|
Premio Principe de Asturias
โดย
ธนิต แก้วสม
นิตยสารผู้จัดการ(5 กรกฎาคม 2548)
กลับสู่หน้าหลัก
เมื่อพูดถึงรางวัลโนเบล ทุกคนก็จะบอกว่า รู้จักและเคยได้ยิน เพราะว่ารางวัลนี้มีชื่อเสียงและเป็นที่ยอมรับมานาน รางวัลเจ้าชายแห่งอัสตูเรียส หรือ Principe de Asturias (ปริ้นซิเป้ เดอัสตูเรียส) แม้จะยังไม่เทียบเท่ารางวัลโนเบล แต่ก็ถือว่าเป็นรางวัลที่มีความสำคัญและมีชื่อเสียงมากในประเทศสเปนและกลุ่มประเทศละตินอเมริกา และในแต่ละปีที่ผ่านไป รางวัลนี้ได้รับการยอมรับและเป็นที่รู้จักมากขึ้นในระดับโลก คาดว่าภายในไม่กี่ปี ก็จะมีระดับเทียบเท่ากับรางวัลโนเบล
Principe de Asturias เป็นพระนามหนึ่งของเจ้าชายฟิลิปเป้แห่งสเปน พระองค์ประสูติ ณ กรุงมาดริด เมื่อ 30 มกราคม 1968 เป็นโอรสของกษัตริย์ฆวน คาร์โลสที่หนึ่ง กับพระราชินีโซเฟีย เมื่อกษัตริย์ฆวน คาร์โลส ขึ้นครองราชย์ในปี 1975 เจ้าชายฟิลิปเป้ก็ได้รับตำแหน่งมกุฎราชกุมาร ในฐานะผู้สืบราชบัลลังก์ ต่อมาในปี 1977 ได้รับพระนามเป็นเจ้าชายแห่งอัสตูเรียส เจ้าชายแห่งกิโรน่า และเจ้าชายแห่งบิอาน่า ซึ่งชื่อเหล่านี้ เป็นชื่อที่ตั้งตามเมืองหลวงของแคว้นคาสติย่า, แคว้นอารากอน และแคว้นนาบาร่า ซึ่งสามแคว้นนี้เป็นแคว้น เก่าแก่ก่อนจะรวมดินแดนกันเป็นประเทศสเปนในศตวรรษที่ 16
พระนามเจ้าชายแห่งอัสตูเรียส หรือในภาษาสเปนเรียกว่า Principe de Asturias จะเป็นพระนามที่ใช้เรียกกันอย่างเป็นทางการและเป็นที่รู้จักมากกว่าเจ้าชายแห่งกิโรน่า หรือเจ้าชายแห่งบิอาน่า และเป็นที่มาของรางวัล Principe de Asturias
เจ้าชายได้รับการเตรียมความพร้อมเป็นอย่างดีในทุกๆ ด้าน เพื่อจะเป็นกษัตริย์องค์ต่อไป โดยจบการ ศึกษาด้านกฎหมายจาก Universidad Autonoma de Madrid และจบปริญญาโทด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จาก Georgetown University, USA นอกจากนั้นยังได้รับการศึกษาด้านการทหารจากทุกเหล่าทัพ หลังจากทรงสำเร็จการศึกษาด้านต่างๆเรียบร้อยแล้ว ก็ได้ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจในฐานะมกุฎราชกุมารแห่งอาณาจักรสเปนตลอดมาจน ถึงปัจจุบัน
ภาพของเจ้าชายฟิลิปเป้ เป็นภาพของผู้นำและต้นแบบของคนรุ่นใหม่ที่ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย สนใจการพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มีความมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ และมีความใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม
ในปี 1980 ได้มีการก่อตั้งมูลนิธิเจ้าชายแห่งอัสตูเรียสขึ้น มีที่ตั้งอยู่ที่เมืองโอบิเอโด้ ทางมูลนิธิได้กำหนดรางวัล Principe de Asturias ขึ้น เพื่อมอบให้กับผู้มีผลงานดีเด่นในด้านต่างๆ ในระดับนานาชาติ โดยมุ่งเฟ้นหาผลงานที่ก่อประโยชน์ให้เกิดขึ้นกับโลกและมนุษยชาติ หรือเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับคนอื่นๆ ในสังคม โดยในช่วงแรกได้เน้นที่ภูมิภาคละตินอเมริกา ในเวลาต่อมาก็ได้ขยายกรอบไปทั่วโลก
เริ่มมีการมอบรางวัลครั้งแรกในปี 1981 จนถึงบัดนี้นับเป็นเวลา 25 ปี มีการพิจารณารางวัลปีละหนึ่งครั้ง และพิธีมอบจะจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ที่เมืองโอบิเอโด้ ซึ่งอยู่ทางภาคเหนือของประเทศสเปน โดยเจ้าชาย ฟิลิปเป้จะเป็นผู้มอบด้วยตัวเอง และมีองค์การยูเนสโก้มาทำหน้าที่เป็นผู้สังเกตการณ์
มีการแบ่งรางวัลออกเป็น 8 ประเภท ดังนี้
Premio Principe de Asturias de Comunicaciony Humanidades
รางวัลด้านการสื่อสารและมนุษยศาสตร์
Premio Principe de Asturias de Ciencias Sociales
รางวัลด้านสังคมศาสตร์
Premio Principe de Asturias de las Artes
รางวัลด้านศิลปศาสตร์
Premio Principe de Asturias de las Letras
รางวัลด้านอักษรศาสตร์
Premio Principe de Asturias de Investigacion Cientifica y Tecnica
รางวัลด้านงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์
Premio Principe de Asturias de Cooperacion Internacional
รางวัลด้านความร่วมมือระหว่างประเทศ
Premio Principe de Asturias de la Concordia
รางวัลด้านการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ (ด้านสันติภาพ)
Premio Principe de Asturias de los Deportes
รางวัลด้านการกีฬา
รางวัลในระดับนี้ หลายคนอาจจะคิดว่าเป็นเรื่องยากที่ได้รางวัลมาครอบครอง ก็อาจเป็นจริงเช่นนั้น แต่เรื่องที่ไม่ยากคือการเสนอตัวเข้าชิงรางวัล ขั้นตอนการเข้าชิงรางวัลนี้มีขั้นตอนที่ไม่ยุ่งยากนัก โดยสรุปคือ ต้องไม่ใช่ตัวเองเป็นผู้เสนอ คือต้องเป็นบุคคลอื่นหรือองค์กรอื่น ผลงานต้องมีความโดดเด่นและมีความสำคัญ ระดับนานาชาติ รูปแบบการเสนอผลงานจะเสนอตามแบบฟอร์มที่มีให้ หรือจะจัดทำเป็นรายงานเองก็ได้ สามารถยื่นเสนอได้โดยตรงหรือทางไปรษณีย์ หรือยื่นผ่านทางสถานทูตสเปนในประเทศต่างๆ ก็ได้ โดยสามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.fpa.es
รางวัลจะประกอบด้วยประกาศนียบัตร, โล่, เหรียญตราของมูลนิธิและเงินจำนวน 50,000 ยูโร (ประมาณ 2,500,000 บาท)
เพื่อให้เห็นภาพที่ชัดขึ้นของ "ระดับ" ของรางวัล นี้ ก็ต้องไปดูผู้ที่เคยได้รับรางวัลในปีที่ผ่านๆ มา Paul Krugman อาจารย์นักเศรษฐศาสตร์ผู้โด่งดังแห่งยุคชาว อเมริกัน เชี่ยวชาญด้านการค้าระหว่างประเทศและการ พัฒนาเศรษฐกิจ ได้รับรางวัลด้านสังคมศาสตร์ ในปี 2004
ท่านประธานาธิบดี Luis Inacio Lula de Silva แห่งบราซิล ได้รับรางวัลเมื่อปี 2003 สาขาความร่วมมือ ระหว่างประเทศ Jurgen Habermas นักปรัชญาที่ดังที่สุดในยุคนี้รับรางวัลด้านสังคมศาสตร์ เมื่อปี 2003 J.K.Rowling เจ้าของผลงาน Harry Potter อันโด่งดัง เป็นผู้ครอบครองรางวัลสาขาสันติภาพ ในปี 2003 หรือ จะเป็น Woody Allen ผู้กำกับดังจากฮอลลีวูด ได้รับรางวัลด้านศิลปศาสตร์ ประจำปี 2002
ชาวเอเชียที่เคยได้รับรางวัลนี้มีเพียงคนเดียวคือ นักบินอวกาศหญิงของ NAZA ซึ่งเป็นชาวญี่ปุ่น Chiaki Mukai เป็นผู้ได้รับเกียรติให้ครอบครองรางวัลด้านความร่วมมือระหว่างประเทศ ในปี 1998
การมอบรางวัลให้กับผู้ที่มีความรู้ มีความสามารถ ผู้สร้างประโยชน์ให้กับสังคมและโลก นับว่าเป็นเรื่องที่ดียิ่ง เพราะเป็นการส่งเสริมกำลังใจ และเป็นหนึ่งแรงกระตุ้นที่จะทำให้เกิดบุคคลที่ทั้งเก่งและดีแบบนี้ขึ้นอีกมากมาย
อีกประการหนึ่ง การประกาศเกียรติคุณในลักษณะเช่นนี้ ยังเป็นการบอกให้สังคมทราบว่า บุคคลที่เก่งๆ และดีๆ แบบนี้ยังมีอยู่ และมีอยู่อีกมาก จะเป็น แบบอย่างให้กับทุกๆ คน จะเสริมแรงใจให้ทำสิ่งดีๆ ต่อไป และตอกย้ำคำกล่าวที่ว่า ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว นั้นเป็นความจริง และเป็นจริงเสมอ
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|