เทปันยากิ ชาบูชาบู สลัดญี่ปุ่น ซุปกา ยำสาหร่าย และอาหารญี่ปุ่นอีกสารพัดอย่างที่ถูกจัดเป็นบุฟเฟต์
วางเรียงรายอยู่ตรงหน้าในร้านโออิชินั้น เป็นทางเลือกใหม่ของคนที่ชอบอาหารญี่ปุ่น
ร้านโออิชิ ทองหล่อซอย 10 บุฟเฟต์อาหารญี่ปุ่น ราคา 449 บาทต่อคน ในช่วง
ตอนเ ที่ยงๆ หรือเย็นๆ คนแน่นมากถึงกับเข้าแถวคิวคอย เป็นดัชนีชี้ว่าเป็นร้านอาหารญี่ปุ่น
ที่ประสบความสำเร็จ และเมื่อประมาณกลางเดือนที่ผ่านมา โออิชิสาขาใหม่สยามดิสคัฟเวอรี่เซ็นเตอร์
สยามสแควร์ ซึ่งเป็นการเปิดสาขา ที่ 3 ในเวลาไม่ถึง 1 ปี ก็เปิดขึ้น เป็นเครื่องยืนยันสิ่งที่เห็นอย่างง่ายๆ
ความสำเร็จมาจากความมั่นใจในตลาดของคนทานอาหารญี่ปุ่นในเมืองไทย และความกล้าตัดสินใจอย่างมากๆ
ของ ฐิติมา ศรีอุทัยศิริวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ซึ่งเป็นเจ้าของธุรกิจเวดดิ้ง
คาสเทิล ซึ่งทำธุรกิจเกี่ยวกับงานแต่งงานครบวงจรเจ้าแรกๆ ในซอยทองหล่อ
เธอบอก "ผู้จัดการ" ว่า ธุรกิจของเวดดิ้ง
และบุฟเฟต์อาหารญี่ปุ่น มาจากแนวความคิดเดียวกัน ที่ว่า ในช่วงเศรษฐกิจซบเซาอย่างวันนี้นั้น
ลูกค้าทุกคนต้องการผลประโยชน์อย่างคุ้มค่าของเม็ดเงิน ที่ได้ใช้จ่ายไป เวดดิ้งจะทำให้ลูกค้าคุ้มค่ากับการจ่ายเงินครั้งเดียว
แต่งานสมบูรณ์หมดทุกอย่าง เช่นเดียวกับการไปทานอาหารญี่ปุ่น ที่จ่ายครั้งเดียวเช่นกัน
แต่สามารถเลือกทานอาหารได้อย่างหลากหลาย จานไหนไม่ชอบกลับไปเลือกใหม่ อาหารจานไหนชอบจะแวะเวียนไปตักอีกกี่รอบก็ได้
โดยไม่ต้องจ่ายเพิ่ม
"เมื่อก่อนใครจะทานอาหารญี่ปุ่นต้องไปตามโรงแรม หรือร้านอาหารญี่ปุ่น
ที่มีอาหารให้เลือกตามเมนูไม่กี่อย่างอาจจะเป็นบุฟเฟต์เหมือนกันแต่จะไม่เปิดทั้งวัน
หรือเปิดเพียงบางมื้อเท่านั้น แล้วราคาค่อนข้างแพงมากเวลาอยากลองเมนูใหม่
ถึงไม่อร่อยก็ต้องทานให้หมดเพราะเสียดาย ราคาต่อจานก็ค่อนข้างสูง" ฐิติมาเล่าถึงสาเหตุหนึ่ง
ที่ทำให้เธอตัดสินใจร่วมหุ้นกับ เพื่อนเปิดร้านนี้ขึ้น
ความคิดนี้ถูกพิสูจน์ว่าเธอคิดไม่ผิด เพราะว่าหลังจากเปิดร้านเพียง 2-3
เดือน จำนวนลูกค้าก็เริ่มเข้าคิวยาว จนต้องขยาย ที่นั่งเพิ่มจาก 200 โต๊ะเป็น
300 โต๊ะ พร้อมๆ กับความมั่นใจในการหาสาขาใหม่รองรับ จริงๆ แล้วเธอเองก็ตั้งความหวังไว้ตั้งแต่แรกเริ่มแล้วว่าต้อง
เป็นร้านอาหาร ที่ให้ลูกค้าเข้าคิวคอยให้ได้
ดังนั้น การที่เห็นคนมากแน่นร้านนั้น อย่าเพิ่งสรุปว่าได้กำไรแล้ว เพราะเธออธิบายว่าอาหารญี่ปุ่นเป็นอาหาร
ที่ต้นทุนแพงมาก หากไม่ใช้วิธีเปิดหลายสาขา เพื่อการสั่งซื้ออาหารครั้งละเป็นจำนวนมาก
ทำให้ราคาต้นทุนของอาหารถูกลง ก็จะอยู่ไม่ได้ ต้องเปิดให้ได้อย่างน้อย 5
สาขาภายใน 2 ปี จึงจะถึงจุดคุ้มทุน แต่หากสาขาแรกไม่ประสบความสำเร็จจนคนแน่นร้านสาขาอื่นๆ
ที่หวังจะเปิด เพื่อเฉลี่ยต้นทุนก็คงเป็นไปไม่ได้เช่นกัน
แต่ฐิติมาโชคดี สาขา ที่ 2 ของ โออิชิเลยเกิดขึ้น ที่ถนนลาดพร้าว พหลโยธินซอย
19 เป็นสาขา ที่ใหญ่ที่สุด มีพื้นที่ประมาณ 1,200 ตารางเมตร มี ที่นั่งประมาณ
500 ที่ ตามมาด้วยสาขา ที่ 3 ซึ่งเปิดไป เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน ที่ผ่านมา
ที่ศูนย์การค้าสยามดิสคัฟเวอรี่ สาขานี้จะมีการตกแต่ง ที่ทันสมัย ดูโปร่งสบายมีจำนวน
ที่นั่งถึง 400 ที่ ส่วนสาขาล่าสุด ที่ได้วางแผนไว้ว่าจะเปิดในวันครบรอบ
1 ปีของร้านโออิชิในวันที่ 9 เดือน 9 ของปีนี้คือ ที่สีลมแกลเลอเรีย ชั้น
4 ประมาณ 400 ที่นั่งเช่นกัน ส่วนปีหน้าเธอมั่นใจว่าจะเปิดได้เพิ่มอีก 2
สาขาแน่นอน
"ตอนแรกๆ ที่เปิดร้านก็มีเสียงวิจารณ์มากเหมือนกันว่า
เป็นมื้อบุฟเฟต์ ที่ค่อนข้างแพงแต่เมื่อได้เข้ามาทานแล้ว ทุกคนถามว่าอยู่ได้อย่างไร"
ฐิติมาเล่าให้ฟัง ด้วยน้ำเสียง ที่แสดงถึงความปลื้มใจอย่างมากในความสำเร็จ
โออิชิ จะมีอาหารญี่ปุ่นเป็นหลักถึง 70 เปอร์เซ็นต์ โดยมีอาหารจีน และอาหารนานาชาติ
ให้เลือกบ้างแต่ไม่มาก ในร้านจะแบ่งอาหารออกเป็น 3 โซนหลักๆ คือ เทปันยากิ
ที่ลูกค้าสามารถคีบอาหารขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นเนื้อ หมู ไก่ กุ้ง หรือปลาแล้วเอาไปให้กุ๊กปรุงตามความชอบว่า
ต้องการสุกขนาดไหน ส่วน ที่ 2 จะเป็นอาหารพวกซาเซมิ และอาหาร ที่จัดไว้ เพื่อตักทานได้เลย
พร้อมทั้งมีของหวาน ผลไม้ ไอศกรีม และเครื่องดื่มต่างๆ ที่ให้ลูกค้าแวะเวียนตักได้ตามใจชอบ
และมีเมนู ที่หมุนเวียนเปลี่ยนไปเรื่อยๆ
ทางร้านจะแบ่งเวลาในการเปิดบริการ 3 รอบในราคา ที่ต่างกันคือ รอบเ ที่ยง
11.00-14.00 น. ราคาท่านละ 449 บาท รอบบ่าย 14.00-16.30 น. เพียงท่านละ 399
บาท ส่วนรอบเย็น 17.00-22.00 น. ท่านละ 499 บาท และรอบมิดไนท์ 22.00- 24.00
น. ซึ่งมีเฉพาะคืนวันศุกร์ และวันเสาร์นั้น ราคา 399 บาท