คณะทำงานกสท./ทศท.เรียกซีเมนส์ ยื่นข้อเสนอรีพีทออเดอร์ โครงข่ายโทรศัพท์มือถือ
1900 เมกะเฮิรตซ์อีก 500 สถานีฐานพร้อมเพิ่มความสามารถ IN อีก 3,000
ล้านบาทหวังรีบสรุปก่อนผอ.ทศท.เกษียณทั้งๆที่สัญญาเดิมเสียเปรียบเรื่องการหาที่ติดตั้งสถานีฐาน
แหล่งข่าวจากการสื่อสารแห่งประเทศไทย(กสท.) กล่าวว่านายไกรสร พรสุธี
ประธานบอร์ดกสท.ได้สั่งการผู้ว่าการกสท.เมื่อวันที่ 8 ก.ค.ที่ผ่านมาในเรื่องการ
ขยายโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ 1900 เมกะเฮิรตซ์ให้ครอบ คลุมพื้นที่บริการทั่วประเทศ
โดยให้นโยบายว่าการขยายโครงข่ายเพื่อให้ครอบคลุมกรุงเทพฯและปริมณฑลนั้น
สถานีฐาน 500 แห่งที่จัดซื้อมาซึ่งเป็นระบบ 2G ไม่สามารถที่จะครอบคลุมได้
จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการจัดซื้อสถานีฐานเพิ่มเติม แต่จะเป็นจำนวนเท่าไหร่และวิธีการจัดซื้อเพื่อให้ได้สถานีฐานมาใช้งานอย่างรวดเร็วจะใช้วิธีการเช่นไร
ให้เป็นหน้าที่ของคณะทำงานร่วมกสท.กับองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย(ทศท.)
ส่วนการขยายโครงข่ายให้ครอบคลุมทั่วประเทศนั้น เนื่องจากมีการเจรจากับเอไอเอสหรือดีแทค
เพื่อให้เครือข่ายสามารถโรมมิ่งได้ทั่วประเทศ ดังนั้นการขยายโครงข่ายในส่วนนี้จึงจำเป็นต้องมีการพิจารณาอย่างรอบคอบ
โดยให้นโยบายว่าไม่จำเป็นต้องลงทุนเพิ่มในเรื่อง 2G หรือ 2.5G
แต่ควรพิจารณาว่าควรจะขยายโครงข่าย 3G ทั้งนี้ระยะเวลาที่จะดำเนินการควรจะเสร็จในปี
2546 สามารถออก รายละเอียดทางเทคนิคเตรียมตัวไว้ได้ โดยให้แต่ละซัปพลายเออร์นำ
เครื่องและอุปกรณ์มาทดลองอย่างน้อย 6-9 เดือน (เช่นเดียวกับบริษัท SINGTEL
MOBILE ทำอยู่) โดยค่าใช้จ่ายเป็นของซัปพลายเออร์ สำหรับความคืบหน้าของการดำเนินโครงการโทรศัพท์มือถือ
1900
ของไทยโมบาย จากการประชุมครั้งหลังสุดของคณะทำงาน ร่วมปลายเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมาสรุปได้ว่า
1.เรื่องผลการพิจารณารายละเอียดค่าจ้างและผลตอบแทนของงานการตลาดสำหรับไทยโมบาย
กสท.และทศท.ร่วมกันจัดทำร่างสัญญา 3 ฉบับคือร่างสัญญาบริหารการให้บริการลูกค้าสัมพันธ์และจัดทำระบบจัดเก็บเงินโทร-ศัพท์เคลื่อนที่ระบบ
1900 เมกะ-เฮิรตซ์,
ร่างสัญญาบริหารช่องทางการจัดจำหน่ายและการจัดการเครื่องโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ1900
เมกะเฮิรตซ์ (สำหรับตัวแทนการขายหลัก)
และร่างสัญญาบริหารช่องทางการจัดจำหน่ายและการจัดการเครื่องโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ1900
เมกะเฮิรตซ์ (สำหรับตัวแทนการขายร่วม) ซึ่งปัจจุบันยัง อยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนัก
งานอัยการสูงสุดอยู่ 2.เรื่องการขยายโครงข่ายให้ครอบคลุมพื้นที่บริการทั่วประเทศ
คณะทำงานย่อยด้านโครงข่าย ยังอยู่ระหว่างพิจารณารายละเอียดของโครงการอยู่
หลังจากได้รับข้อ
มูลเกี่ยวกับด้านผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยี 3G จากซัปพลายเออร์อย่างซีเมนส์
อัลคาเทลและอีริคสัน เนื่องจากการตัดสินใจเลือกเทคโน-โลยี 3G ต้องสอดคล้องกับทิศทาง
ในอนาคตของต่างประเทศด้วย
3.ความคืบหน้าในการติดตั้งโครงข่ายเฟสแรก ซึ่งได้ทำการติดตั้งชุมสายทั้ง
3 แห่งรองรับผู้ใช้ 3 แสนรายแล้ว ส่วนการติดตั้งสถานีฐาน 500 แห่งในพื้นที่กรุงเทพฯและ
ปริมณฑล
ภายหลังจากการเชื่อมโยงสถานีฐานเข้ากับชุมสายโทร-ศัพท์จริง ตั้งแต่เมื่อวันที่
15 มิ.ย. และเปิดให้บริการแล้ว 55 สถานี และทำการส่ง SMS ภายในระบบ 1900
ได้แล้วแต่ยังไม่สามารถส่ง SMS
ระหว่างโครงข่าย GSM อื่น นอกจากนี้ยังไม่สามารถ ให้บริการ โรมมิ่งได้รวมทั้งระบบบิลลิ่งยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จทำให้ไม่สามารถคิดค่าบริการได้ในขณะนี้
นอกจากนี้
ซิมการ์ดเดิมที่ทศท.จัดซื้อจากบริษัท เพชราวุธ มีปัญหาในเรื่อง Altentication
ไม่สามารถทำงานได้อย่างถูกต้องเมื่อใช้งานกับระบบชุมสายจริง
ซึ่งจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนซิมการ์ดใหม่เพื่อประสิทธิภาพในการโรมมิ่ง แหล่งข่าวกล่าวว่าในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาคณะทำงานกสท./ทศท.ได้เรียกกลุ่มคอนซอร์เตี้ยมเดิมที่ประกอบด้วยซีเมนส์
อีริคสัน
และเอ็นอีซีเข้าชี้แจงแผนการติดตั้งโครงข่ายพร้อมทั้งให้เสนอแนว ทางการเพิ่มจำนวนสถานีฐานให้มากขึ้น
ซึ่งได้ข้อสรุปว่าภายในสัปดาห์นี้ซีเมนส์จะยื่นข้อเสนอการ รีพีทออเดอร์ โครงข่ายโทรศัพท์มือ
ถือ
1900 เมกะเฮิรตซ์ อีกจำนวน 500 สถานีฐาน พร้อมเพิ่มขีดความสามารถของระบบ
IN (Intelligent Network) รวมเป็นเงินประมาณ 3,000 ล้านบาทให้คณะทำงานพิจารณาอย่างเร่งด่วน
เพื่อให้เสร็จทันก่อนผู้อำนวยการทศท.จะเกษียณอายุในเดือนก.ย.ที่จะถึงนี้
ทั้งๆที่สัญญา เดิมที่ทำกับกลุ่มคอนซอร์เตี้ยมเสียเปรียบในเรื่องทศท.ต้องหาสถานที่ติดตั้งสถานีฐานให้
ทำให้การติดตั้งล่าช้ามาตลอด และในเรื่องความไม่ลงรอยระหว่างกสท. กับทศท.รวมทั้งยังไม่มีความชัดเจน
ว่าจะใช้วิธีการเช่าหรือซื้อ "ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องบประ มาณ เพราะมีวิธีทำได้อยู่แล้ว
ที่สำคัญงบลงทุนของทศท.เองใช้ไปไม่ถึง 50% หาเงินได้อยู่แล้ว เพียงแต่จะทำวิธีไหนแล้วไทยโมบายได้ประโยชน์สูงสุด
ไม่ใช่ทำวิธีไหนแล้วซัปพลายเออร์ได้เงินมาก"