ข่าวที่ออกมาทำให้ประธานาธิบดีบุชบอกว่า เขา "โกรธชิบ" กับความฉ้อฉลของคอร์ปอเรท
ในอเมริกา และบอกว่าจะต้องตรวจสอบว่าบริษัทใดไม่ทำงานอย่างที่มหาชน คาดหวัง
และต้องเอาตัวออกมาให้หมด และเรื่องนี้ยังเป็น หัวข้อหนึ่งของการประชุมสัมมนาเศรษฐกิจยักษ์โลก
หรือ G8 ที่ผู้นำ 8 ประเทศไปประชุมร่วมกันที่แคนาดา ในช่วงนั้น
ฝ่ายวอลล์สตรีท ยิ่งตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ยักษ์ล้มที่ เกิดขึ้นไม่หยุดยั้ง
ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นจุดที่เพิ่ง "เริ่มต้น" เท่านั้น เพียงแต่ยังทำนายไม่ได้
ไม่เห็นว่าใครจะเป็นรายต่อไป ส่วนที่จะหวังว่าไม่มีกรณีอย่างนี้เกิดขึ้นอีกนั้น
เป็นความหวังที่ริบหรี่มาก
ปรากฏการณ์ตอบรับจากตลาดโลกกับผิดคาด ตลาด เอเชียแข็งแกร่งต้านกระแสข่าวนี้
โดยไม่กระทบถึงยอดซื้อขาย ของตลาดที่กลับปิดตลาดสูงขึ้นในระยะนั้น
ผู้อำนวยการของ Asia Strategic Asset Manage-ment ซึ่งมีเงินกองทุน 300
ล้านดอลลาร์อยู่ในความดูแล กล่าว กับ "รอยเตอร์" ว่ากรณีอื้อฉาว WorldCom
และ Enron ได้ ทำลายมนตร์ดำที่ว่า สหรัฐอเมริกา มีการปกครองบริษัท มหาชน
และให้รายได้ที่มีคุณภาพที่สุด
"ในอนาคต คนอาจไม่ต้องการใส่เงินมากเข้าไปใน สินทรัพย์สหรัฐฯ และจะเก็บเงินไว้มากขึ้น
(เพื่อซื้อหุ้นในตลาด) แถวบ้าน"
ปีก่อน บริษัทอินเทอร์เน็ต หรือบริษัทที่ทำธุรกิจดอท คอม ทำตลาดหุ้นอเมริการะเนระนาดแล้วครั้งหนึ่ง
เมื่อหุ้นของ บริษัทกลุ่มนี้พากันตกยวบยาบ จากที่เคยซื้อขายกันแพงเกิน มูลค่าจริงมากมาย
ในยุคที่นักลงทุนเห่อความแปลกใหม่ แต่ เมื่อเวลาผ่านไป มูลค่าจริงที่ปรากฏออกมา
ทำให้มีการเทขาย และหุ้นดอทคอมกลายเป็นหุ้นไร้ค่า
ตอนนี้ถึงคราบริษัทเทเลคอม ที่มีตัวเลขทางบัญชีเปิด เผยอย่างสวยหรูมาตลอด
กลับมีเรื่องที่ไม่มีใครคาดคิดถึง การทำบัญชีปลอมเพื่อปั่นหุ้น รายต่อไปคือ
Qwest Commu-nication International ที่เผชิญปัญหาคำถามเกี่ยวกับการทำ บัญชีเช่นกัน
หุ้นของ Qwest ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการสอบสวนของ ก.ล.ต.โดยบริษัทบอกว่าได้ให้ความร่วมมืออย่างดี
ตอนนี้ตกลง แล้ว 58 เปอร์เซ็นต์ในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก
การที่บริษัทซึ่งมีตัวเลขสวยๆ ถูกเปิดโปงความจริงว่า ซ่อนเร้นไปด้วยยอดขาดทุนหรือการฉ้อฉลของผู้บริหารที่ดึงเงิน
ไปเข้ากระเป๋าส่วนตัว ทำให้ไม่มีใครอยากเชื่อบริษัทยักษ์ใหญ่ อีกต่อไป วิกฤติศรัทธานี้ยังเสื่อมไปถึงวงการบริษัทตรวจสอบ
บัญชีที่รู้เห็นเป็นใจด้วย