ทีมผู้บริหารโรบินสันเดิมรวมพลคืนวงการค้าปลีก นำทีมโดย "มานิต อุดมคุณธรรม"
ผู้สร้างชื่อโรบินสันคนแรก จัดตั้งโฮลดิ้งในนาม "ยูเอสไอ" ประกาศแผนเปิดตัว
3 ธุรกิจค้าปลีก ร้านจำหน่ายเสื้อผ้า
และรอง เท้ากีฬาแฟชั่น "แอคทีฟ เนชั่น" ร้านจำหน่ายเสื้อผ้าแฟชั่นวัยรุ่น
"FQ&L" และร้านจำหน่ายอุปกรณ์ ตบแต่งบ้าน "โฮม คอมปานี"
มุ่งมั่นเป็นที่ 1 ทุกเซกเมนต์ พร้อมเล็ง
ขยายค้าปลีกรูปแบบอื่นอีกในอนาคต นายกมลพันธ์ ศิริพรรณพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายปฏิบัติการ
บริษัทยูเอสไอ โฮลดิ้ง จำกัด เปิดเผยว่า
บริษัทจัดตั้งขึ้นโดยทีมงานผู้บริหารเดิมของบริษัทห้างสรรพสินค้าโรบินสัน
จำกัด (มหาชน) นำโดยนายมานิต อุดมคุณธรรม ที่ดำรงตำแหน่งประธานในยูเอสไอ
สำหรับแผนการดำเนินงานของยูเอสไอในปีนี้ได้จัดตั้งบริษัทลูกขึ้นมาดำเนินธุรกิจค้าปลีก
แล้ว 3 บริษัท คือ 1.บริษัทแอคทีฟ เนชั่น จำกัด ทุนจดทะเบียน 50 ล้านบาท
เพื่อเปิดร้าน"แอคทีฟ เนชั่น"
จำหน่ายเสื้อผ้า และรองเท้ากีฬา 2.บริษัทแฟชั่น พีเพิล จำกัด ทุนจดทะเบียน
50 ล้านบาท เปิดร้าน "FQ&L" จำหน่ายเสื้อผ้าวัยรุ่น และบริษัทเดอะโฮม
คอมปานี จำกัด ทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท
บริหารร้าน "โฮม คอมปานี" จำหน่ายสินค้า ตบแต่งบ้าน ในปีนี้ ยูเอสไอ
ได้เปิดร้าน แอคทีฟ เนชั่น และร้าน FQ&L ไปแล้ว ส่วนร้านโฮม คอมปานี
กำลังอยู่ระหว่างการศึกษาตลาด
โดยเห็นว่าตลาดอุปกรณ์ตบแต่งบ้านมีแนวโน้มการขยายตัวสูง จากการฟื้นตัวของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้
รวมทั้งการประสบความสำเร็จด้านยอดขายของร้านโฮมโปร ที่ขยายสาขาใหม่ในปีนี้
สำหรับรูปแบบร้านโฮม คอม-ปานี ที่บริษัทได้วางรูปแบบไว้ จะเป็นร้านขนาดเล็กกว่าผู้ประกอบคู่แข่งที่มีอยู่ในตลาด
โดยจะเน้นการเปิดสาขาในศูนย์การค้า และรูปแบบสแตนด์อะโลนในพื้นที่ที่มีศักยภาพ
คาดว่าจะเปิดร้านสาขาแรกได้ในช่วงกลางปี 2546 ทั้งนี้นโยบายการดำเนินงานของยูเอสไอ
ในช่วง 3 ปีต่อจากนี้ จะขยายธุรกิจค้าปลีกใน 3 รูปแบบ ดังกล่าวเป็นหลัก
เนื่องจากเป็นธุรกิจที่ยังมีโอกาสและแนวโน้มการ ขยายตัวได้ในอนาคต โดยต้องการ
สร้างชื่อแบรนด์ และสินค้าทั้ง 3 กลุ่ม ให้เป็นที่รู้จักในกลุ่มผู้บริโภค
และต้องการเป็นผู้นำตลาดในทุกเซกเม้นท์ค้าปลีกที่เข้าไปดำเนินธุรกิจ โดยหลังจากนี้จะเริ่มศึกษาการขยายธุรกิจค้าปลีกรูปแบบอื่นๆ
เพิ่มเติม ซึ่งได้วางแนวทางที่จะศึกษารูปแบบค้าปลีกไว้หลายธุรกิจ
โดยเฉพาะค้าปลีกรูปแบบสเป-เชียลตี้ สโตร์ "แอคทีฟ เนชั่น"ร้านกีฬาแฟชั่น
นายรุ่งโรจน์ คงศิริธุวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทแอคทีฟ เนชั่น จำกัด เปิดเผยว่าร้าน
"แอค-ทีฟ เนชั่น" เป็นร้านค้าปลีกประเภท
สเปเชียลตี้ สโตร์ จำหน่ายเสื้อผ้าและรองเท้ากีฬาเท่านั้น โดยจะไม่ขายอุปกรณ์กีฬา
ซึ่งจะชูจุดเด่นที่เป็นร้านสปอร์ต แฟชั่น มีสินค้าแบรนด์เนมกีฬาทั้งใน และต่างประ
เทศจำนวน 18 แบรนด์ อาทิ อาดิ-
ดาส, ไนกี้, รีบ็อค สินค้ากีฬาของแพน กรุ๊ป เป็นต้น ทั้งนี้คอลเลกชั่นใหม่ของสินค้าแบรนด์เนมที่เปิดตัวล่าสุด
จะมีวางจำหน่ายที่แอคทีฟ เนชั่นเร็วกว่าร้านจำหน่ายอื่นๆ และจะมีสินค้าแฟชั่นเสื้อผ้า
และรองเท้า จำหน่ายในปริมาณที่มากกว่าร้านคู่แข่ง 50% เพราะเน้นเฉพาะสินค้า
2 กลุ่มนี้เท่านั้น โดยมีรองเท้าวางจำหน่ายกว่า 1,000 รุ่น และเสื้อผ้า กว่า
3,000 แบบ ซึ่งจะแตกต่างจาก
ร้านจำหน่ายเสื้อผ้า และอุปกรณ์กีฬาในขณะนี้ที่เป็นรูปแบบร้านประเภท แคธิกอรี่
คิลเลอร์ สินค้าจะเป็นรูปแบบทั่วไป ไม่ใช่สินค้าแฟชั่นเหมือนของแอคทีฟ เนชั่น
"การที่บริษัทให้ความสนใจเข้ามาดำเนินธุรกิจร้านจำหน่ายเสื้อ ผ้า และรองเท้ากีฬา
เพราะเห็นว่าตลาดดังกล่าวมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง จากการที่บุคคลทั่วไปหันมาสนใจเล่นกีฬามากขึ้น
ขณะที่ลูก
ค้าที่เป็นกลุ่มนักกีฬาต้องการใส่เสื้อผ้า และรองเท้าที่ อิงกับแฟชั่นสมัยใหม่
ที่มีสไตล์มากขึ้น จากเดิม ที่จะใส่เสื้อผ้า และรองเท้ากีฬาทั่วไป ซึ่งตลาดกีฬาถือเป็นตลาดที่มีการเคลื่อนไหว
และมีเรื่องราว
จากการ ที่มีพรีเซ็นเตอร์ในกีฬาประเภทต่าง เป็นจำนวนมาก เป็นส่วนกระตุ้นให้ประชาชนทั่วไปหันมาสนใจกีฬา
และต้องการเล่นกีฬามากขึ้น" นายรุ่งโรจน์กล่าว นอกจากนี้
พบว่าในช่วงต้นปีที่ผ่านมามีผู้ประกอบการรายใหม่ในตลาดเข้ามาขยายร้านจำหน่ายเสื้อผ้า
รองเท้า และอุปกรณ์กีฬามากขึ้น เช่น ร้าน"สปอร์ต แพลนเน็ต"ซึ่งเป็นผู้ประกอบการจากประเทศอินโดนีเซีย
ที่ได้เปิดสาขาแรกที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล บางนาไปแล้ว ซึ่งเป็นกลุ่มที่น่าจับตามองมากที่สุดกลุ่มหนึ่ง
เพราะน่าจะเข้า มาสร้างสีสันความแตกต่างให้กับตลาดได้ และที่กำลังจะเปิดดำเนินการในเร็วๆนี้
อีก
1 รายคือ ร้าน "สปอร์ต สเตเดียม" ร้านจำหน่ายเสื้อผ้า รอง เท้า
อุปกรณ์กีฬาของ "พีน่า เฮ้าส์ กรุ๊ป" การเข้ามาขยายธุรกิจร้านจำหน่ายเสื้อผ้า
รองเท้ากีฬา ของผู้ประกอบการ เป็นการช่วยขยาย
ตลาดให้มีขนาดใหญ่ขึ้น และเป็นการกระตุ้นในลูกค้าหันมาสนใจเล่นกีฬามากขึ้น
แต่ก็จะทำให้ตลาดมีการแข่งขันรุนแรงตามไปด้วย ปัจจุบันตลาดเสื้อผ้า รองเท้า
และอุปกรณ์กีฬามีมูลค่าประมาณ
4,000-5,000 ล้านบาท มีการขยายตัว อย่างต่อเนื่องปีละ 15% นายรุ่งโรจน์กล่าวต่อว่า
บริษัทได้เปิดร้านแอคทีฟ เนชั่น สาขาแรกที่เวิลด์เทรด เซ็นเตอร์ พื้นที่
460 ตารางเมตร ถือเป็นร้านแฟรกชิฟสโตร์
โดยในเดือน ก.ค.นี้ บริษัทมีแผนที่จะเปิดสาขาใหม่อีก 2 แห่งในรูปแบบสแตนด์อะโลน
ที่สีลม ปากซอยธนิยะ พื้นที่ 460 ตารางเมตร และสยาม สแควร์ ซอย 2 พื้นที่
300 ตารางเมตร
ทั้งนี้การขยายสาขาของร้านแอคทีฟ เนชั่น เน้นที่ปัจจัยทำเลที่ตั้ง และที่มีกลุ่มลูกค้าอาศัยอยู่เป็นหลัก
FQ&L ตั้งเป้า 3 ปีเปิด 120 สาขา นายพีระพล อารยะลักษณ์ กรรมการผู้จัดการ
บริษัทแฟชั่น พีเพิล
จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทจะรับผิดชอบการเปิดร้าน FQ&L ซึ่งเป็นร้านจำหน่ายเสื้อผ้าแฟชั่นวัยรุ่น
ราคาประหยัด โดยได้เริ่มเปิดสาขาแรกที่ศูนย์การค้าเดอะมอลล์ บางกะปิ ในเดือน
ก.พ.ที่ผ่านมา
ขณะนี้มีสาขาทั้งหมด 12 แห่ง ในเดอะมอลล์ และเซ็นทรัล และในสยามสแควร์ แบ่งเป็นชอปในศูนย์การค้า
6 แห่ง และคอนเนอร์จำหน่ายในห้างสรรพสินค้า 6 แห่ง
ในปีนี้บริษัทได้ตั้งเป้าเปิดสาขาไว้ทั้งหมด 30-40 แห่ง แบ่งเป็นชอป และคอนเนอร์
ในอัตราส่วนเท่ากัน สำหรับแผนการขยายสาขาของ FQ&L ได้ตั้งเป้าขยายสาขาไว้ปีละ
30-40 แห่ง
โดยเฉลี่ยจะต้องใช้งบลงทุนปีละ 200-300 ล้านบาท ซึ่งบริษัทได้ตั้งเป้าขยายสาขาในอัตราดังกล่าวต่อเนื่อง
3 ปี ซึ่งจะทำให้บริษัทมีสาขาประมาณ 90-120 สาขา ภายในปี 2547
การเข้ามาขยายธุรกิจเสื้อผ้าแฟชั่นในครั้ง นี้ เนื่องจากมองเห็นช่องว่างในการทำตลาดว่ายังไม่ร้านเสื้อผ้าวัยรุ่นที่เจาะกลุ่มวัยรุ่นอายุ
15-22 ปี ในราคาประหยัด เฉลี่ยราคาชิ้นละ 300-700 บาทเท่านั้น
แต่เสื้อผ้าของ FQ&L จะเป็นเสื้อผ้าที่มีดีไซน์แตกต่างจากท้องตลาด และคู่แข่งทั่วไปที่เป็นแบบธรรมดา
โดยจะมีราคาถูกกว่า 20-30% จากการสำรวจตลาดเสื้อผ้ารวมเสื้อผ้าวัยรุ่น
และคนทำงานทั่วไปมีมูลค่า 4,000-5,000 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตปีละ ไม่ต่ำกว่า
20% ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพการเติบโตสูง
เนื่องจากกลุ่มวัยรุ่นเป็นกลุ่มที่มีการใช้จ่ายเงินในการซื้อเสื้อผ้าเป็นจำนวนมาก
และจะซื้อค่อนข้างบ่อย นอกจากนี้ในตลาดดังกล่าวยังไม่มีผู้นำตลาดที่ชัดเจน
บริษัทจึงสนใจเข้ามาดำเนินธุรกิจนี้