เสพงานศิลป์ที่เมอร์คิวรี่อาร์ต


นิตยสารผู้จัดการ( กรกฎาคม 2543)



กลับสู่หน้าหลัก

ในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจ ตารางปฏิทินงานศิลป์ ยังคงมีอยู่หนาตา และแกลลอรี่ดีๆ ก็ยังเกิดขึ้นอยู่เรื่อยๆ

" ที่มาทำงานนี้ เพราะเหมือนกับการที่ชีวิตเรามาเจอคนที่เราปิ๊ง มันเป็นความโรแมนติก ที่เกิดขึ้น"

สลิล ศรีประเสริฐ สาวน้อยหน้าหวาน วัยเพียง 29 ปี ผู้จัดการทั่วไป และเจ้าของ The Mercury Art Gallery เล่าให้ "ผู้จัดการ" ฟังถึงความรู้สึกส่วนหนึ่งของการเข้ามาทำธุรกิจนี้

เมอร์คิวรี่อาร์ต ตั้งอยู่บนชั้น 2 ของตึกเมอร์คิวรี่ หัวมุมถนนเพลินจิต มีพื้นที่กว้างขวางในการแสดงงานถึง 1,600 ตารางเมตร นับว่าการตัดสินใจเข้ามาทำการบริหารพื้นที่จัดนิทรรศการงานศิลปะ ที่ใหญ่ขนาดนี้ ในภาวะเศรษฐกิจอย่างนี้เธอต้องอาศัยความกล้าอย่างมากทีเดียว

สลิล จบการศึกษาทางด้านบริหารธุรกิจมาจากมหาวิทยาลัยบอสตัน สหรัฐ อเมริกา เธอบอกว่าเป็นคนที่ชื่นชอบงานศิลปะ และเป็นเรื่องที่อยู่ในใจของเธอมานานแล้ว ที่อยากให้มีพื้นที่แสดงงานศิลป์ ที่กว้างขวาง และเป็นพื้นที่เปิดโล่ง ที่ใครๆ ก็ สามารถเข้ามาชื่นชมงานได้อย่างสะดวก ซึ่งเป็นความคิด ที่ตรงกันกับ เพื่อนศิลปินอีกหลายๆ คนที่มีโอกาสได้เจอ และ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน

"คือ ทุกคนก็ฝันอยากมีพื้นที่ดีๆไว้แสดงงาน เมื่อตอนเรายังเด็กเราเองแทบจะไม่มีโอกาสได้ชื่นชมผลงานพวกนี้ ไม่มีโอกาสเข้าไปทัศนะศึกษา ที่หอศิลป์ ไม่สามารถเข้าใจได้ว่างานศิลปะจะมี อิทธิพลกับคนมากแค่ไหน จนกระทั่งเมื่อโตขึ้น พอมีโอกาสได้ดู ที่เมืองนอกบ้าง ก็รู้ว่าเมืองนอกมี ที่แสดงงานศิลปะเยอะมาก และมีระบบจัดเก็บข้อมูลที่ดีในขณะที่เมืองเรามีน้อยมาก หอศิลป์ ที่มีอยู่ในเมืองไทยก็ต้องจองคิวกันนานทีเดียว เราก็รู้สึกว่างาน ที่เราเห็นตามมิวเซียม ที่เมืองนอก คนไทยก็ทำได้ และทำได้ดีกว่าเป็นงาน ที่ไม่มีการลอกเลียนแบบมาจากใครเป็นงาน ที่เป็นตัวของตัวเอง"

ผู้ ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจคนสำคัญคนหนึ่ง คือ ประทีป คชบัว ซึ่งเป็นศิลปินคนหนึ่ง ที่สลิลชื่นชม และติดตามผลงาน เมื่อมีโอกาสได้รู้จัก ก็เลยเริ่มเข้าไปหาความรู้ และได้คุยได้ปรึกษากัน หลังจากนั้น ก็เริ่มเก็บเกี่ยวข้อมูลตามงานนิทรรศ การตามสถานที่ต่างๆ มาเรื่อยๆ พร้อมๆ กับการมองหาสถานที่

เมื่อมีความตั้งใจประกอบกับมีกลุ่ม เพื่อนๆ อีก ประมาณ 14 คน อายุของแต่ละคนโดยเฉลี่ยประมาณ 30 ปี ต้นๆ เป็นคนรุ่นใหม่ ที่ชื่นชอบงานศิลปะ ทุกคนไม่มีใครเรียน หรือทำงาน ที่เกี่ยวกับทางด้านศิลปะ และต่างก็มีงานประจำ ที่อื่นกันหมดแล้ว แต่ตัดสินใจร่วมทุนกันเพราะความรัก

สถานที่ เป็นจุดหนึ่ง ที่ทำให้กลุ่มของเธอตัดสินใจลงมือ เปิดแกลลอรี่อย่างเป็นเรื่องเป็นราว เมื่อเดือนตุลาคม ปี 2532 เดิมตรงนี้เคยเป็นที่ตั้งร้านขายเสื้อผ้ายี่ห้อหนึ่ง ที่ปิดตัวไป และได้ตกแต่งไว้อย่างสวยงาม เมื่อสลิลไปเห็นก็พอใจมาก เพราะตรงกับ ที่ต้องการ คือ กว้าง และเปิดโล่ง ที่สำคัญเมื่อเสนอโปรเจ็กต์ไปทางเจ้าของตึก ก็ตกลงจะให้เธอเช่าโดยคิดค่าเช่าแต่เพียงส่วนออฟฟิศไม่กี่ตารางเมตรเท่านั้น

หากในช่วงเศรษฐกิจดีๆ มีหวังเธอเจอค่าเช่าต่อ ตารางเมตรหลายแสนบาทต่อเดือนแน่ๆ

จะเห็นได้ว่า 2-3 ปีที่ผ่านมานี้เป็นช่วง ที่เศรษฐกิจตกต่ำก็จริง แต่ยังมีงานนิทรรศการทางศิลปะเกิดขึ้นอยู่อย่างต่อเนื่อง ราวกับว่าตัวศิลปินเองก็ค่อนข้างเก็บกดกับสถานการณ์ ที่เป็นอยู่ เลยมีการแสดงออกมาเป็นงานศิลปะสะท้อนสิ่งที่เกิดขึ้นในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน แต่การตั้งราคาขายผลงานนั้น ค่อนข้างจะตั้งยาก และขายผลงานได้ยากเช่นกัน เพราะเมื่อไม่มีเงิน คนส่วนใหญ่จะมาเดินดูงานก็จริงแต่เป็นการดู เพื่อเพิ่มพลังทางสมองมากกว่า

1 ปีที่ผ่านมา เมอร์คิวรี่อาร์ตจัดงานนิทรรศการไปแล้ว 13 งาน และยังมีงาน ที่เตรียมจัดแสดงยาวตลอดไปทั้งปี เช่น ในเดือนกรกฎาคมก็จะมีนิทรรศการชุดจากใจจิตรกร ผลงานเดี่ยวของ ทวีศักดิ์ อุชุคตานนท์ เดือนสิงหาคม นิทรรศการ แสดงผลงานศิลปะภาพพิมพ์ซิลค์สกรีน ชุด Electric Nature โดยวัชรินทร์ ภูมิจิตร และในเดือนตุลาคม จะมีงานนิทรรศการครั้งใหญ่รวบรวมผลงานของศิลปิน ที่มีความลึกลับ จ่าง แซ่ตั้ง ส่วนช่วงปลายปีก็จะมีนิทรรศการ แสดงผลงานของ 2 ศิลปินใหญ่ คือ เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ และอาจารย์ช่วง มูลพินิจ

และในบางเวลา ที่ยังว่างจากการแสดงผลงานนิทรรศการ พื้นที่แห่งนี้ก็พร้อม ที่จะแปรเปลี่ยน เพื่อจัดทำประโยชน์อื่นๆ ได้ทันที เช่น งานสัมมนาเกี่ยวกับงานศิลป์ งานเปิดตัวสินค้าใหม่ งานจัดเลี้ยง งานแฟชั่นโชว์ อย่างเช่น ในช่วงต้นเดือนกรกฎาคม จะมีงาน "แม่ฟ้าหลวง" ซึ่งเป็นแฟชั่นโชว์ และนิทรรศการจากโครงการแม่ฟ้าหลวงโดยห้องเสื้อเมตตา แม้แต่งานใหญ่อย่างเช่น งานแต่งงานของธนากร เตลาน กับดร.นิธินาถ สินธุเดชะ ก็เคยใช้สถานที่แห่งนี้รองรับแขกเหรื่อเป็นพันๆ คนมาแล้ว

"ในแง่ของการบริหารพื้นที่เราประสบความสำเร็จแต่ในแง่ของธุรกิจเรายังล้มเหลว เพราะยังเป็นตัวแดงอยู่เลยค่ะ" สลิลเล่า แต่ใบหน้าของเธอยังระบายไปด้วยรอยยิ้ม ซึ่งแสดงถึงความไม่ท้อถอยง่ายๆ



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.