คนอะไรก็ไม่รู้ บุญหล่นทับ 152 ล้านบาท ! แล้วใครจะรับผิดชอบ !!!


นิตยสารผู้จัดการ( พฤษภาคม 2528)



กลับสู่หน้าหลัก

วีระ เกียรติแสงศิลป์ กู้เงินธนาคารนครหลวง สาขาตรัง เป็นเงิน 152 ล้านบาท โดยมีมนัส ธรรมมารักษ์ ซึ่งเป็นตัวแทนธนาคารสาขาตรังเป็นผู้รับรอง

หนี้ 152 ล้านบาทนี้ยังไม่รวมดอกเบี้ยและหนี้ก้อนนี้ก็เกิดขึ้นสมัยวิศิษฐ์ ศรีสมบูรณ์ เป็นกรรมการผู้จัดการธนาคารนครหลวง

เมื่อกลุ่มมหาดำรงค์กุลเข้ามาบริหารก็มีการทำสัญญายอมความ โดยฝ่ายวีระ และมนัส (ซึ่งคนหลังเคยเป็นเจ้าของโรงแรมแมนฮัตตันในสุขุมวิท ซอย 15) ยอมรับสภาพหนี้และชดใช้ให้

และในสัญญายอมความตอนท้ายก็มีข้อความเขียนไว้ชัดเจนว่า “...ทั้งสองฝ่ายตกลงกันให้เสนอคดีต่อศาลที่มีเขตอำนาจในจังหวัดพระนครเท่านั้น”

อยู่มาวันหนึ่งทั้งวีระและมนัสก็เกิดเบื่อหน่ายไม่อยากใช้หนี้ก้อนนี้

ธนาคารนครหลวงไทยก็เลยต้องฟ้อง

และก็ยื่นฟ้องวันที่ 30 มิถุนายน 2526 เพียง 1 วันก่อนคดีนี้หมดอายุความ คือวันที่ 1 กรกฎาคม 2526!

ศาลชั้นต้นและอุทธรณ์ยกฟ้อง !!

เพราะธนาคารนครหลวงไทยดันไปฟ้องคดีนี้ต่อศาลจังหวัดตรัง ซึ่งไม่มีอำนาจพิจารณาพิพากษา ดังคำพิพากษาต่อไปนี้

“...โจทก์กับจำเลยทั้งสองได้ตกลงเป็นหนังสือว่าหากมีข้อพิพาทเกิดขึ้นเกี่ยวกับข้อตกลงตามบันทึกนี้... ทั้งสองฝ่ายตกลงกันให้เสนอคดีต่อศาลที่มีเขตอำนาจในจังหวัดพระนคร...ข้อตกลงเช่นนี้เป็นอันผูกพันกันได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 7(4)...คดีนี้จำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทเกินอำนาจที่ศาลแขวงพระนครเหนือและศาลแขวงพระนครใต้จะพิจารณาพิพากษา ศาลในกรุงเทพมหานครที่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาข้อพิพาทตามข้อตกลงดังกล่าวได้คือศาลแพ่ง... โจทก์ก็ต้องผูกพันตามข้อตกลงและต้องผูกพันให้นำคดีเสนอต่อศาลแพ่งเท่านั้น... ฉะนั้นศาลแพ่งเท่านั้นที่มีอำนาจพิจารณาข้อพิพาทดังกล่าวตามที่โจทก์และจำเลยทั้งสองตกลงกัน ศาลจังหวัดตรังไม่มีอำนาจพิจารณาพิพากษา ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ชอบแล้ว ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น...”

และคนที่สั่งให้ฟ้องศาลจังหวัดตรังคือดิลกและภูริช มหาดำรงค์กุล ซึ่งเป็นคนเซ็นใบมอบอำนาจ !!

คนมีบุญที่สุดในรอบทศวรรษนี้ก็คงจะหนีคนชื่อ วีระ เกียรติแสงศิลป์ และมนัส ธรรมมารักษ์ ไปไม่ได้เพราะเป็นหนี้ 152 ล้าน ยังไม่บวกดอกเบี้ยและไม่ต้องชดใช้แม้แต่บาทเดียว!!!

คำถามต่อมาที่น่าจะต้องหาคำตอบว่า

- เงิน 152 ล้านบาท เป็นเงินฝากของประชาชนที่ต้องสูญไป เพราะการตัดสินใจของดิลกและภูริช มหาดำรงค์กุล นี้ ใครจะเป็นคนรับผิดชอบ?

- ในกรณีเช่นนี้ ธนาคารชาติมีความเห็นว่าอย่างไร?

- ผู้ถือหุ้นธนาคารย่อมสูญเสียผลประโยชน์จากการบริหารงานแบบไม่เป็นงานและไม่รอบคอบเช่นนี้จะเรียกร้องความยุติธรรมกับใครได้?

คำถามเหล่านี้ใครจะเป็นคนตอบ

ไม่ทราบว่าดิลกและภูริชจะยอมขายนาฬิกาไซโก้และซิติเซ็นของตัวเองเอาเงิน 152 ล้าน มาคืนประชาชนได้หรือไม่?


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.