|
LG Story
โดย
น้ำค้าง ไชยพุฒ
นิตยสารผู้จัดการ(5 กรกฎาคม 2548)
กลับสู่หน้าหลัก
นับตั้งแต่ "LG" ตัดสินใจเข้าสู่สนามการแข่งขันธุรกิจโทรศัพท์มือถือตั้งแต่ปี 2539 หลังจากปี 2501 บริษัทได้ถือกำเนิดขึ้นในฐานะเป็นผู้ผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์เพื่อผู้บริโภคเท่านั้น ชื่อของ "LG" ก็ได้รับการขนานนามในฐานะผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือคุณภาพอีกรายหนึ่งของโลก และกลายเป็นแบรนด์ระดับโลก ที่นับวันยิ่งน่าจับตามองเป็นอย่างยิ่ง
"มือถือ" กลายเป็นสิ่งที่เข้ามาช่วยเติมเต็มธุรกิจของ LG ให้ไม่หยุดนิ่งเฉพาะที่ เครื่องปรับอากาศ เครื่องเล่นดีวีดี เครื่องดูดฝุ่น หรืออุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลอย่างแต่ก่อน ในช่วงแรกของการเข้าสู่สมรภูมิการแข่งขัน บริษัทตัดสินใจเปิดตัวมือถือภายใต้ระบบ CDMA ออกจำหน่ายก่อนเป็นอันดับแรก แทนการผลิตมือถือระบบ GSM ที่เพิ่งจะเปิดตัวได้เพียง 4 ปีที่ผ่านมาเท่านั้น
ปีที่ผ่านมาทางบริษัทกลับขายมือถือได้มากถึง 44 ล้านเครื่องทั่วโลก และคาดการณ์ว่าปีนี้น่าจะขายเครื่องได้มากถึง 62 ล้านเครื่องเลยทีเดียว
ด้วยความที่ไม่ได้เป็นเจ้าแรกของตลาด และ LG ก็ตั้งความหวังจะเป็นอันดับ 3 ของตลาดมือถือโลกให้ได้ภายในปี 2549 ดังนั้นบริษัทต้องพยายามอย่างเต็มที่ที่จะเดินหน้าในทุกรูปแบบกลยุทธ์กิจกรรม และสร้างภาพลักษณ์ของตนให้โดดเด่นจนเข้าตา ผู้บริโภค เพื่อไปให้ถึงฝั่งฝ’นที่ต้องการ โดย เฉพาะการแย่งส่วนแบ่งของยักษ์ใหญ่โนเกีย ซัมซุง เพื่อนร่วมชาติ โมโตโรล่า หรือแม้แต่ซีเมนส์ที่เพิ่งถูกค่ายมือถือเบนคิวจากไต้หวัน ครอบครองธุรกิจมือถือ ที่แต่ละคนก็คงไม่ยอมน้อยหน้าเป็นแน่
ในการพบปะกับระหว่าง "ผู้จัดการ" และชอย โบฮวาน ผู้จัดการทั่วไปและหัวหน้า ทีมส่วนภูมิภาคเอเชีย บริษัท แอลจี อิเล็ก ทรอนิกส์ ในงานคอมมิวนิคเอเชีย 2005 ณ ประเทศสิงคโปร์ในช่วงกลางเดือนที่ผ่านมา
โบฮวานบอกกับ "ผู้จัดการ" ว่า มี 3 สิ่งที่ LG จะให้ความสำคัญในการดำเนินธุรกิจเพื่อการก้าวขึ้นเป็นเบอร์ 3 ของโลกให้ได้ภายในปีหน้า ได้แก่ ระบบการขนส่ง หรือโลจิสติกส์ การพัฒนาตัวสินค้า และการ สร้างเครือข่ายการขายหรือ Sale network
LG ตัดสินใจลงทุนกว่า 16 ล้านเหรียญสหรัฐ ในการสร้างโรงงานใหม่ในเกาหลี หลังจากก่อนหน้านั้นมีการสร้างโรงงานเพื่อผลิตมือถือตามที่ต่างๆ ไปแล้ว ทั้งในเม็กซิโก บราซิล เพื่อกระจายสินค้าไปในฝั่งยุโรปและอเมริกา จีนและอินเดีย เพื่อกระจายสินค้าในฝั่งเอเชีย แต่ก็ยังไม่เพียงพอในการผลิตเพื่อให้ทันกับความต้องการของตลาด โดยโรงงานแห่งใหม่จะใหญ่เทียบเท่ากับโรงงานในอินเดียบวกกับโรงงานในจีน
ไม่เพียงเท่านั้นบริษัทยังเพิ่มงบการวิจัยและพัฒนาเป็น 3,100 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาถึงร้อยละ 40 เพื่อใช้ไปกับการพัฒนามือถือในรูปแบบใหม่ โดยเฉพาะการให้ความสำคัญกับการพัฒนา มือถือที่รองรับการใช้งานมัลติมีเดียมากขึ้น
ฟังก์ชั่นหรือความสามารถประเภท หน้าจอมีกล้องดิจิตอลในตัว เป็นเครื่องเล่นเพลงเอ็มพีสาม และรองรับการใช้งานบลูทูธ จะเป็นฟังก์ชั่นพื้นฐานที่แสนจะธรรมดาสำหรับมือของ LG ในปีนี้ มือถือรุ่นใหมของ LG ต้องมีความสามารถและเทคโนโลยีที่หลากหลายยิ่งขึ้น
มือถือพับได้ 360 องศาที่รองรับสัญญาณโทรทัศน์ภาคพื้นดินได้พร้อมกับการใช้งานโทรออกและรับสาย, มือถือรูปทรง รถสปอร์ตที่ออกแบบโดยนักออกแบบชาวอิตาลี หรือ "DMB" (Digital Multimedia Broadcasting), มือถือรูปทรงเกมพกพาที่ มาพร้อมจอที่รองรับการเล่นเกมสามมิติหรือ ภาพกราฟิก, มือถือติดกล้อง 5 ล้านพิกเซลที่หมุนหน้าจอให้มีลักษณะเหมือนกล้องวิดีโอ และ MP3 Phone เป็นเพียงมือถือไม่กี่รุ่นที่ LG ทำได้โดดเด่นกว่าใครในตลาดปัจจุบัน และเพิ่งจะเปิดตัวเพื่อกระตุ้นตลาดไปเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา
ขณะที่ผู้บริหารของบริษัทยินดีควักเงินในกระเป๋าเพิ่ม เพื่อทำการขยายการจ้าง ทรัพยากรบุคคลทั่วโลกเพิ่มอีก 30,000 คน ในอีก 2 ปีข้างหน้า เพื่อรองรับการขยายเครือข่ายการขายสินค้าให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น
แม้ในทุกวันนี้ธุรกิจมือถือในระบบ CDMA ของ LG จะได้รับการยอมรับจนติด อันดับต้นๆ ของโลกว่าขายดีที่สุดแล้วก็ตาม และสำหรับมือถือในระบบ GSM แล้ว ต้องยอมรับว่า LG ยังด้อยกว่าคู่แข่งอยู่มาก ทั้งๆ ยังมีผู้บริโภคในอีกหลายประเทศ ที่ยังใช้ระบบ GSM กันอยู่
นับตั้งแต่ปีนี้เราจึงน่าจะมีโอกาสเห็น การรุกตลาดมือถือ GSM ของ LG มากขึ้น กว่าแต่ก่อน โดยเฉพาะการบุกตลาดมือถือในแถบเอเชีย และตะวันออกกลางที่ยังเป็นตลาดหลักของมือถือ GSM
"ประเทศไทย" ถือเป็นเป้าหมายแรก ของ LG ในการทำตลาดมือถือในแถบเอเชีย ตามคำบอกเล่าของโบฮวาน โดยเฉพาะกลุ่มมือถือที่เน้นเอาใจกลุ่มผู้บริโภคระดับไฮเอนด์ ถือเป็นมือถือรุ่นที่จะได้รับการนำเข้ามาเปิดตัวในเมืองไทยเป็นอันดับต้นๆ หลัง LG นำเสนอผลการสำรวจของ JFK ที่พบว่าคนไทยมีพฤติกรรมเจ้าบุญทุ่มยอมจ่ายมากขึ้น เพื่อให้ได้ของที่ดีขึ้น
ความสำเร็จของ Samsung เพื่อนร่วมธุรกิจชาติเดียวกันกับ LG ได้เคยสร้างตำนานขึ้นเทียบชั้น Nokia ในฐานะเบอร์สอง ของโลกอยู่ชั่วเวลาหนึ่ง และปัจจุบันยังเทียบ ชั้นกับ Motorola เรียกว่าแข่งกันทวงแชมป์ เบอร์สองชนิดที่ใครหลับตาก็อาจจะแซงได้เพียงพริบตา น่าจะพิสูจน์ถึงความนิยมของแบรนด์มือถือจากเกาหลีของคนทั่วโลกได้เป็นอย่างดี
LG จะกอดคอเพื่อนร่วมรุ่นเดียวกันขึ้นเบอร์ 3 ได้อย่างที่ตั้งความหวังเอาไว้หรือ ไม่ วินาทีเดียวก็มิควรจะหลับตา เพราะคุณอาจพลาดฉากสำคัญในหนังเรื่อง "LG Story" ก็เป็นได้
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|