เบื้องหลังแห่ง “คอบร้า โกลด์” พลโทไพโรจน์ นุชฉายา นายพลจัตวาบรุซ บี.ไบรัม


นิตยสารผู้จัดการ( กรกฎาคม 2539)



กลับสู่หน้าหลัก

พลโทไพโรจน์ นุชฉายาเจ้ากรมยุทธการทหารร่างสมาร์ทมาวันนี้ในฐานะผู้อำนวยการฝึก “คอบร้า โกลด์” ฝ่ายไทยจบจากโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า เข้ารับราชการผ่านร้อนผ่านหนาวในสงครามเกาหลีในฐานะผู้บังคับหมวดปืนเล็ก กองร้อยอิสระ ผลัดที่ 15 และในเวียดนามในฐานะนายทหารฝ่ายยุทธการและการฝึกกองอาสาทหารอาสาสมัคร

การฝึกคอบร้า โกลด์ในปีนี้นับเป็นปีที่สองภายใต้อำนวยการของนายทหารผู้นี้

“ความมุ่งหมายพัฒนาพร้อมรบในสมัยใหม่นี้ได้เปลี่ยนแปลงไปมาก ดูอย่างสงครามอ่าวเปอร์เซียซึ่งจะเน้นยุทโธปกรณ์เทคนิคที่ทันสมัย มีอำนาจทำลายสูง”

ในการฝึกคอบร้า โกลด์พลโทไพโรจน์ นุชฉายากล่าวว่า ได้มีการจำลองยุทธ์บริเวณหรือที่เรียกว่า JOINT THEATRE STIMULATOR ทำให้ภาพการสู้รลที่เคยส่งมาล่าช้ากลับเร็วขึ้นและมีข้อมูลป้อนเข้าไปให้ผู้บังคับบัญชาได้อย่างรวดเร็วที่ไฮเทกไปกว่านั้นก็เห็นจะเป็นระบบการสื่อสารที่ทั้งสามเหล่าทัพของทั้งสองประเทศนำมาใช้ก็คือระบบดาวเทียมที่นำมาขช่วยในการรับข้อมูล การส่งข่าวสารให้ทันเวลา บางครั้งจะมีระบบทีวีไกด์ช่วยทำให้ตื่นตัวกันมาก

ในการฝึกครั้งนี้ได้มีการฝึกที่น่าสนใจอีกอย่างก็คือการฝึกที่เรียกว่า “CROSS TRAINNING” เป็นการฝึกแลกเปลี่ยนทหารกันระหว่างสหรัฐฯกับไทย ซึ่งช่วยให้ทหารไทยได้เรียนรู้อีกมาก

นายพลจัตวาบรุซ บี. ไบรัม (BRIGADIER GENERAL BRUCE B. BYRUM) จากซานดิเอโก้ แคลิฟอร์เนีย ปัจจุบันมีฐานะเป็นรองผู้บัญชาการ 3 กองกำลังนาวิกโยธินลาดตระเวน ประจำเมืองโอกินาว่าประเทศญี่ปุ่น

เมื่อ 29 ปีก่อนนายพลไบรัมเข้ารับราชการในหน่วยนาวิกโยธิน ต่อมาก็ได้เข้ารับการฝึกบินในระดับอนุปริญญาที่ฐานทัพอากาศรีส (REESE AIR FORCE BASE) แท็กซัสจนได้เป็นนักบินแห่งราชนาวีสหรัฐฯ เมื่อ 26 ปีก่อน

ภารกิจสำคัญที่นายพลบรุซส์เคยได้รับมอบหมายก็ตอนที่บินเครื่องบิน A6A INTRUDER ซึ่งเป็นหน่วยจัดกำลังรบของอ่าวทอนกิ้น ซึ่งใช้เครื่องบินรบ USS CORAL SEA เป็นพาหนะและภารกิจนั้นเขาจะต้องบินนำหน่วยกล้าตาย 125 ชีวิตไปปฏิบัติการลับที่เวียดนามและลาว

หลังจากโยกย้ายหลายแห่ง จนได้รับเลือกให้เป็นผู้แทนทหารเข้าสู่วิทยาลัยการสงครามของกองทัพบกที่ CARLISIE PA. และสำเร็จรับปริญญาบัตรนายพลใจดีคนนี้ก็ได้รับการมอบหมายให้เข้ารับหน้าที่ที่กองกำลังต่อสู้และสนับสนุนราชนาวีที่กรุงเนเปิล ประเทศอิตาลีและที่นั่นก็ได้รับการเลื่อนขึ้นเป็นผู้ช่วยเสนาธิการฝ่ายวางแผนและนโยบาย เคลื่อนย้ายก้าวไปจนเป็นเสนาธิการทหาร ที่ยุโรปในปี 1993 และในปีถัดมาก็ได้การแต่งตั้งเป็นรองผู้บัญชาการ กองกำลังนาวิกโยธินสหรัฐฯ ที่แอตแลนต้า จนปัจจุบันนี้

ในชีวิตนายพลไบรัมมีความสุขกับครอบครัวลูกสามที่มีพื้นเพเป็นทหารตั้งแต่บิดา ได้รู้ได้เห็นความเป็นระเบียบวินัยของชีวิตทหารและนั่นคือประกายไฟที่จุดเร้านายพลไบรัมไม่นึกถึงอาชีพอื่นใดนอกจากการสวมเครื่องแบบนาวิกโยธินดั่งใจปรารถนา


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.