|
ปรับราคาดีเซล50สต. ยกเว้นปตท.ขออุ้มต่อ
ผู้จัดการรายวัน(8 มิถุนายน 2548)
กลับสู่หน้าหลัก
ผู้ค้าน้ำมันรายใหญ่ "เชลล์-เอสโซ่-บางจาก-คาลเท็กซ์" กอดคอกันปรับดีเซลลิตรละ 50 สตางค์มีผลวันนี้ ทำให้ดีเซลปรับขึ้นเป็น 18.69 บาทต่อลิตรทันที หลังค่าการตลาดติดลบ 1 บาทต่อลิตร ขณะที่ปตท. ยังอั้นไม่ยอมขึ้นเพื่อดูแลผู้บริโภคโดยขอดูอีก 1-2 วัน จึงจะตัดสินใจ จับตาคนแห่เติม ประมงรายย่อยโอดน้ำมันแนวโน้มปรับขึ้นแต่ราคาปลากลับขึ้นไม่ได้ ด้านสินค้าระวังยี่ปั๊ว-ซาปั๊ว สมาคมผู้ประกอบการรถบรรทุกสินค้าภาคอีสานออกแถลงการณ์ขอลดภาษี
วานนี้ (7 มิ.ย.) ผู้ค้าน้ำมันได้แก่ บมจ. บางจาก เชลล์ เอสโซ่ ได้แจ้งปรับราคาจำหน่ายขายปลีกน้ำมันดีเซล 50 สตางค์ต่อลิตร มีผลตั้งแต่วันที่ 8 มิ.ย.เป็นต้นไป ต่อสำนักนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เนื่องจากค่าการตลาดติดลบ ขณะที่คาลเท็กซ์ได้แจ้งขอปรับราคา 80 สตางค์ต่อลิตร แต่ต่อมาได้เปลี่ยนเป็นปรับขึ้นเพียง 50 สต.ต่อลิตร ส่วนปตท.ไม่มีการแจ้งเปลี่ยนแปลงราคาขายปลีกแต่อย่างใด ส่งผลให้ราคาขายปลีกของดีเซลที่จะมีการปรับขึ้น 50 สต.ต่อลิตรของผู้ที่แจ้งปรับราคาจาก 18.19 บาทต่อลิตรเป็น 18.69 บาทต่อลิตร
นายอภิสิทธิ์ รุจิเกียรติกำจร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่กลุ่มธุรกิจน้ำมันและการค้าระหว่างประเทศ บมจ.ปตท.กล่าวว่า ปตท.ไม่ตัดสินใจประกาศขึ้นราคาขายปลีกดีเซล โดยจะขอพิจารณาราคาตลาดสิงคโปร์อีก 1-2 วันก่อน แม้ว่าค่าการตลาดจะติดลบก็ตามแต่ปตท.จะพยายามลดผลกระทบให้กับประชาชน ส่วนน้ำมันม่วงที่ระบุว่าปตท.จ่ายไม่เพียงพอเมื่อ 2-3 วันก่อน เพราะปริมาณต้องการเข้ามามากทำให้การขนส่งน้ำมันไปยังคลังไม่ทันแต่ล่าสุดได้แก้ไขปัญหาแล้ว
แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า นายวิเศษ จูภิบาล รมว.พลังงานได้ขอร้องให้บมจ.ปตท.ช่วยดูแลราคาขายปลีกดีเซลระยะหนึ่ง แต่ไม่ได้เป็นการบังคับ ซึ่งคาดว่าปตท.คงจะช่วยอั้นราคาดีเซลประมาณ 3 วัน หากราคาน้ำมันดีเซลยังคงมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นอีกจนค่าการตลาดติดลบมากกว่า 1 บาทต่อลิตร ก็จะตัดสินใจปรับราคาจำหน่ายอย่างเร็ววันนี้ (8 มิ.ย) เพราะคงจะยอมแบกภาระขาดทุนไม่ได้มากนัก ประกอบกับเมื่อรายอื่นปรับราคาก็จะทำให้ลูกค้าหันมาเติมดีเซลที่ปั๊มปตท.จำนวนมากซึ่งเป็นการบีบทางอ้อม
แหล่งข่าวจากบมจ.บางจากกล่าวว่า ขณะนี้ค่าการตลาดน้ำมันดีเซลของผู้ค้าน้ำมันติดลบ 1 บาทต่อลิตร ทำให้ผู้ค้าประสบกับภาวะขาดทุนหากไม่มีการปรับราคาขึ้น ซึ่งความจริงแล้วควรจะปรับพร้อมกับเบนซินและมีผลวานนี้ แต่ปตท.ได้อั้นราคาเอาไว้ และแม้จะปรับขึ้นครั้งนี้แต่ก็ยังขาดทุนประมาณ 50 สต.ต่อลิตร ซึ่งสัปดาห์นี้จะไม่มีการปรับขึ้นต่อโดยจะไปดูสัปดาห์หน้า
สาเหตุหลักที่ทำให้ค่าการตลาดตกต่ำเนื่องจากราคาดีเซลได้มีการปรับราคาต่อเนื่องมาตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา และล่าสุดดีเซลปิดตลาดสิงคโปร์วันที่ 6 มิ.ย. ขยับขึ้นมาถึง 1.65 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล โดยดีเซลที่ขยับสูงขึ้นมาจากสำรองน้ำมันดีเซลของสหรัฐฯ ได้ลดลงเนื่องจากโรงกลั่นของสหรัฐฯหันไปกลั่นเบนซินมากขึ้นเพื่อตอบสนองตลาดในช่วงฤดูท่องเที่ยว ประกอบกับมีแรงซื้อจากเวียดนามเข้ามาเพิ่ม
สำหรับราคาน้ำมันตลาดโลกปิดตลาดเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2548 เทียบกับปิดตลาดวันที่ 3 มิ.ย. ราคาน้ำมันดิบดูไบ ปรับขึ้น 0.88 เหรียญต่อบาร์เรลมาอยู่ที่ 51.10 เหรียญต่อบาร์เรล โอมาน ปรับขึ้น 0.92 เหรียญต่อบาร์เรลมาอยู่ที่ 49.98 เหรียญต่อบาร์เรล เบรนท์ เพิ่มขึ้น 0.05 เหรียญต่อบาร์เรลมาอยู่ที่ 52.30 เหรียญต่อบาร์เรล น้ำมันสำเร็จรูปตลาดสิงคโปร์ เบนซินออกเทน 95 ปรับขึ้น 1 เหรียญต่อบาร์เรลปิดที่ 58.03 เหรียญต่อบาร์เรล ดีเซลปรับขึ้น 1.65 เหรียญต่อบาร์เรลปิดที่ 65.62 เหรียญต่อบาร์เรล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แม้ว่ารัฐจะประกาศลอยตัวดีเซลเมื่อ 1 มิ.ย. แต่ยังคงมีเพดานการชดเชยที่ลิตรละ 1.76 บาทต่อลิตร (รวม VAT 7% เท่ากับ 1.88 บาท/ลิตร) ส่งผลให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงต้องชดเชยราคาน้ำมันรวมทั้งสิ้นตั้งแต่ 10 ม.ค.-7 มิ.ย.รวม 89,032.90 ล้านบาท โดยเป็นการชดเชยดีเซล 82,057.82 ล้านบาท ที่เหลือเป็นภาระการชดเชยเบนซิน
ประมงโอดราคาปลาไม่ขยับ
นายสุรินทร์ ภู่กิตติกุล นายกสมาคมประมงขนอมกล่าวว่า ขณะนี้ปตท.ได้กลับมาจ่ายน้ำมันม่วงให้กับกลุ่มประมงผ่านองค์การสะพานปลาตามปกติแล้วหลังจากที่ก่อนหน้า 2-3 วัน มีปัญหาไม่สามารถจ่ายให้ได้เพียงพอกับความต้องการเพราะการขนส่งไม่ทัน อย่างไรก็ตาม ดีเซลที่จะปรับขึ้นอีกตามราคาตลาดโลกก็จะมีผลให้ราคาน้ำมันม่วงและน้ำมันเขียวปรับราคาตามแม้ว่ารัฐบาลจะเข้ามาช่วยเหลือราคาน้ำมันดังกล่าวให้ต่ำกว่าขายปลีกบนบกประมาณ 1- 2 บาทก็ตาม ซึ่งจะมีผลกระทบต่อการทำประมงชายฝั่งค่อนข้างมากเพราะปัจจุบันราคาปลากลับไม่สามารถปรับเพิ่มขึ้น
"ดีเซลปรับขึ้นอีกสัก 2 ครั้ง ประมงรายย่อยก็คงไม่ไหวแล้ว เพราะปัญหาราคาปลาไม่ขึ้นเลย แถมปลาบางประเภทกลับมีราคาต่ำลงด้วยซ้ำ" นายสุรินทร์กล่าว
สินค้าขึ้นต้องดูยี่ปั๊ว-ซาปั๊ว
นายเกียรติพงศ์ น้อยใจบุญ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) กล่าวว่า ดีเซลที่ปรับขึ้นจะกระทบกับภาคขนส่งเป็นหลักและจะสะท้อนมายังภาคการผลิต ดังนั้นผลกระทบต่อราคาสินค้าหน้าโรงงานคงไม่เปลี่ยนแปลงมากเมื่อราคาดีเซลปรับขึ้น แต่สิ่งที่กระทบคือค้าปลีกในระดับยี่ปั๊ว ซาปั๊ว ที่จะมีต้นทุนขนส่งที่มีผลโดยตรงแต่จะบวกเกินจริงมากน้อยเพียงใดทางกระทรวงพาณิชย์ควรต้องติดตาม
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าราคาน้ำมันจะมีการปรับตัวสูงขึ้นแต่ก็ได้รับผลกระทบกันทั่วโลก ดังนั้นเป้าหมายการส่งออกในส่วนของภาคอุตสาหกรรมปี 2548 คาดว่าจะยังคงเติบโต 15% เนื่องจากในช่วง 4 เดือน การส่งออกได้ขยายตัว 14% จึงไม่น่าจะมีปัญหาแต่กรณีที่จะให้เติบโต 20% ในปีนี้ตามนโยบายของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีเองก็คงจะต้องเข้ามาส่งเสริมในหลายๆ เรื่อง โดยเฉพาะการดูแลค่าเงินบาทไม่ให้ผันผวนเพราะระดับปัจจุบัน 40-41 บาทต่อเหรียญ ภาคส่งออกค่อนข้างพอใจ การดูแลในเรื่องความสะดวกเกี่ยวกับการติดต่อในระบบราชการ ฯลฯ
รถบรรทุกขอความชัดเจน-ลดภาษี
กรรมการบริหารสมาคมผู้ประกอบการรถบรรทุกสินค้าภาคอีสาน สมาคมขนส่งทางบก และสมาคมผู้ประกอบการรถโดยสารประจำทาง ประชุมที่ร้านอาหารบัวชุม อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และออกแถลงการณ์วานนี้ เสนอมาตรการและข้อเรียกร้อง 1.ขอทราบนโยบายของรัฐบาลในการปรับราคาน้ำมันดีเซล โดยขอให้มีการปรับราคาเป็นครั้งเดียว เพราะผู้ประกอบการจะจัดคำนวณต้นทุนและวางแผนจัดทำสัญญาว่าจ้างการขนส่งที่แน่นอน เพื่อให้ประโยชน์ต่อผู้จ้างและผู้รับจ้าง อันจะส่งผลดีต่อสังคมและผู้บริโภคโดยรวม
2.ขอให้ทบทวนพิจารณาหรือปรับโครงสร้างภาษีน้ำมันใหม่ โดยขอปรับลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลภาคการขนส่ง ส่วนภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีเทศบาลและภาษีอื่นๆ ให้เป็นไปตามโครงสร้างภาษีเดิม และ 3.ขอทราบนโยบายรัฐบาลและมาตรการช่วยเหลือภาคการขนส่ง โดยขอให้พิจารณาปรับลดอัตราภาษี หัก ณ ที่จ่าย จากร้อยละ 1 เหลือร้อยละ 0.5 และขอปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลปลายปี ร้อยละ 30 เหลือ ร้อยละ 15 รวมทั้ง ขอให้รัฐบาลกำหนดราคากลางของการขนส่งให้สอดคล้องกับราคาน้ำมันเป็นตารางมาตรฐานตามความเป็นจริง เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมระหว่างผู้ว่าจ้างและผู้รับจ้าง
นอกจากนี้ ขอให้รัฐบาลพิจารณาช่วยเหลือในการแปลงสินทรัพย์เป็นทุน โดยใช้คู่มือทะเบียนรถค้ำประกันเงินกู้ในอัตราดอกเบี้ยต่ำ โดยกรมการขนส่งทางบกเป็นนายทะเบียนนิติกรรมสัญญา และขอให้รัฐบาลพิจารณากฎหมายน้ำหนักรถบรรทุกให้ประกาศใช้เป็นกฎหมายโดยเร็ว อีกทั้งให้รัฐบาลส่งเสริมสนับสนุนการใช้พลังงานทดแทนน้ำมันอย่างจริง เพื่อเป็นการลดต้นทุนและสงวนเงินตราของประเทศ
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการรถบรรทุกสินค้าภาคอีสาน และรถโดยสารที่ใช้น้ำมันดีเซลในการขนส่ง จะมีการประชุมหาทางออกอีกครั้งเกี่ยวกับภาวะน้ำมันดีเซลลอยตัวในวันที่ 9 มิถุนายนนี้ ที่รร.รัตนโกสินทร์ กรุงเทพฯ
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|