"ปิยะบุตร"หวนคืนวงการไอที หลังลาอีริเดียมหันลุยเว็บทีวี


ผู้จัดการรายวัน(12 กรกฎาคม 2545)



กลับสู่หน้าหลัก

อดีตผู้บริหารอีริเดียม คืนวงการไอทีหันหาธุรกิจเว็บทีวี เข็นกล่องสารพัดนึก ต่อทีวีท่องอินเทอร์เน็ต ด้วยทีเด็ด ซอฟต์แวร์ เบราเซอร์ภาษาไทย มักน้อยขอขายแค่ปีละหมื่นเครื่อง

เตรียมเปิดตัวเดือนหน้าราคาไม่ถึง 1 หมื่บาท นายปิยะบุตร วสุธาร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ศุภกรณบรรณสาร กล่าวว่าบริษัทเตรียมเปิดให้บริการอินเทอร์เน็ตทีวี หรือเว็บทีวี ผ่านอุปกรณ์เซ็ตท้อป

บ็อกซ์ ในปลาย เดือนส.ค.ที่จะถึงนี้ ในหลักการที่ว่าเอา กล่องไปเสียบกับทีวี แล้วทำให้ทีวีเป็น เหมือนคอมพิวเตอร์ เพื่อเชื่อมต่อเข้าสู่อินเทอร์เน็ต ไม่ได้เป็นไฮเทคโนโลยี

แต่น่าจะเรียกว่าเป็นมีเดียมเทคโนโลยี "มันน่าสนใจเพราะว่าทีวีเมืองไทยมีประมาณ 16 ล้านเครื่อง คนเล่น อินเทอร์เน็ตหรือหาข้อมูลจากเว็บไซต์ ใช้อีเมลประมาณ 4-5 ล้านคนจากประชากร 60 ล้านคน

ผมมองว่าถ้ารัฐบาลต้องการขยายข้อมูลไปยังประ ชาชนส่วนใหญ่ ก็น่าจะมีทางเลือกว่าจะซื้อคอมพิวเตอร์ซึ่งทำกิจกรรมนี้ได้ หรือไม่ต้องลงทุนมากซื้อกล่องผมไปต่อผ่านไอเอสพีและเช็กเว็บไซต์ ส่ง อีเมล

แชตได้" ราคาอุปกรณ์ครบชุดที่ประกอบ ด้วยเซ็ตท้อปบ็อกซ์ กล่องวิเศษหรือกล่องสารพัดนึกที่บริษัทกำลังหาคำง่ายๆให้คุ้นหูผู้บริโภค พร้อมคีย์บอร์ด ไร้สายและรีโมทควบคุม ทั้งชุดในราคา ไม่เกิน 1

หมื่นบาท โดยจุดเด่นของกล่องสารพัดนึกนี้คือเป็นซอฟต์แวร์ไลเซ็นต์จากประเทศอังกฤษ แต่เป็นภาษาไทย เบราเซอร์ในการท่องโลกไซเบอร์สเปซเป็นภาษาไทยซึ่งทำให้การ

ใช้งานง่ายเหมาะกับเป็นอุปกรณ์สนอง ตอบได้ทั้งความบันเทิง ไลฟ์สไตล์ เพื่อใช้ค้นหาข้อมูลเท่าที่เว็บไซต์ในปัจจุบัน มี"พฤติกรรมการใช้อินเทอร์เน็ตจะเปลี่ยนไป จากคุ้นเคยกับการนั่งหน้าจอคอม พิวเตอร์

ก็จะเปลี่ยนเป็นนั่งบนโซฟาที่ห้องนั่งเล่นในบ้าน หรือเอกเขนกบนเตียงนอนเมื่อเบื่อกับการ ดูทีวี ก็สามารถเช็กเว็บ หรือเช็กอีเมลได้ ถ้าแม่บ้านไม่คุ้นเคยกับการพิมพ์บนคีย์บอร์ด ก็มีรีโมตเหมือนปาล์มขึ้น

เป็นตัวแคร่แล้วกดเลือกตามต้องการ ใช้งานได้สะดวกมาก โดยไม่ต้องเป็นเซียนคอมพิวเตอร์" ศุภกรณบรรณสาร ชื่อบริษัทที่ดูไม่เหมาะสมกับการทำธุรกิจดิจิตอล

เตรียมเปิดตัวสินค้าดังกล่าวในปลายเดือนส.ค.ที่จะถึงนี้ ด้วยการมุ่งโฟกัสในการขายบอกซ์ใน 2 รุ่นคือรุ่นเบสิกสามารถเช็กเมล ท่องเว็บไซต์ กับรุ่นที่สูงขึ้นมาซึ่งสามารถดูทีวีไปพร้อมๆกับการเช็กเมล

เล่นอินเทอร์เน็ตได้ กลุ่มเป้าหมายที่น่าจะเป็นลูกค้า แบ่งได้เป็น1.พวกที่ใช้คอมพิวเตอร์ที่ทำงาน แต่ไม่มีความจำเป็นต้องซื้อคอมพิวเตอร์ไว้ที่บ้าน 2.กลุ่มที่ไม่คุ้นเคยกับเทคโนโลยี อาจรู้จักคอมพิว-

เตอร์บ้างแต่ยังไม่กล้าซื้อใช้และ 3. กลุ่มครอบครัวที่ลูกใช้คอมพิวเตอร์ที่โรงเรียน หรือแชตกับกลุ่มเพื่อนที่มีคอมพิวเตอร์ที่บ้าน แต่ยังไม่คิดจะซื้อ คอมพิวเตอร์ไว้ที่บ้าน เพราะยังไม่จำเป็นเพียงพอ

"บอกซ์นี้ไม่ได้แข่งกับคอมพิว-เตอร์ เพราะเราทำสเปรดชีทไม่ได้ ทำโฟโตช้อปไม่ได้ทำได้แค่ส่งอีเมล พร้อม ไฟล์ภาพหรือไฟล์ข้อความอักษรได้ เช็กเว็บ แต่ทำไม่ได้หลายๆอย่างที่คอมพิวเตอร์ทำได้

และไม่คิดจะทำ" เป้าหมายเชิงการตลาด คาดว่าจะขายปีละประมาณ 1

หมื่นเครื่องซึ่งอยู่ในจุดที่พออยู่ได้แล้วโดยตัวผลักดันที่จะแจ้งเกิดสินค้านี้ในตลาดคือคนขายที่ผ่านการฝึกอบรมจากบริษัทต้องเข้าไปคุยกับลูกค้า สาธิตการ ใช้งานจริง ต้องไม่ให้ลูกค้ารู้สึกกลัวเทคโนโลยี

ชี้ให้เห็นว่าการใช้งานง่ายกว่าการเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ด้วยซ้ำ ส่วนวิธีการขายอาจใช้การขายพ่วงหรือ บันเดิลเข้าไปกับไอเอสพีรายใหญ่ๆ ที่มีการรับประกัน คุณภาพในการเชื่อม ต่ออย่างล็อกซอินโฟร์

ไอเน็ต เคเอสซี ซี.เอส.อินเตอร์เน็ต "ผมคงขายผ่านตัวแทนขายตรง ต่างๆที่มีลูกค้าอยู่ในมืออย่างพวกประกัน หรือพวกมีร้านอยู่ในพื้นที่ซึ่งได้ รับความเชื่อถือจากคนรอบข้างอาจเป็น

ร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ หน้าที่ผม คือหาคนพวกนี้แล้วมาฝึกอบรมให้เข้า ใจสินค้า แต่การทำตลาดแบบโฆษณา เต็มหน้าหนังสือพิมพ์ผมคงไม่ทำ"

บอกซ์ที่เขาใช้เวลาหาพร้อมพัฒนาซอฟต์แวร์ภาษาไทยเป็นเวลากว่า 2 ปี ภายหลังจากที่อพยพตัวเองออกมาจากอีริเดียมของกลุ่มยูคอม และห่างหายไปจากวงการโทรคมนา-คม

เป็นความมั่นใจที่ว่าต้องการหาสิน ค้าคุณภาพดีราคาถูก มาเป็นทางเลือก ให้ประชาชนคนไทยได้มีโอกาสเข้าถึงข้อมูลได้ทั่วถึง ซึ่งด้วยเทคโนโลยีของ กล่องสามารถฟังเพลง MP3 ดูหนัง

ได้ทันทีเพียงแต่หากคู่สายโทรศัพท์เป็นบรอดแบนด์ กล่องนี้ยังมีช่องเสียบ แลน เพื่อการใช้งานสื่อสารในกลุ่มองค์ กรซึ่งทำให้สามารถเจาะตลาดองค์กรหรือรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่ได้ มีช่องต่อพริ้นเตอร์

โมเด็ม เอสวิดีโอ พร้อมไมโครโฟนเป็นอุปกรณ์ที่พร้อมรองรับ ทั้งสาระและความบังเทิงในบ้าน เป้าหมายของบริษัทเริ่มจากการ ขายกล่อง ให้กระจายไปถึงครัวเรือนให้ มากที่สุด

แต่ด้วยเทคโนโลยีที่มีอยู่แล้ว สามารถพัฒนาธุรกิจ ไปสู่รูปแบบ อีคอมเมิร์ซได้ด้วย ซึ่งจะเป็นการร่วมมือเชิงธุรกิจระหว่างผู้ผลิตรายการทีวี เจ้าของสินค้าที่ต้องการขาย

สปอนเซอร์ที่โฆษณาจะได้ผลมากกว่าแค่การ ตอกย้ำแบรนด์ แต่ขายของได้ด้วย และศุภกรณบรรณสารที่เป็นคนกลางเชื่อมโยงทุกสิ่งเข้าด้วยกัน "ผมออกจากอีริเดียมที่จัดเป็นตลาดเฉพาะมากๆ

ถึงแม้เทคโนโลยีดีแค่ไหน แต่การตลาดผิด ราคาผิด การคาดเดาดีมานด์ผิด หลังจากนั้นผม ก็มองธุรกิจอื่นที่เกี่ยวกับโทรคมนาคม ผมสนใจเรื่องข้อมูลคิดว่ามีโอกาส

ถ้ามีการจัดระบบให้ข้อมูลถึงมือผู้บริโภค มากที่สุด หาเงินได้ โดยหาเทคโนโลยี ง่ายที่สุด แต่มีคู่แข่งแน่นอนเราต้อง หา วิธีการให้ค่าของบริการที่ให้กับเงินที่เก็บจากลูกค้าคุ้มค่า"



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.