|

ขาวและดำจัด
นิตยสารผู้จัดการ( กันยายน 2539)
กลับสู่หน้าหลัก
คำตักเตือนที่ได้รับจากผู้หลักผู้ใหญ่สมัยที่ยังเป็นวัยรุ่นวัยแรงก็คืออย่ามองโลกหรือผู้คนแบบขาวจัด-ดำจัด เพราะโลกหรือคนเรานั้นมีทั้งด้านดีและด้านเลว ดังนั้นควรจะมองให้เป็นสีเทาคือขาวกับดำคละเคล้ากันไป
ครั้นอายุมากขึ้นจนล่วงเข้าสู่วัยกลางคนเหตุการณ์ต่างๆทั้งโดยตรงและโดยอ้อมที่ได้สัมผัส ก็หล่อหลอมให้กลายเป็นคนมองโลกและผู้คนเป็นสีเทาไปโดยปริยาย คนที่เคยเห็นว่าเลวสิ้นดีเมื่อเวลาผ่านไปบางคนบางครั้งกลับเป็นคนดีอย่างหาใครเทียได้ยาก หรือบางคนที่แสนดีพอสบช่องสบโอกาสก็เลวจนหาที่ชมไม่ได้
ที่อาจจะแย่ที่สุดในประดามีก็คือมองตัวเองเป็นสีเทาไปด้วย ทำอะไรที่เลวร้ายไปกี่อย่างก็บอกกับตัวเองด้วยเสียงกระซิบว่าคนเราทีทั้งด้านดีด้านชั่ว พอวิชาแก่กล้าขึ้นก็ถึงขั้นตะโกนบอกโลกให้รู้ว่าข้าฯก็คนธรรมดา มีดีมีเลวตามประสา ทำไมไม่มองในเรื่องที่ดีบ้างหรือมองแต่เรื่องดีล้วนก็จะเยี่ยมมาก
ใครที่อ่านมาถึงตรงนี้แล้วคงจะรู้ว่างานนี้ไม่เกี่ยวกับเรื่องเศรษฐกิจหรือธุรกิจโดยตรงแต่จะไปอิงแอบอยู่ใต้ชายคาของสังคมและการเมืองเป็นด้านหลัก เนื่องจากฉบับที่แล้วเป็นฉบับครบ 14 หรือ 15 ปีของนิตยสารฉบับนี้บอกตรงๆว่าจำกันไม่ค่อยได้หรอก เพราะที่นี่ไม่เคยมีธรรมเนียมจัดงานครบรอบเท่านั้นเท่านี้ปีของหนังสือในเครือ มีแต่จัดงานประจำปีให้พนักงานได้เฮฮาปาร์ตี้ หรือบางคนก็เลยเถิดไปถึงขั้นเฮฮาปามีดก็ต้องเชิญกลับไปปาต่อที่บ้าน ก็เลยอยากจะเขียนอะไรที่ต่างไปจากที่เคยเขียนบ้าง
ข่าวสารในทางสังคมที่จะยกขึ้นมาก็เป็นเรื่องที่..เอ้อ..เอ้อ..พูดยากนะ คือเรื่องใหม่แก้ผ้าถ่ายรูป ขี้ยาฆ่าข่มขืนเด็ก 4 ขวบ พ่อฆ่าข่มขืนลูกสาวอายุ 4 ขวบเหมือนกัน เอาเป็นว่าทั้งสามเรื่องหรือสองหมวดใหญ่ต่างเกิดขึ้นแล้วก่อให้เกิดการโต้เถียงกันแทบทุกวงการ
ส่วนใหญ่ที่เจอก็คือพวกขาวจัดดำจัดฟัดกับพวกสีเทา กรณีใหม่นั้นพวกขาวจัดก็ยืนกรานว่าการแก้ผ้าถ่ายรูปในสถานที่เร้นลับนั้นเป็นสิทธิ์ส่วนบุคคล เพื่อนไม่ควรเอามาให้ไทยรัฐตีพิมพ์ และไทยรัฐก็ไม่ควรตีพิมพ์พวกที่มองโลกดำจัดก็บอกว่าเป็นแผนโปรโมตตัวเองของใหม่ แต่เห็นด้วยที่ไทยรัฐไม่ควรตีพิมพ์เพราะหุ่นใหม่ไม่ดีเหมือนที่จินตนาการไว้ตอนที่ใส่เสื้อผ้าวับๆแวมๆ
พวกมองโลกสีเทาเป็นพวกที่ให้เหตุผลเยิ่นเย้อน่าเบื่อเป็นที่สุด พวกนี้จะเริ่มด้วยการวิเคราะห์ด้านจิตวิทยาของใหม่โดยไม่เคยร่ำเรียนและไม่เคยเจอหรือเคยพูดคุยกับใหม่มาก่อน จากนั้นก็วกมาเรื่องจริยธรรมหรือจรรยาบรรณของหนังสือพิมพ์ไทยรัฐว่ามีปัญหา แต่มักจะอ้ำอึ้งเมื่อถูกพวกดำจัดถามว่าเชื่อหรือไม่ว่าไทยรัฐเล่มนั้นขายดี...ก็ตอบว่าเชื่อ พวกดำจัดก็เลยสรุปว่าเพราะสังคมมันเลวชข่าวและรูปแบบนี้จึงขายได้
ยังดีที่พวกข่าวจัดมาช่วยไว้โดยบอกว่าคนที่ซื้ออ่านไม่ได้อยากดูรูปใหม่แก้ผ้าอย่างเดียวแต่เป็นการสนองตอบความอยากรู้อยากเห็นของคนในสังคมด้วย
“หนังสือเล่มนี้เอาไปขายในสถานที่เผยแพร่ศาสนายังขายได้เลย” ขาวจัดทิ้งท้าย
หมวดที่สองคือการฆ่าข่มขืนเด็ก อันนี้แบ่งพวกกันง่ายคือจะมีเฉพาะพวกขาวจัดกับดำจัดเท่านั้น กล่าวคือพวกดำจัดก็จะสวมหน้าดำของท่านเปาฯ ให้ลูกน้องร้องอึ่ง..อ่าง..แล้วโยนติ้วสั่งประหารทันทีที่ติดซาดิสต์หน่อยก็บอกว่าโทษประหารแม้จะใช้เครื่องประหารหัวตัวเงินตัวทองก็เบาไป น่าจะตรากฎหมายขึ้นมาใหม่ให้ตายด้วยวิธีการต่างๆภายใน 10 วัน
พวกที่ขาวจัดก็มองว่าการใช้โทษประหารไม่ช่วยทำอะไรให้สังคมดีขึ้น นักกฎหมายบางคนถึงกับออกมาให้ความเห็นทางทีวีว่าหากกรณีแบบนี้ศาลสั่งประหารหมด ต่อไปคงไม่มีใครที่ทำผิดสารภาพ ซึ่งตกรอบแรกไปเพราะทั้งสองคดีไม่มีจำเลยรับสารภาพเลยจนกระทั่งจำนนด้วยพยานหลักฐาน
เข้าเรื่องการเมืองดีกว่าเพราะกำลังอยู่ในกระแส (ตอนที่เขียน) จากการอ่านการดูและฟังสื่อต่างๆสรุปว่ารัฐบาลที่นำโดยบรรหาร ศิลปอาชากำลังไร้น้ำยาอย่างสิ้นเชิงจนอาจจะต้องปรับใหญ่ ครม.หรือยุบสภาก็ตามแต่ คำถามที่ตอบได้ยากก็คือจะการปรับครม.ช่วยอะไรได้ไม่มาก ก็ต้องล้างไพ่ยุบสภาเลือกตั้งและจัดตั้งรัฐบาลใหม่และหัวหน้าพรรคการเมืองที่มีศักยภาพสูงที่จะได้เป็นเสียงข้างมากในสภาก็หนีไม่พ้นชาติไทย ความหวังใหม่ ประชาธิปัตย์ ชาติพัฒนา
นั่นหมายความว่าหัวหน้าพรรคการเมืองเหล่านี้ไม่ว่าบรรหาร ศิลปอาชา พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ชวน หลีกภัยและพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ มีสิทธิ์เป็นนายกฯ คำถามต่อมาก็คือจะมีอะไรแปลกใหม่กว่าทุกวันนี้
แก้รัฐธรรมนูญดูเหมือนจะเป็นทางออกของคนที่มองโลกสีขาว หลังจากแนวคิดเอาน้ำดีไปไล่น้ำเสียไม่ได้ผล แต่แนวคิดนี้ไม่ใช่จะสิ้นหวังหรอก จะต้องมองแบบสีดำด้วยนั่นคือนอกจากสนับสนุนให้คนดีเข้าสภาแล้ว ต้องยอมเสียใบเหลืองเพื่อเสียบพวกน้ำเสียไม่ให้เข้าสภา
คนดีมีเงินก็ไม่น้อยนะครับ แต่ไม่อยากจะเล่นการเมืองไม่อยากยุ่งเกี่ยวการเมือง และอาจจะลองสนับสนุนคนดีเข้าสภามาหลายครั้งแล้วแต่ไม่ได้ผล เพราะคนดีไม่โจมตีคู่แข่งไม่สัญญาเพื่อจะไม่ทำตามสัญญา ไม่ซื้อเสียง ดังนั้นโอกาสจะหลุดเข้าไปในสภาจึงน้อยมาก
ลองอีกทางสิครับใช้เงินของท่านให้เป็นประโยชน์โดยการสาวไส้รัฐมนตรีหรือ ส.ส.ที่โกงกินออกมาตีแผ่อย่างเป็นรูปธรรม ให้รางวัลตำรวจที่จับได้ไม่เพียงแต่การซื้อเสียง แต่ทุกกรณีที่เกี่ยวข้องกับการกระทำที่ผิดกฎหมาย เปิดซ่อง คุมบ่อน ค้าของเถื่อน ค้ายาม้า ฯลฯ รวมทั้งขบวนการยุติธรรม ตั้งรางวัลมูลค่าสูงพอๆกับสมรักษ์ คำสิงห์ สำหรับข่าวที่ชนะเลิศการกระชากหน้ากากนักการเมืองยอดเยี่ยมและอย่าลืมคิดถึงมาตรการรักษาความปลอดภัยให้คนเหล่านี้ด้วย จ้างเอเยนซีคิดคำทำโปสเตอร์ถล่มพวกน้ำเสียให้จมธรณีไปเลย การเอาเรื่องจริงมาเปิดเผยคนละเรื่องกับการใส่ร้ายป้ายสีนะครับ
ถ้าเกิดเป็นมรรคเป็นผลขึ้นมาบางทีสังคมนี้อาจจะไม่ต้องมองกันแบบขาวจัดดำจัดหรือสีเทา แต่อาจจะทอประกายเป็นสายรุ้งให้เห็นกันบ้าง
กลับสู่หน้าหลัก
 ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|