ซอฟต์แวร์อินเดียถึงคราวปรับตัว


นิตยสารผู้จัดการ( มกราคม 2539)



กลับสู่หน้าหลัก

ถ้าสหรัฐฯ มีบิลล์ เกตต์เป็นราชาซอฟต์แวร์อินเดียก็มีนเรนทรา กุมาร

ตอนที่เขามีอายุ 25 ปีกุมารยืมเงินพ่อมา 300 ดอลลาร์มาพัฒนาโปรแกรมซอฟต์แวร์ซึ่งอีก 1 ปีถัดมาเขาก็กลับมาพร้อมกับซอฟต์แวร์ปราบไวรัส ที่ตอนนี้มียอดขายประมาณ 20,000 ชุดในอนาคตบริษัทของกุมารคือ แนชซอฟต์มีแผนจะส่งโปรแกรมของเขาไปขายยังสิงคโปร์และสหรัฐฯ

การที่อินเดียมีแรงงานราคาถูกจำนวนมหาศาลและมีนักเขียนโปรแกรมมือดีอยู่มาก ทำให้อุตสาหกรรมซอฟต์แวร์อินเดียมีมูลค่าประมาณ 840 ล้านดอลลาร์ต่อปี โดยในจำนวนนี้ 58% มาจากการส่งออกและคาดว่ายอดดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นเป็น 5,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2000

อย่างไรก็ดี กุมารกล่าวว่า อินเดียคงไม่มีทางไปไกลขนาดนั้นเพราะนักพัฒนาซอฟต์แวร์ของอินเดียมัวแต่คิดเรื่องหาเงินจากแรงงานราคาถูกในการเขียนซอฟต์แวร์เฉพาะด้านตามสั่ง แต่ละเลยเรื่องการออกแบบซอฟต์แวร์ใหม่ๆและการจัดจำหน่ายในตลาดโลก ในขณะที่บริษัทซอฟต์แวร์ใหญ่ๆอย่างโอราเคิลและโนเวลล์กำลังว่าจ้างโปรแกรมเมอร์แดนภารตะมาเขียนและออกแบบซอฟต์แวร์ให้ ทำให้ค่าจ้างค่าตัวโปรแกรมเมอร์เหล่านี้สูงขึ้นอีกเท่าตัว

กุมารกล่าวต่อไปว่า นักพัฒนาซอฟต์แวร์อินเดียนั้นถูกทอดทิ้งในทางสภาพภูมิศาสตร์และไม่สามารถไล่ทันกระแสความก้าวหน้าของซอฟต์แวร์ในสหรัฐฯได้ ซึ่งมีการจัดจำหน่ายซอฟต์แวร์ผ่านอินเตอร์เน็ต ขณะที่ผู้เล่นซอฟต์แวร์ในอินเดียเองก็เพิ่งจะรู้จักเข้าไปเล่นในอินเตอร์เน็ตได้ไม่นาน

นอกจากนี้ปัญหาแรงงานจำนวนมากในอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์อินเดียก็เป็นอุปสรรคอีกอย่างหนึ่งต่อบริษัท ตาต้า คอนซัลแทนซี เซอร์วิส บริษัทผลิตซอฟต์แวร์ที่ใหญ่ที่สุดในอินเดียเผยว่า บริษัทมีคนงานถึง 4,700 คนและเพิ่งจะมีกำไรประมาณ 112 ล้านดอลลาร์เท่านั้นแต่ทุกครั้งที่มีการสั่งผลิตซอฟต์แวร์ตามคำสั่ง บริษัทก็ต้องจ้างโปรแกรมเมอร์ใหม่ทุกครั้งทำให้ผลกำไรบริษัทไม่เพิ่มขึ้นตาม

ความจริงสิ่งที่อุตสาหกรรมซอฟต์แวร์อินเดียต้องทำคือ การเปลี่ยนกลยุทธ์เพื่อรักษาการโต บริษัทต่างๆในตอนนี้กำลังเริ่มลดปริมาณการผลิตซอฟต์แวร์เฉพาะด้านลงและหันมาเน้นซอฟต์แวร์ที่ขายในตลาดวงกว้างได้มากขึ้น อาทิซอฟต์แวร์การเงิน การจัดการสินค้าคงคลังสำหรับผู้ประกอบการ

นอกจากนี้อุตสาหกรรมซอฟต์แวร์อินเดียยังมีปัญหาการตลาด ทำให้ตอนนี้หลายบริษัทเลือกที่จะเปิดสำนักงานในต่างประเทศ รวมถึงในสหรัฐฯเพื่อหาข้อมูลที่ทันสมัยตลอดเวลาในขณะที่อีกหลายบริษัทรวมถึงตาต้า คอนซัลแทนซีกำลังเร่งหาคู่ทำธุรกิจกับบริษัทต่างประเทศ แม้ว่าตาต้าฯจะมีสำนักงานผลิตซอฟต์แวร์เฉพาะด้านอยู่ทั่วโลกก็ตาม

“คุณไม่สามารถนั่งอยู่ที่อินเดีย แล้วมีข้อมูลใหม่ๆเสมอเกี่ยวกับซอฟต์แวร์ที่ผู้คนต้องการ” กรรมการผู้จัดการมาสเท็ก บริษัทซอฟต์แวร์อินเดียที่มีสาขาอยู่ในแคลิฟอร์เนียกล่าว

ทุนเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้อุตสาหกรรมซอฟต์แวร์อินเดียไม่พัฒนาเท่าที่ควร ในตอนนี้มีบริษัทซอฟต์แวร์อินเดียไม่กี่แห่งที่เข้าไปจดทะเบียนในตลาดแต่บริษัทเหล่านี้ก็พยายามปล่อยกู้ให้อุตสาหกรรมพัฒนาสินค้าไฮ-เทคอีกปีละ 20 ล้านดอลลาร์เพื่อให้มีทุนวิจัยและพัฒนาซอฟต์แวร์ใหม่ๆออกมา

แล้วผู้บริโภคทั่วโลกจะกล้าซื้อซอฟต์แวร์ที่มาจากอินเดียรึเปล่า? นั่นคงต้องขึ้นอยู่กับคุณภาพและแบบของซอฟต์แวร์ที่อินเดียผลิต แต่ตอนนี้อินเดียยังไม่ประสบความสำเร็จในการสร้างแบรนด์เนมชั้นนำในตลาดโลกด้วยซ้ำและนั่นคือสิ่งที่อินเดียต้องรีบทำ หากว่ายังอยากรักษาอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ของตนต่อไป


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.