|
"วงศ์สวัสดิ์" ทิ้งทราฟฟิกฯ ลดกระแสกดดันครอบงำสื่อผลประโยชน์ทับซ้อน
ผู้จัดการรายวัน(30 มิถุนายน 2548)
กลับสู่หน้าหลัก
"กลุ่มวงศ์สวัสดิ์" ลดกระแสกดดันการเมืองพัวพันสื่อ ผลประโยชน์ช่อง 11 ถอนหุ้นออกจากทราฟฟิกคอร์นเนอร์ โฮลดิงส์ ทั้งหมด เปลี่ยนมือให้กลุ่มสามารถ คอร์ปอเรชั่น "ธวัชชัย วิไลลักษณ์" แจงวงศ์สวัสดิ์ขายให้หลังจากเคยซื้อแอสคอนฯ ต่อมาแล้ว เหตุไม่ต้องการถูกครหาเข้ามาถือหุ้นที่เกี่ยวกับสื่อ เกรงว่าจะถูกมองว่าเข้าครอบงำสื่อและผลประโยชน์ทับซ้อน ด้าน "ทวีฉัตร จุฬางกูร" หลานรมว.สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ณ 8 เม.ย. ยังถือหุ้นอยู่
รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แจ้งว่า เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2548 นางสาวชยาภา วงศ์สวัสดิ์ ได้โอนหุ้นบริษัททราฟฟิกคอร์นเนอร์ โฮลดิงส์ (TRAF) จำนวน 20 ล้านหุ้น หรือ 7.46% ให้แก่นาย ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ ซึ่งเป็นน้องชายโดยฝากเข้าบัญชีซื้อขาย ส่งผลทำให้นางสาวชยาภาไม่ได้ถือหุ้นบริษัททราฟฟิกฯ เหลืออยู่เลย
อย่างไรก็ตาม สำนักงาน ก.ล.ต.ได้แจ้งว่าเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2548 นายยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ ได้ขายหุ้นทราฟฟิกฯ ที่ได้รับโอนมาจำนวน 20 ล้านหุ้น หรือ 7.64% ออกมาโดยเสนอขายให้แก่นายธวัชชัย วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สามารถ คอร์ปอเรชั่น (SAMART) จำนวน 10 ล้านหุ้น และนายเจริญรัฐ วิไลลักษณ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทสามารถ คอร์ปอเรชั่น จำนวน 10 ล้านหุ้นเช่น เดียวกัน
รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์ฯ ระบุว่า นางชยาภา วงศ์สวัสดิ์ ซึ่งเป็นเครือญาติ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เข้ามาถือหุ้นในบริษัท ทราฟฟิกฯ ตั้งแต่เดือนก.ค. 47 โดยเข้ามาซื้อหุ้นเพิ่มทุนที่บริษัททราฟฟิกฯ เสนอขายเฉพาะเจาะจง 20 ล้าน หุ้น ในราคาหุ้นละ 3 บาท ส่วนหุ้นเพิ่มทุนที่เหลือนักลงทุนต่างประเทศและคนไทยเข้ามาซื้อหุ้น ได้แก่ นายทวีศักดิ์ ชกากรกนก นักธุรกิจที่มีความรู้และประสบการณ์ด้านสื่อบันเทิง 6.3 ล้านหุ้น, นางสุรีย์ พูนศรัทธา 1.2 ล้านหุ้น และนายวิไชย สกลครู จำนวน 2.5 ล้านหุ้น ซึ่ง 2 คนหลังเป็นนักธุรกิจที่มีประสบการณ์ในธุรกิจด้านสิ่งพิมพ์ โดยทั้ง 3 คนเข้ามาซื้อหุ้นในราคาหุ้นละ 2.80 บาท นอกจากนี้ยังมีนายสุชาติ เตือนจิตต์ ซื้อไปจำนวน 9 ล้านหุ้น
เท่ากับว่ากลุ่มวงศ์สวัสดิ์ได้เข้ามาถือหุ้นเป็นระยะเวลาเกือบ 1 ปี
สำหรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นของบริษัททราฟฟิกฯ (ณ 8 เม.ย.48) 5 อันดับแรก ได้แก่นายสุรพงษ์ เตรียมชาญชัย ถือหุ้น 50.42 ล้านหุ้นหรือ 19.94% รองลงมาได้แก่นายยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ ถือหุ้น 20 ล้าน หุ้นหรือ 7.91%,นายชนะชัย ลีนะบรรจง ถือหุ้น 12.73 ล้านหุ้นหรือ 5.03%,นายทวีฉัตร จุฬางกูร ถือหุ้น 12 ล้านหุ้นหรือ 4.75% และนายณัฐพล จุฬางกูร ถือหุ้น 10.85 ล้านหุ้นหรือ 4.29%
โดยก่อนหน้านี้บริษัท ทราฟฟิกฯ ได้เข้าประมูลผลิตรายการให้กับสื่อโทรทัศน์ช่อง 11 กรมประชาสัมพันธ์ จนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นบริษัทที่มีกลุ่มนักการเมือง และเครือญาตินายกฯ ทักษิณ ถือหุ้น
นายธวัชชัย วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทสามารถ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า สาเหตุที่เข้ามาซื้อหุ้นบริษัททราฟฟิกฯ เนื่องจากเห็นว่านายยศนัน วงศ์สวัสดิ์ ต้องการที่จะขายหุ้นออกมา และเห็นว่าราคาที่เข้าไปซื้อนั้นเป็นระดับราคาที่ไม่สูงจนเกินไป แต่ไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นระดับราคาใด นอกจากนี้ก็รู้จักกับบริษัททราฟฟิกฯ เป็นอย่างดี ซึ่งก็มีการร่วมงานในช่วงที่ผ่านมา
"กลุ่มวงศ์สวัสดิ์ต้องการที่จะขายหุ้น เพราะไม่ต้องการมีปัญหากับการถือหุ้นในบริษัทที่ทำสื่อ ซึ่งผมเห็นว่าเป็นคนรู้จักกัน และที่ผ่านมาก็เคยเข้ามาซื้อหุ้นแอสคอน คอนสตรัคชั่นกับกลุ่มวงศ์สวัสดิ์มาก่อนแล้ว รวมถึงราคาที่เข้ามาซื้อก็เป็นราคาที่ไม่แพงจึงทำให้เข้ามาลงทุน" นายธวัชชัยกล่าว
อย่างไรก็ตาม การถือหุ้นในครั้งนี้มีสัดส่วน 7.46% นั้นถือว่าไม่ใช่เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่แต่อย่างใด เพราะนายสุรพงษ์ เตรียมชาญชัย ก็ยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อยู่
"การเข้าถือหุ้นในครั้งนี้ก็เพราะทางกลุ่มวงศ์สวัสดิ์ต้องการที่จะขาย ซึ่งเราเห็นว่าเป็นราคาที่เหมาะสม เราก็เข้าไปซื้อ ซึ่งการลงทุนในครั้งนี้ก็เหมือนกับนักลงทุนทั่วไป และถ้าราคาหุ้นรีเทิร์นขึ้นมาและเห็นว่ามีกำไร ผมก็สามารถที่จะขายออกมาได้เช่นกัน" นายธวัชชัยกล่าว
นายสุรพงษ์ เตรียมชาญชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัททราฟฟิก คอร์นเนอร์โฮลดิงส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เพิ่งจะรู้ว่ากลุ่มวงศ์สวัสดิ์ได้ตกลงขายหุ้นให้กับกลุ่มสามารถฯ เมื่อไม่นานนี้ และการเข้ามาถือหุ้นในครั้งนี้ถือเป็นการใช้เงินส่วนตัว ไม่ได้เกี่ยวข้องกับบริษัทสามารถ คอร์ปอเรชั่นแต่อย่างใด
หลังจากที่นายธวัชชัยและนายเจริญรัฐเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นแล้ว ก็จะต้องมาปรึกษาหารือกันว่าจะมีการวางแผนการดำเนินธุรกิจอย่างไรต่อไปในอนาคต เพราะเชื่อว่าต่อไปธุรกิจด้านสื่อและด้านเทคโนโลยีคงจะแยกกันลำบาก และมีโอกาสที่จะนำมาใช้ร่วมกันได้
การขายหุ้นของกลุ่มวงศ์สวัสดิ์ในครั้งนี้เป็นการขายออกมาหมดเลย ซึ่งที่ผ่านมากลุ่มก็มีการซื้อและขายในหลายบริษัทซึ่งไม่ใช่เป็นเรื่องผิดปกติแต่อย่างใด ประกอบกับช่วงที่ผ่านมาได้มีกระแสข่าวว่ากลุ่มวงศ์สวัสดิ์จะเข้าครอบงำสื่อ ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว กลุ่มวงศ์สวัสดิ์ไม่ได้เข้ายุ่งเกี่ยวในการดำเนินงานแต่อย่างใด และสื่อที่อยู่ภายใต้การดูแลของบริษัทก็ไม่มีสื่อที่เกี่ยวข้องกับการเมืองอีกด้วย
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|