โฆษณา6เดือนขยายตัว12% สิ้นปีเม็ดเงินแตะ6หมื่นล้าน


ผู้จัดการรายวัน(27 มิถุนายน 2545)



กลับสู่หน้าหลัก

สมาคมโฆษณาฯ แจงอุตสาหกรรมโฆษณา ครึ่งปีแรกโตกระฉูด 10-12% รับอานิสงส์ มาตรการภาครัฐ ฟื้นธุรกิจอสังหาฯ เทศกาลบอลโลก คาดสิ้นปีอาจโตได้ 12-15% สร้างเม็ดเงิน 60,000 ล้านบาท

เผยเป็นตัวบ่งชี้ว่าเศรษฐ-กิจประเทศเริ่มฟื้นตัว ประชาชนมีความมั่นใจใช้จ่ายเงิน กลุ่มมือถือครองแชมป์ใช้เงินสูงสุด วอนรัฐช่วยเจรจาประเทศมาเลเซีย แก้กฎ

เหล็กผลิตโฆษณาในประเทศไทยรับผลกระทบเอเยนซี่ต่างประเทศเริ่มย้ายฐานการผลิตไปมาเลเซีย เพื่อลดต้นทุน ชี้หากรัฐไม่แก้ไข ไทย สูญเงินนับพันล้านบาทต่อปี นายปารเมศร์ รัชไชยบุญ

นายกสมาคมโฆษณาธุรกิจแห่งประเทศไทย และประธานบริษัทเทิร์น อราวนด์ จำกัด เปิดเผยว่า การใช้เม็ดเงินในอุตสาหกรรมโฆษณาในช่วง 5 เดือนแรก (ม.ค.-พ.ค.2545) มีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 11%

เป็นมูลค่าประมาณ 23,900 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากมูลค่า 21,600 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา อัตราการเติบ โตดังกล่าวถือว่าสูงกว่าประมาณการที่ตั้งไว้เมื่อต้นปีนี้

ที่คาดว่าอุตสาหกรรมโฆษณาโดยรวมของปีนี้น่าจะเติบโตประมาณ 8-10% ทั้งนี้การขยายตัวของอุตสาห-กรรมโฆษณาในไตรมาส 1 ที่เติบโต 8-10% ถือว่าเป็นไปตามประมาณการที่ตั้งไว้ แต่ในไตรมาส

2 ซึ่งปกติ เป็นช่วงที่การใช้เม็ดเงินโฆษณาจะลดลง และไตรมาส 3 จะลดลงมาก กว่า และจะกลับมาฟื้นตัวอีกครั้งในช่วงไตรมาส 4 แต่ปรากฏว่าในช่วงไตรมาส 2

ของปีนี้การใช้เม็ดเงินโฆษณายังมีอัตราการเติบโตเพิ่ม ขึ้นกว่า 10% ทำให้ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ภาพรวมอุตสาหกรรมโฆษณาเติบโตราว 10-12% ซึ่งถือ ว่าสูงมากเมื่อเทียบกับทุกปี

ปัจจัยที่ทำให้อุตสาหกรรมมีการขยายตัวสูง น่าจะมาจากประชา- ชน และผู้ประกอบท้องถิ่นในประ เทศไทย มีความเชื่อมั่นที่จะจับจ่าย ใช้สอยเงินมากขึ้น ถึงแม้ว่าภาพของ

การใช้จ่ายเงินจะยังไม่เห็นชัดเจนมากขึ้นในขณะนี้ก็ตาม นอกจากนี้การเติบโตของธุรกิจยังได้รับอานิสงส์จากมาตร-การภาครัฐ โดยเฉพาะมาตรการทาง คลัง ในรูปของการลดดอกเบี้ยเงินกู้ซื้อบ้าน

ทำให้ธุรกิจอสังหาริม- ทัพย์ฟื้นตัว การเติบโตของสินค้าเฉพาะฤดูกาล เช่น เสื้อผ้า รองเท้านักเรียน ในช่วงเปิดเทอม การแข่ง ขัน และกิจกรรมส่งเสริมการขายของธุรกิจมือถือ

และเทศกาลแข่งขันฟุตบอลโลก ที่มีผู้สนับสนุนอย่าง เป็นทางการ เช่น โค้ก ฟูจิ อาดิดาส ได้ออกมาจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายมากขึ้น

ทำให้คู่แข่งในแต่ละกลุ่มสินค้าต้องออกมาจัดกิจกรรมแข่งขันเพื่อรักษาฐานลูกค้าเช่นกัน อย่างไรก็ตาม หากในช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้ ที่ปกติธุรกิจโฆษณาจะชะลอตัวลงมากที่สุด

เมื่อเทียบกับการใช้เม็ดเงินทั้งปี แต่หากยังมีการอัตราการเติบโตได้ ก็จะส่งผลให้ภาพรวมของอุตสาหกรรมทั้งปีสามารถขยายตัวได้ในระดับ 12-15% หรือมีมูลค่าประมาณ 60,000 ล้านบาท

ซึ่งเป็นตัวเลขอัตราการเติบโตและมูลค่าเม็ดเงินสูงที่สุดในอุตหสากรรมโฆษณาประเทศไทย และถือว่าสูงกว่าในช่วงที่ประเทศไทยเกิดวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 ทั้งนี้

ปัจจัยลบที่อาจส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมโฆษณาในช่วงไตรมาส 3 คือ การที่ลูกค้านำเม็ดเงินโฆษณาที่เตรียมไว้มาใช้ล่วงหน้าในไตรมาส 2 ซึ่งเป็นช่วงการแข่งขันฟุตบอล โลกก่อนล่วงหน้า

และอาจจะไม่ใช้เงินโฆษณาอีกในไตรมาส 3 ก็จะทำให้ อัตราการเติบโตลด ลงมากกว่าปกติ แต่ก็ยังเชื่อว่าในปีนี้ มีสัญญาณ การขยายตัวที่ดีของอุตสาหกรรม โดยอาจจะดูได้จากอัตราการเติบโตของ

จีดีพี ประเทศ ที่คาดว่าจะขยายตัวประมาณ 4% ก็คาดการณ์ได้ว่าอุตสาหกรรมโฆษณาน่าจะขยาย ตัวได้มากกว่า เพราะที่ผ่านมาอุตสาหกรรมโฆษณาจะเป็นดัชนีบ่งชี้อัตราการเติบโตของภาพ

รวมเศรษฐกิจได้ตัวหนึ่ง คือหากเศรษฐกิจตก โฆษณาก็จะตกต่ำมากกว่า เพราะเป็นงบประ- มาณตัวแรกที่เจ้าของสินค้าจะตัดทิ้ง เพื่อลดค่าใช้จ่าย

ในทางกลับกันก็จะเป็นงบประมาณที่จะใช้เพิ่มขึ้นเป็นตัวแรก หากเศรษฐกิจมีแนวโน้มขยาย ตัวดีขึ้น สำหรับในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ธุรกิจ ที่ใช้เม็ดเงินโฆษณาสูงสุดได้แก่ 1. มือถือ เพิ่มขึ้น 100% จำนวน

1,283 ล้านบาท 2.หน่วยงานราช-การ เพิ่มขึ้น 46%จำนวน 659 ล้านบาท 3.เบียร์ ลดลง 9% จำนวน 601 ล้านบาท ส่วนแบรนด์สินค้าที่มีการใช้เม็ดเงินโฆษณา สูงสุด คือ 1. ทีเอ ออเร้จน์ 375 ล้านบาท 2.

จีเอสเอ็ม 315 ล้านบาท 3. ดีแทค 253 ล้านบาท ส่วนบริษัทที่มีการใช้เงินโฆษณาสูงสุดคือ 1. ยูนิลีเวอร์ 782 ล้านบาท ลดลง 39% 2.เอไอเอส 690 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% 3.พีแอนด์จี 449 ล้านบาท เพิ่มขึ้น

20% ทีบีดับบลิวเอชี้ลูกค้าไทยใช้เงินเพิ่ม นายชัยประนิน วิสุทธิผล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทีบีดับบลิวเอ ไทยแลนด์ จำกัด เปิดเผย ว่าในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ บริษัทมีอัตราการ ขยายตัวเพิ่มขึ้นถึง

20% การเพิ่มขึ้นดังกล่าวมาจากลูกค้าเก่า และลูกค้าใหม่ที่ได้เพิ่มขึ้นในปีนี้ โดยเฉพาะลูกค้าท้องถิ่น มีการใช้เงินโฆษณาเพิ่ม ขึ้นอย่างมาก จากการขยายธุรกิจ การออกสินค้า และบริการใหม่

ขณะที่ลูกค้าต่างประเทศกลับมีการใช้เงินคงที่ เนื่องด้วยยังไม่มั่นใจในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศไทย ทั้งนี้สิ่งที่น่าจับตามองในอุตสาหกรรมโฆษณาขณะนี้ คือการขยายตัวของกิจกรรม Below the

line เพราะหลังจากเกิดวิกฤตเศรษฐกิจประเทศไทย และเหตุการณ์ก่อวินาศกรรมประเทศสหรัฐอเมริกา ลูกค้าได้เปลี่ยนพฤติกรรม การใช้สื่อใหม่ ด้วยการหันมาจัดกิจกรรมการตลาด

และกิจกรรมส่งเสริมการขายมากขึ้น เพราะต้องการเหตุผลด้านยอดขาย ณ จุดขายที่จัดกิจกรรมทันที คาดว่ากิจกรรมประเภทดังกล่าวมีการขยายตัวไม่ต่ำกว่า 40-50%

ซึ่งไม่ได้นับรวมมูลค่าอยู่ในการใช้เม็ดเงินอุตสาหกรรมโฆษณาผ่านสื่อ วอนรัฐกดดันมาเลเซียแก้กฎผลิตโฆษณา นายปารเมศร์ กล่าวต่อว่า

ปัญหาสำคัญที่กำลังส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมโฆษณาในประเทศไทยขณะนี้ คือการที่ประเทศมาเลเซียได้ออกกฎระเบียบให้ภาพยนตร์โฆษณา ที่จะฉาย ในทีวีมาเลเซียจะต้องถ่ายทำในมาเลเซีย

และใช้คนมาเลเซียแสดงเท่านั้น ซึ่งระเบียบดังกล่าวถือ เป็นการกีดกันทางการค้าตามนโยบายเขตการค้าเสรีอาเซียน (อาฟต้า) ซึ่งทำให้ประเทศไทยเสีย ประโยชน์อย่างมาก

เนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศที่มีศักยภาพมากที่สุดในภูมิภาคนี้ ที่เอเยนซี่โฆษณาจากต่างประเทศ จะใช้เป็นฐานการ ผลิตภาพยนตร์โฆษณา เพราะมีจุดเด่นด้านสถาน ที่ถ่ายทำ

และค่าจ้างแรงงานถูก แต่การที่มาเลเซียออกกฎระเบียบดังกล่าว และมีความเข้มข้นเรื่อยๆ ในช่วง 7-8 ปีที่ผ่านมา ขณะนี้ได้ส่งผลให้เอเยนซี่จากต่างประเทศ

เริ่มย้ายการผลิตภาพยนตร์โฆษณาไปที่มาเลเซีย มากขึ้น เพราะต้องการประหยัดต้นทุนการใช้ จ่าย เนื่องจากสามารถใช้เผยแพร่ในประเทศอื่นๆได้ ขณะที่หากผลิตภาพยนตร์โฆษณาในประเทศอื่นๆ

ไม่สามารถนำไปฉายในมาเลเซียได้ ทาง สมาคมได้ทำหนังสือไปถึง นายสิทธิชัย ชัยยันต์ ผู้อำนวยการสำนักกิจการ กรมประชาสัมพันธ์ ฝ่ายภาพยนตร์ และผู้ช่วยเลขานุการคณะกรรม

การส่งเสริมภาพยนตร์ไทย ให้ทำจดหมายและเอกสารเรื่อง MIM (Made In Malaysia) ไปยังกระทรวงต่างประเทศแล้ว เพื่อให้มีการพูดคุยกันในระดับรัฐมนตรีของประเทศ

เพื่อให้มาเลเซียแก้ไขกฎระเบียบดังกล่าว ไม่เช่นนั้นในอนาคตประเทศไทยจะสูญเสียเม็ดเงินจากการเข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์โฆษณา และภาพยนตร์ทั่วไปปีละกว่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งไม่รวมถึงการ

เข้ามาใช้บุคลากร แรงงานในประเทศไทยที่จะมีเงิน หมุนเวียนในระดับ 10,000 ล้านบาทต่อปี



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.