

ก่อนจะมีการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ขึ้นนั้น ทางผู้สร้างได้กำหนดคอนเซ็ปต์ไว้ก่อนแล้วภาพยนตร์เรื่องนี้จะต้องเป็นเรื่องเกี่ยวกับประสบการณ์ในนิวยอร์กเพื่อให้ทั้งคนนิวยอร์กเองและนักท่องเที่ยวจากที่ต่างๆได้ความสนุกและหลงใหลในการเที่ยวชมนิวยอร์ก ภายหลังจากที่โซนี นิวเทคโนโลยีได้ผลิตภาพยนตร์ 3 มิติเรื่องแรกก่อนหน้านี้ในเรื่อง “WING OF COURAGE”

ผลที่ออกมาจึงถือได้ว่าเป็นไปตามคอนเซ็ปต์ที่ตั้งไว้เพราะแม้ผู้ชมจะได้เที่ยวนิวยอร์กด้วยการตามรอยโทมัสไปแล้วยังได้เห็นชีวิตของชาวนิวยอร์กที่แม้ส่วนมากจะออกมาในรูปที่สวยงาม แต่ก็คือชีวิตที่เห็นได้จริงในนิวยอร์ก ซึ่งผู้สร้างก็ไม่ลำเอียงที่จะถ่ายทอดประสบการณ์ในด้านที่เลวร้ายให้โทมัสได้เจอไว้ด้วยในเรื่อง

เช่น การเสนอชีวิตการผจญภัยของโทมัสว่าไม่ได้ราบรื่นตลอด เพราะขณะหนังที่โทมัสสามารถหาเงินได้จากการให้คนเช่าดูกล้องสเตริโอการ์ดของตน ก็ต้องถูกแก๊งเด็กวัยรุ่นชิงกระเป๋าสัมภาระของเขาไปพร้อมกับทำลายกล้องที่เขาใช้หาเงินเลี้ยงปากท้อง

ทั้งๆที่ก่อนหน้านั้นโทมัสจะสัมผัสแต่สิ่งที่ดีจากคนนิวยอร์กตลอด ไม่ว่าจะเป็นความเอื้อเฟื้อจากคนขายฮ็อทด็อกที่ให้กินฟรีในช่วงที่ยังไม่รู้จักหาเงินใช้ด้วยกล้องสเตริโอการ์ด

หรือการเรียนรู้วิธีการหาเงินเลี้ยงชีพจากการใช้กล้องภายหลังจากที่ได้สังเกตว่าการใช้ชีวิตอยู่ในนิวยอร์ก ถ้าคุณมีสิ่งที่เรียกร้องความสนใจจากคนเดินถนนได้ คุณก็จะมีวิธีหาเงินได้ไม่ยากเช่นเดียวกับโทมัสเหล่านี้เป็นต้น

นอกจากนี้เทคโนโลยีที่ก้าวหน้าจากภาพยนตร์เรื่องนี้ยังสัมผัสได้จากระบบเสียง PSE (PERSONAL SOUND ENVIRONMENT) ที่นำมาใช้ประกอบ ซึ่งถูกบันทึกด้วยระบบไมโครโฟนแบบสองหูที่บันทึกเสียงได้รอบทิศถึง 360 องศาเช่นเดียวกับความสามารถที่หูมนุษย์จะสัมผัสได้ทำให้ระหว่างที่ดูภาพยนตร์คุณจะได้รับฟังเสียงจากรอบทิศทางเหมือนกับคุณอยู่ท่ามกลางสิ่งต่างๆที่เห็นอยู่ ซึ่งโซนีฯต้องการให้คนดูได้รับฟังเสียงการบรรยายที่ดีด้วย

ดังนั้น ระหว่างที่คุณได้ชมภาพยนตร์คุณจะสังเกตความแตกต่างของระดับเสียงที่คุณได้ยิน เมื่อโทมัสพาคุณไปยังสถานที่ต่างๆได้ต่างกันเหมือนรับเสียงจากสถานที่นั้นเช่น เสียงที่ได้ยินถ้าคุณอยู่ในที่สูงอย่างบนตึกเอ็มไพร์สเตทเสียงความอึกทึกของเครื่องจักรเมื่อคุณอยู่ในสถานีรถไฟใต้ดินหรือเสียงอึกทึกของเสียงเพลงจากละครที่คละเคล้าแสงสีในบรอดเวย์ เป็นต้น

ภาพยนตร์สามมิติของโซนี ไอแม็กซ์ เปิดฉายทุกวันที่โรงภาพยนตร์โซนี ไอแม็กซ์บริเวณมุมถนนระหว่างบรอดเวย์กับถนนสายที่ 68 ของนิวยอร์กซิตี เริ่มฉายตั้งแต่เวลา 10.30 น.-22.40 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) ตั๋วราคา 9 เหรียญสหรัฐสำหรับผู้ใหญ่และ 6 เหรียญสหรัฐสำหรับเด็ก

สำหรับผู้มีโอกาสได้เดินทางไปท่องเที่ยวนิวยอร์กการได้ดูคู่มือจากภาพยนตร์เรื่องนี้ในเวลาเพียง 51 นาทีก่อนที่คุณจะได้สัมผัสนิวยอร์กดินแดนที่มีทั้งเสียงร่ำลือทั้งเรื่องดีและเลวมามากต่อมากนั้น คงจะทำให้คุณเก็บรายละเอียดได้มากกว่าการเที่ยวด้วยตัวเองก็เป็นได้

เพราะอย่างน้อยภาพอดีตของนิวยอร์ก ที่คุณได้เห็นจากในภาพยนตร์ก็หาดูได้ไม่ง่ายหรือดูมีชีวิตชีวาได้มากเท่าที่ถูกแต่งแต้มด้วยระบบเสียงและเทคนิคการเคลื่อนไหวในรูปของภาพยนตร์สามมิติที่คุณจะได้เห็นจาก ACROSS THE SEA OF TIME


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.