|
แปรรูปองค์การฟอกหนังล่ม
ผู้จัดการรายวัน(16 มิถุนายน 2548)
กลับสู่หน้าหลัก
องค์การฟอกหนังส่อแววพับแผนเข้าตลาดหลักทรัพย์ หลังแผนการบริหารงาน "อาณัฐชัย รัตตกุล" ไม่ผ่านความเห็นชอบจากบอร์ด ขณะที่มีกระแสข่าวกระทรวงกลาโหมเล็งปิดกิจการหลังบริษัทมีผลการดำเนินงานขาดทุนมาตลอด
แหล่งข่าวจากองค์การฟอกหนัง (อ.ฟ.น.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2548 ที่ผ่านมา คณะกรรมการองค์การฟอกหนังได้มีการประชุมเพื่อพิจารณาแผนการบริหารและการจัดการองค์การฟอกหนัง ซึ่งมีนายอาณัฐชัย รัตตกุล ผู้อำนวยการ องค์การฟอกหนังเป็นผู้เสนอ ซึ่งผลการประชุมปรากฏว่าคณะกรรมการไม่อนุมัติแผนการบริหารงานดังกล่าว
ทั้งนี้แผนการบริหารของนายอาณัฐชัยส่วนหนึ่งของแผนงานนั้นจะแปรรูปองค์การฟอกหนัง ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย แต่จากการที่แผนการบริหารไม่ผ่าน จึงอาจจะส่งผลกระทบทำให้การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯชะลอไป หรืออาจจะถึงยกเลิกได้เช่นกัน ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีว่าจะมีความเห็นเป็นอย่างไร
จากแผนการบริหารงานจะมี 3 ขั้นตอน คือในระยะสั้น 3-6 เดือน คือการแก้ปัญหาเร่งด่วน โดยพยายามจะลดการขาดทุน แก้ปัญหาสภาพคล่องทางการเงิน ปัญหาต้นทุนการผลิตสูงและปัญหาคุณภาพของสินค้า และการเร่งขยายฐานลูกค้าที่พอจะสามารถบริโภคสินค้าเดิมขององค์กรได้อย่างเต็มที่ ซึ่งเชื่อมั่นว่าปีงบประมาณ 2549 องค์การฟอกหนังจะมีกำไร หลังจากที่ก่อนหน้านี้ขาดทุนมาตลอดทุกปี ซึ่งนับแต่นายอาณัฐชัยเข้ามาบริหาร ก็มีกำไรแล้ว 2 เดือน ทั้งเดือนมีนาคมที่มีกำไร 2.20 ล้านบาท และเดือนเมษายนมีกำไร 1.84 ล้านบาท
ส่วนระยะปานกลางในกรอบ 1-2 ปี จะเป็นช่วงของขบวนการปรับปรุงผ่าตัดองค์กรภายใน เพื่อให้เกิดศักยภาพในการดำรงอยู่ด้วยการพึ่งตนเอง และสามารถแข่งขันในตลาดได้ ทั้งระบบการบริหารงาน การผลิต และการดำเนินงานในองค์การ
สำหรับแผนระยะยาวในช่วง 2-3 ปี มีเป้าหมายปรับองค์กรให้ไปสู่การเป็นบริษัทมหาชนเพื่อเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งตามแผนจะมีการเพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 36 ล้านบาท เพิ่มเป็น 300 ล้านบาท เพื่อให้เท่ากับสินทรัพย์ขององค์การ และจะมีการปรับโครงสร้างหนี้หลังจากนั้นในปี 2551 องค์การฟอกหนังก็จะสามารถเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้
"แผนการบริการและการจัดการองค์การฟอกหนังจะมี 3 ช่วงในระยะสั้น,ปานกลางและระยะยาว โดยจะกำหนดยุทธศาสตร์ไว้ 5 แนวทางประกอบด้วย การแก้ไขปัญหาเร่งด่วน ด้านสภาพคล่องและบุคลากร, ด้านการผลิต, ด้านการตลาด, การสร้างผลกำไร และการพัฒนาเติบโตอย่างยั่งยืน แต่หลังจากที่แผนบริหารไม่ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการ ส่งผลทำให้นายอาณัฐชัยก็ต้องพ้นจากตำแหน่งผู้อำนวยการองค์การฟอกหนัง" แหล่งข่าวกล่าว
ทั้งนี้ องค์การฟอกหนังถือว่าเป็นองค์กรที่มีศักยภาพ เพราะเป็นองค์การที่มีสินทรัพย์อยู่จำนวนมาก และการลงทุนต่างๆ ไม่ต้องใช้เงินลงทุนมากนัก เพราะมีเครื่องจักรอยู่แล้ว ดังนั้นจึงเชื่อว่ามีโอกาสที่จะฟื้นฟูให้องค์กรกลับมาเป็นองค์การที่มีผลประกอบการที่มีกำไร และจะสามารถทำประโยชน์ให้กับประเทศได้อีกมาก
สาเหตุที่แผนการบริหารและการจัดการองค์การฟอกหนังของนายอาณัฐชัยไม่ผ่านไม่ทราบว่าเป็นเพราะอะไร แต่ก็มีกระแสข่าวว่ากระทรวงกลาโหมนั้นต้องการที่จะปิดรัฐวิสาหกิจที่มีผลประกอบการขาดทุนมาตลอดในช่วง 7 ปีที่ผ่านมา ดังนั้นจึงไม่ต้องการเป็นภาระ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่รู้ว่าองค์การฟอกหนังจะมีทิศทางเป็นอย่างไร แต่ถ้ามีการปิดกิจการจริงก็อาจจะทำให้รัฐต้องจ่ายเงินชดเชยประมาณ 2 พันล้านบาท
"ปัญหาที่สะสมขององค์การฟอกหนังมาเป็นระยะเวลาอันยาวนาน นับตั้งแต่สภาวะวิกฤตเศรษฐกิจของประเทศในปี 2540 ทำให้ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง เกิดสภาวะการขาดทุนต่อเนื่องในระยะเวลาติดต่อกันถึง 7 ปี เกิดผลกระทบจากสภาพคล่องทางการเงิน ติดหนี้การค้า ทำให้ขาดความเชื่อถือ" แหล่งข่าวกล่าว
อนึ่ง เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา คณะกรรมการองค์การฟอกหนังและนายอาณัฐชัย ได้เข้าพบตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อสอบถามถึงการเตรียมความพร้อมที่จะเข้ามาเป็นบริษัทจดทะเบียนว่าจะต้องดำเนินการอย่างไรบ้าง
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|