"โออิชิ" อร่อยแบบง่ายๆ กับอาหารญี่ปุ่น


นิตยสารผู้จัดการ( กรกฎาคม 2543)



กลับสู่หน้าหลัก

เทปันยากิ ชาบูชาบู สลัดญี่ปุ่น ซุปกา ยำสาหร่าย และอาหารญี่ปุ่นอีกสารพัดอย่างที่ถูกจัดเป็นบุฟเฟต์ วางเรียงรายอยู่ตรงหน้าในร้านโออิชินั้น เป็นทางเลือกใหม่ของคนที่ชอบอาหารญี่ปุ่น

ร้านโออิชิ ทองหล่อซอย 10 บุฟเฟต์อาหารญี่ปุ่น ราคา 449 บาทต่อคน ในช่วง ตอนเ ที่ยงๆ หรือเย็นๆ คนแน่นมากถึงกับเข้าแถวคิวคอย เป็นดัชนีชี้ว่าเป็นร้านอาหารญี่ปุ่น ที่ประสบความสำเร็จ และเมื่อประมาณกลางเดือนที่ผ่านมา โออิชิสาขาใหม่สยามดิสคัฟเวอรี่เซ็นเตอร์ สยามสแควร์ ซึ่งเป็นการเปิดสาขา ที่ 3 ในเวลาไม่ถึง 1 ปี ก็เปิดขึ้น เป็นเครื่องยืนยันสิ่งที่เห็นอย่างง่ายๆ

ความสำเร็จมาจากความมั่นใจในตลาดของคนทานอาหารญี่ปุ่นในเมืองไทย และความกล้าตัดสินใจอย่างมากๆ ของ ฐิติมา ศรีอุทัยศิริวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ซึ่งเป็นเจ้าของธุรกิจเวดดิ้ง คาสเทิล ซึ่งทำธุรกิจเกี่ยวกับงานแต่งงานครบวงจรเจ้าแรกๆ ในซอยทองหล่อ

เธอบอก "ผู้จัดการ" ว่า ธุรกิจของเวดดิ้ง และบุฟเฟต์อาหารญี่ปุ่น มาจากแนวความคิดเดียวกัน ที่ว่า ในช่วงเศรษฐกิจซบเซาอย่างวันนี้นั้น ลูกค้าทุกคนต้องการผลประโยชน์อย่างคุ้มค่าของเม็ดเงิน ที่ได้ใช้จ่ายไป เวดดิ้งจะทำให้ลูกค้าคุ้มค่ากับการจ่ายเงินครั้งเดียว แต่งานสมบูรณ์หมดทุกอย่าง เช่นเดียวกับการไปทานอาหารญี่ปุ่น ที่จ่ายครั้งเดียวเช่นกัน แต่สามารถเลือกทานอาหารได้อย่างหลากหลาย จานไหนไม่ชอบกลับไปเลือกใหม่ อาหารจานไหนชอบจะแวะเวียนไปตักอีกกี่รอบก็ได้ โดยไม่ต้องจ่ายเพิ่ม

"เมื่อก่อนใครจะทานอาหารญี่ปุ่นต้องไปตามโรงแรม หรือร้านอาหารญี่ปุ่น ที่มีอาหารให้เลือกตามเมนูไม่กี่อย่างอาจจะเป็นบุฟเฟต์เหมือนกันแต่จะไม่เปิดทั้งวัน หรือเปิดเพียงบางมื้อเท่านั้น แล้วราคาค่อนข้างแพงมากเวลาอยากลองเมนูใหม่ ถึงไม่อร่อยก็ต้องทานให้หมดเพราะเสียดาย ราคาต่อจานก็ค่อนข้างสูง" ฐิติมาเล่าถึงสาเหตุหนึ่ง ที่ทำให้เธอตัดสินใจร่วมหุ้นกับ เพื่อนเปิดร้านนี้ขึ้น

ความคิดนี้ถูกพิสูจน์ว่าเธอคิดไม่ผิด เพราะว่าหลังจากเปิดร้านเพียง 2-3 เดือน จำนวนลูกค้าก็เริ่มเข้าคิวยาว จนต้องขยาย ที่นั่งเพิ่มจาก 200 โต๊ะเป็น 300 โต๊ะ พร้อมๆ กับความมั่นใจในการหาสาขาใหม่รองรับ จริงๆ แล้วเธอเองก็ตั้งความหวังไว้ตั้งแต่แรกเริ่มแล้วว่าต้อง เป็นร้านอาหาร ที่ให้ลูกค้าเข้าคิวคอยให้ได้

ดังนั้น การที่เห็นคนมากแน่นร้านนั้น อย่าเพิ่งสรุปว่าได้กำไรแล้ว เพราะเธออธิบายว่าอาหารญี่ปุ่นเป็นอาหาร ที่ต้นทุนแพงมาก หากไม่ใช้วิธีเปิดหลายสาขา เพื่อการสั่งซื้ออาหารครั้งละเป็นจำนวนมาก ทำให้ราคาต้นทุนของอาหารถูกลง ก็จะอยู่ไม่ได้ ต้องเปิดให้ได้อย่างน้อย 5 สาขาภายใน 2 ปี จึงจะถึงจุดคุ้มทุน แต่หากสาขาแรกไม่ประสบความสำเร็จจนคนแน่นร้านสาขาอื่นๆ ที่หวังจะเปิด เพื่อเฉลี่ยต้นทุนก็คงเป็นไปไม่ได้เช่นกัน

แต่ฐิติมาโชคดี สาขา ที่ 2 ของ โออิชิเลยเกิดขึ้น ที่ถนนลาดพร้าว พหลโยธินซอย 19 เป็นสาขา ที่ใหญ่ที่สุด มีพื้นที่ประมาณ 1,200 ตารางเมตร มี ที่นั่งประมาณ 500 ที่ ตามมาด้วยสาขา ที่ 3 ซึ่งเปิดไป เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน ที่ผ่านมา ที่ศูนย์การค้าสยามดิสคัฟเวอรี่ สาขานี้จะมีการตกแต่ง ที่ทันสมัย ดูโปร่งสบายมีจำนวน ที่นั่งถึง 400 ที่ ส่วนสาขาล่าสุด ที่ได้วางแผนไว้ว่าจะเปิดในวันครบรอบ 1 ปีของร้านโออิชิในวันที่ 9 เดือน 9 ของปีนี้คือ ที่สีลมแกลเลอเรีย ชั้น 4 ประมาณ 400 ที่นั่งเช่นกัน ส่วนปีหน้าเธอมั่นใจว่าจะเปิดได้เพิ่มอีก 2 สาขาแน่นอน

"ตอนแรกๆ ที่เปิดร้านก็มีเสียงวิจารณ์มากเหมือนกันว่า เป็นมื้อบุฟเฟต์ ที่ค่อนข้างแพงแต่เมื่อได้เข้ามาทานแล้ว ทุกคนถามว่าอยู่ได้อย่างไร" ฐิติมาเล่าให้ฟัง ด้วยน้ำเสียง ที่แสดงถึงความปลื้มใจอย่างมากในความสำเร็จ

โออิชิ จะมีอาหารญี่ปุ่นเป็นหลักถึง 70 เปอร์เซ็นต์ โดยมีอาหารจีน และอาหารนานาชาติ ให้เลือกบ้างแต่ไม่มาก ในร้านจะแบ่งอาหารออกเป็น 3 โซนหลักๆ คือ เทปันยากิ ที่ลูกค้าสามารถคีบอาหารขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นเนื้อ หมู ไก่ กุ้ง หรือปลาแล้วเอาไปให้กุ๊กปรุงตามความชอบว่า ต้องการสุกขนาดไหน ส่วน ที่ 2 จะเป็นอาหารพวกซาเซมิ และอาหาร ที่จัดไว้ เพื่อตักทานได้เลย พร้อมทั้งมีของหวาน ผลไม้ ไอศกรีม และเครื่องดื่มต่างๆ ที่ให้ลูกค้าแวะเวียนตักได้ตามใจชอบ และมีเมนู ที่หมุนเวียนเปลี่ยนไปเรื่อยๆ

ทางร้านจะแบ่งเวลาในการเปิดบริการ 3 รอบในราคา ที่ต่างกันคือ รอบเ ที่ยง 11.00-14.00 น. ราคาท่านละ 449 บาท รอบบ่าย 14.00-16.30 น. เพียงท่านละ 399 บาท ส่วนรอบเย็น 17.00-22.00 น. ท่านละ 499 บาท และรอบมิดไนท์ 22.00- 24.00 น. ซึ่งมีเฉพาะคืนวันศุกร์ และวันเสาร์นั้น ราคา 399 บาท



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.