ทีมโรบินสันบุกค้าปลีก ตั้งโฮลดิ้งเปิด3บริษัท


ผู้จัดการรายวัน(24 มิถุนายน 2545)



กลับสู่หน้าหลัก

ทีมผู้บริหารโรบินสันเดิมรวมพลคืนวงการค้าปลีก นำทีมโดย "มานิต อุดมคุณธรรม" ผู้สร้างชื่อโรบินสันคนแรก จัดตั้งโฮลดิ้งในนาม "ยูเอสไอ" ประกาศแผนเปิดตัว 3 ธุรกิจค้าปลีก ร้านจำหน่ายเสื้อผ้า

และรอง เท้ากีฬาแฟชั่น "แอคทีฟ เนชั่น" ร้านจำหน่ายเสื้อผ้าแฟชั่นวัยรุ่น "FQ&L" และร้านจำหน่ายอุปกรณ์ ตบแต่งบ้าน "โฮม คอมปานี" มุ่งมั่นเป็นที่ 1 ทุกเซกเมนต์ พร้อมเล็ง

ขยายค้าปลีกรูปแบบอื่นอีกในอนาคต นายกมลพันธ์ ศิริพรรณพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายปฏิบัติการ บริษัทยูเอสไอ โฮลดิ้ง จำกัด เปิดเผยว่า

บริษัทจัดตั้งขึ้นโดยทีมงานผู้บริหารเดิมของบริษัทห้างสรรพสินค้าโรบินสัน จำกัด (มหาชน) นำโดยนายมานิต อุดมคุณธรรม ที่ดำรงตำแหน่งประธานในยูเอสไอ

สำหรับแผนการดำเนินงานของยูเอสไอในปีนี้ได้จัดตั้งบริษัทลูกขึ้นมาดำเนินธุรกิจค้าปลีก แล้ว 3 บริษัท คือ 1.บริษัทแอคทีฟ เนชั่น จำกัด ทุนจดทะเบียน 50 ล้านบาท เพื่อเปิดร้าน"แอคทีฟ เนชั่น"

จำหน่ายเสื้อผ้า และรองเท้ากีฬา 2.บริษัทแฟชั่น พีเพิล จำกัด ทุนจดทะเบียน 50 ล้านบาท เปิดร้าน "FQ&L" จำหน่ายเสื้อผ้าวัยรุ่น และบริษัทเดอะโฮม คอมปานี จำกัด ทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท

บริหารร้าน "โฮม คอมปานี" จำหน่ายสินค้า ตบแต่งบ้าน ในปีนี้ ยูเอสไอ ได้เปิดร้าน แอคทีฟ เนชั่น และร้าน FQ&L ไปแล้ว ส่วนร้านโฮม คอมปานี กำลังอยู่ระหว่างการศึกษาตลาด

โดยเห็นว่าตลาดอุปกรณ์ตบแต่งบ้านมีแนวโน้มการขยายตัวสูง จากการฟื้นตัวของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ รวมทั้งการประสบความสำเร็จด้านยอดขายของร้านโฮมโปร ที่ขยายสาขาใหม่ในปีนี้

สำหรับรูปแบบร้านโฮม คอม-ปานี ที่บริษัทได้วางรูปแบบไว้ จะเป็นร้านขนาดเล็กกว่าผู้ประกอบคู่แข่งที่มีอยู่ในตลาด โดยจะเน้นการเปิดสาขาในศูนย์การค้า และรูปแบบสแตนด์อะโลนในพื้นที่ที่มีศักยภาพ

คาดว่าจะเปิดร้านสาขาแรกได้ในช่วงกลางปี 2546 ทั้งนี้นโยบายการดำเนินงานของยูเอสไอ ในช่วง 3 ปีต่อจากนี้ จะขยายธุรกิจค้าปลีกใน 3 รูปแบบ ดังกล่าวเป็นหลัก

เนื่องจากเป็นธุรกิจที่ยังมีโอกาสและแนวโน้มการ ขยายตัวได้ในอนาคต โดยต้องการ สร้างชื่อแบรนด์ และสินค้าทั้ง 3 กลุ่ม ให้เป็นที่รู้จักในกลุ่มผู้บริโภค

และต้องการเป็นผู้นำตลาดในทุกเซกเม้นท์ค้าปลีกที่เข้าไปดำเนินธุรกิจ โดยหลังจากนี้จะเริ่มศึกษาการขยายธุรกิจค้าปลีกรูปแบบอื่นๆ เพิ่มเติม ซึ่งได้วางแนวทางที่จะศึกษารูปแบบค้าปลีกไว้หลายธุรกิจ

โดยเฉพาะค้าปลีกรูปแบบสเป-เชียลตี้ สโตร์ "แอคทีฟ เนชั่น"ร้านกีฬาแฟชั่น นายรุ่งโรจน์ คงศิริธุวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทแอคทีฟ เนชั่น จำกัด เปิดเผยว่าร้าน "แอค-ทีฟ เนชั่น" เป็นร้านค้าปลีกประเภท

สเปเชียลตี้ สโตร์ จำหน่ายเสื้อผ้าและรองเท้ากีฬาเท่านั้น โดยจะไม่ขายอุปกรณ์กีฬา ซึ่งจะชูจุดเด่นที่เป็นร้านสปอร์ต แฟชั่น มีสินค้าแบรนด์เนมกีฬาทั้งใน และต่างประ เทศจำนวน 18 แบรนด์ อาทิ อาดิ-

ดาส, ไนกี้, รีบ็อค สินค้ากีฬาของแพน กรุ๊ป เป็นต้น ทั้งนี้คอลเลกชั่นใหม่ของสินค้าแบรนด์เนมที่เปิดตัวล่าสุด จะมีวางจำหน่ายที่แอคทีฟ เนชั่นเร็วกว่าร้านจำหน่ายอื่นๆ และจะมีสินค้าแฟชั่นเสื้อผ้า

และรองเท้า จำหน่ายในปริมาณที่มากกว่าร้านคู่แข่ง 50% เพราะเน้นเฉพาะสินค้า 2 กลุ่มนี้เท่านั้น โดยมีรองเท้าวางจำหน่ายกว่า 1,000 รุ่น และเสื้อผ้า กว่า 3,000 แบบ ซึ่งจะแตกต่างจาก

ร้านจำหน่ายเสื้อผ้า และอุปกรณ์กีฬาในขณะนี้ที่เป็นรูปแบบร้านประเภท แคธิกอรี่ คิลเลอร์ สินค้าจะเป็นรูปแบบทั่วไป ไม่ใช่สินค้าแฟชั่นเหมือนของแอคทีฟ เนชั่น

"การที่บริษัทให้ความสนใจเข้ามาดำเนินธุรกิจร้านจำหน่ายเสื้อ ผ้า และรองเท้ากีฬา เพราะเห็นว่าตลาดดังกล่าวมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง จากการที่บุคคลทั่วไปหันมาสนใจเล่นกีฬามากขึ้น ขณะที่ลูก

ค้าที่เป็นกลุ่มนักกีฬาต้องการใส่เสื้อผ้า และรองเท้าที่ อิงกับแฟชั่นสมัยใหม่ ที่มีสไตล์มากขึ้น จากเดิม ที่จะใส่เสื้อผ้า และรองเท้ากีฬาทั่วไป ซึ่งตลาดกีฬาถือเป็นตลาดที่มีการเคลื่อนไหว และมีเรื่องราว

จากการ ที่มีพรีเซ็นเตอร์ในกีฬาประเภทต่าง เป็นจำนวนมาก เป็นส่วนกระตุ้นให้ประชาชนทั่วไปหันมาสนใจกีฬา และต้องการเล่นกีฬามากขึ้น" นายรุ่งโรจน์กล่าว นอกจากนี้

พบว่าในช่วงต้นปีที่ผ่านมามีผู้ประกอบการรายใหม่ในตลาดเข้ามาขยายร้านจำหน่ายเสื้อผ้า รองเท้า และอุปกรณ์กีฬามากขึ้น เช่น ร้าน"สปอร์ต แพลนเน็ต"ซึ่งเป็นผู้ประกอบการจากประเทศอินโดนีเซีย

ที่ได้เปิดสาขาแรกที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล บางนาไปแล้ว ซึ่งเป็นกลุ่มที่น่าจับตามองมากที่สุดกลุ่มหนึ่ง เพราะน่าจะเข้า มาสร้างสีสันความแตกต่างให้กับตลาดได้ และที่กำลังจะเปิดดำเนินการในเร็วๆนี้ อีก

1 รายคือ ร้าน "สปอร์ต สเตเดียม" ร้านจำหน่ายเสื้อผ้า รอง เท้า อุปกรณ์กีฬาของ "พีน่า เฮ้าส์ กรุ๊ป" การเข้ามาขยายธุรกิจร้านจำหน่ายเสื้อผ้า รองเท้ากีฬา ของผู้ประกอบการ เป็นการช่วยขยาย

ตลาดให้มีขนาดใหญ่ขึ้น และเป็นการกระตุ้นในลูกค้าหันมาสนใจเล่นกีฬามากขึ้น แต่ก็จะทำให้ตลาดมีการแข่งขันรุนแรงตามไปด้วย ปัจจุบันตลาดเสื้อผ้า รองเท้า และอุปกรณ์กีฬามีมูลค่าประมาณ

4,000-5,000 ล้านบาท มีการขยายตัว อย่างต่อเนื่องปีละ 15% นายรุ่งโรจน์กล่าวต่อว่า บริษัทได้เปิดร้านแอคทีฟ เนชั่น สาขาแรกที่เวิลด์เทรด เซ็นเตอร์ พื้นที่ 460 ตารางเมตร ถือเป็นร้านแฟรกชิฟสโตร์

โดยในเดือน ก.ค.นี้ บริษัทมีแผนที่จะเปิดสาขาใหม่อีก 2 แห่งในรูปแบบสแตนด์อะโลน ที่สีลม ปากซอยธนิยะ พื้นที่ 460 ตารางเมตร และสยาม สแควร์ ซอย 2 พื้นที่ 300 ตารางเมตร

ทั้งนี้การขยายสาขาของร้านแอคทีฟ เนชั่น เน้นที่ปัจจัยทำเลที่ตั้ง และที่มีกลุ่มลูกค้าอาศัยอยู่เป็นหลัก FQ&L ตั้งเป้า 3 ปีเปิด 120 สาขา นายพีระพล อารยะลักษณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทแฟชั่น พีเพิล

จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทจะรับผิดชอบการเปิดร้าน FQ&L ซึ่งเป็นร้านจำหน่ายเสื้อผ้าแฟชั่นวัยรุ่น ราคาประหยัด โดยได้เริ่มเปิดสาขาแรกที่ศูนย์การค้าเดอะมอลล์ บางกะปิ ในเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา

ขณะนี้มีสาขาทั้งหมด 12 แห่ง ในเดอะมอลล์ และเซ็นทรัล และในสยามสแควร์ แบ่งเป็นชอปในศูนย์การค้า 6 แห่ง และคอนเนอร์จำหน่ายในห้างสรรพสินค้า 6 แห่ง

ในปีนี้บริษัทได้ตั้งเป้าเปิดสาขาไว้ทั้งหมด 30-40 แห่ง แบ่งเป็นชอป และคอนเนอร์ ในอัตราส่วนเท่ากัน สำหรับแผนการขยายสาขาของ FQ&L ได้ตั้งเป้าขยายสาขาไว้ปีละ 30-40 แห่ง

โดยเฉลี่ยจะต้องใช้งบลงทุนปีละ 200-300 ล้านบาท ซึ่งบริษัทได้ตั้งเป้าขยายสาขาในอัตราดังกล่าวต่อเนื่อง 3 ปี ซึ่งจะทำให้บริษัทมีสาขาประมาณ 90-120 สาขา ภายในปี 2547

การเข้ามาขยายธุรกิจเสื้อผ้าแฟชั่นในครั้ง นี้ เนื่องจากมองเห็นช่องว่างในการทำตลาดว่ายังไม่ร้านเสื้อผ้าวัยรุ่นที่เจาะกลุ่มวัยรุ่นอายุ 15-22 ปี ในราคาประหยัด เฉลี่ยราคาชิ้นละ 300-700 บาทเท่านั้น

แต่เสื้อผ้าของ FQ&L จะเป็นเสื้อผ้าที่มีดีไซน์แตกต่างจากท้องตลาด และคู่แข่งทั่วไปที่เป็นแบบธรรมดา โดยจะมีราคาถูกกว่า 20-30% จากการสำรวจตลาดเสื้อผ้ารวมเสื้อผ้าวัยรุ่น

และคนทำงานทั่วไปมีมูลค่า 4,000-5,000 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตปีละ ไม่ต่ำกว่า 20% ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพการเติบโตสูง

เนื่องจากกลุ่มวัยรุ่นเป็นกลุ่มที่มีการใช้จ่ายเงินในการซื้อเสื้อผ้าเป็นจำนวนมาก และจะซื้อค่อนข้างบ่อย นอกจากนี้ในตลาดดังกล่าวยังไม่มีผู้นำตลาดที่ชัดเจน บริษัทจึงสนใจเข้ามาดำเนินธุรกิจนี้



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.