|

กลุ่มสามารถปัดฝุ่นบ.ลูกบุกคอนโดฯ
ผู้จัดการรายวัน(30 พฤษภาคม 2548)
กลับสู่หน้าหลัก
"กลุ่มสามารถฯ" ทยอยงัดแลนด์แบงก์ของตระกูลออกพัฒนา พร้อมแบ่งการจัดสรรออกเป็น 2 บริษัท จัดสรรแนวราบใช้บริษัทวิไลลักษณ์ พร็อพเพอร์ตี้ ส่วนแนวสูงในเมืองปัดฝุ่นบริษัทเก่าในเครือ "วิเศษ สันทนาการ" พัฒนาแทน ปีนี้เตรียมเปิด 2 โครงการทั้งบ้านเดี่ยวและคอนโดฯ ย่านรัชโยธิน
นางสาวพรพิมล วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท วิไลลักษณ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ บริษัท สามารถ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทได้เปิดโครงการใหม่ภายใต้ชื่อ วิลล่า มาริสา พุทธมณฑล สาย 4 จำนวน 88 ยูนิต ระดับราคา 2.9-4 ล้านบาท บนเนื้อที่ 20 ไร่ แบ่งการพัฒนาออกเป็น 4 เฟส คาดว่าจะเปิดขายอย่างเป็นทางการได้ในไตรมาส 4 ของปีนี้ โดยจะเปิด 2 เฟสก่อน ขณะนี้มียอดขายแล้ว 8 ยูนิต
"โครงการนี้ถือว่าเราได้เปรียบคู่แข่ง เพราะมีต้นทุนที่ดินถูกจึงพัฒนาได้ในต้นทุนที่ต่ำกว่า และสามารถขายในราคาที่ต่ำกว่าคู่แข่งในย่านนั้น ประมาณ 3 แสนบาท ถึง 1 ล้านบาท ถึงแม้ว่าโครงการ จะเข้าซอยไปอีก 1 กิโลเมตร แต่เราก็ได้ใส่ฟังก์ชันเข้าไปเยอะมาก เพื่อดึงดูดลูกค้า นอกจากนี้แม้ว่าจะไม่พัฒนาโครงการก็มีคนมาขอซื้อที่ดินเปล่าและให้กำไรถึง 15% แต่ไม่ขายเพราะเราได้วางแผนงาน และระบบต่างๆไว้หมดแล้วจึงต้องพัฒนาเอง" นางสาวพรพิมล กล่าว
สำหรับความคืบหน้ายอดขายโครงการบ้าน ณ อุทยาน ขณะนี้มียอดขายแล้ว 14 ยูนิต จากจำนวน 23 ยูนิต ในเฟสแรกที่เปิดขาย ซึ่งลูกค้าที่เข้ามาซื้อโครงการจะเป็นเจ้าของธุรกิจวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) นอกจากนี้บริษัทได้เปิดขายบ้านหน้าโครงการ มีการตกแต่งเฟอร์นิเจอร์ที่พิเศษ ขนาดพื้นที่ประมาณ 200 ตร.ว. ในราคาขาย 42.9 ล้านบาท
ทั้งนี้โครงการดังกล่าว เดิมกำหนดให้มี 37 ยูนิต มูลค่าโครงการ 650 ล้านบาท แต่เนื่องจากลูกค้าต้องการเพิ่มขนาดที่ดิน จึงได้ลดเหลือ 33 ยูนิต อีกทั้งบริษัทได้นำกลยุทธ์การตกแต่งบ้านก่อนขาย ซึ่งได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี ทำให้คาดว่ามูลค่าของโครงการจะเพิ่มขึ้นเป็น 750 ล้านบาท จากค่าตกแต่ง
ส่วนแผนพัฒนาโครงการจัดสรรในย่านถนนพุทธมณทลหรือย่านใกล้เคียงนั้น ขณะนี้ยังไม่รีบดำเนินการต่อ เนื่องจากที่ดินสะสมของบริษัทในย่านนี้ไม่มีแล้ว ดังนั้นต้องหาซื้อที่ดินแหล่งที่เหมาะก่อน นอกจากนี้ยังมองที่ดินในย่านอื่นๆ อีกด้วย แต่ต้องรอภาวะที่เหมาะสมอีกด้วย
นางสาวพรพิมล กล่าวว่า มีแนวคิดที่จะนำที่ดินที่มีศักยภาพของกลุ่มสามารถฯ และของครอบครัวที่ซื้อไว้ก่อนหน้านี้มาพัฒนา โดยแบ่งเป็นการจัดสรรแนวราบ และแนวสูง ซึ่งแนวราบได้มอบหมาย ให้บริษัทวิไลลักษณ์ พร็อพเพอร์ตี้ เป็นผู้ดำเนินการ ส่วนการพัฒนาในแนวสูง ได้ให้บริษัทวิเศษ สันทนาการ จำกัด เป็นผู้ดำเนินการ
โดยบริษัทวิเศษ สันทนาการนี้ได้เปิดดำเนินการมาตั้งแต่ก่อนวิกฤตในช่วงปี 2537 มีทุนจดทะเบียนประมาณ 60 ล้านบาท มุ่งพัฒนาอาคารสำนักงานจำนวนหลายแห่ง รวมถึงอาคารซอฟต์แวร์ ปาร์ค และหลังจากนั้นก็ไม่ได้พัฒนาโครงการใหม่อีกเลย จนล่าสุดทิศทางของอสังหาริมทรัพย์ดีขึ้น จึงได้มีแนวคิดที่จะนำที่ดินของครอบครัวมาพัฒนา ซึ่งโครงการแรก ที่จะพัฒนานั้นเป็นโครงการคอนโดมิเนียม ย่านรัชโยธิน เยื้องกับอาคารเอสซีบีปาร์ค บนเนื้อที่ 2 ไร่ จำนวน 250 ยูนิต ขนาดยูนิตละ 30-70 ตร.ม.จำนวน 2 อาคาร สูงอาคารละ 8 ชั้น ราคาเริ่มต้น 40,000 ต่อตร.ม.หรือประมาณยูนิตละ 1.4 ล้านบาทขึ้นไป
นอกจากนี้ยังมีที่ดินในย่านรามอินทรา นิมิตรใหม่อีก 1 แปลง ขนาด 20-30 ไร่ ที่ดินในย่านแจ้งวัฒนะติดกับเมืองทองธานี จำนวน 7 ไร่ รวมถึงที่ดินใกล้กับสนามบิน ภูเก็ต แต่ขณะนี้ยังไม่มีแผนที่จะนำมาพัฒนา ต้องรอให้ภาวะของเศรษฐกิจดีกว่าที่เป็นอยู่ หรือทำเลนั้นๆ มีศักยภาพเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งอสังหาฯใช้ระยะเวลาในการพัฒนานาน ต้องวางแผนล่วงหน้าเป็นปี พอมีภาวะไม่ดีมากระทบก็จะมีการชะลอตัว
"ที่ดินของแม่มีเยอะ ซื้อมานานตอนแรกก็มีราคาไม่แพง พอเวลาผ่านไป 4-5 ปี ทิศทางเริ่มเปลี่ยนมี ความเจริญมากขึ้น ทำเลย่านนั้นมีศักยภาพเพิ่มมากขึ้น ทำให้ราคาที่ดินเพิ่มตาม" นางสาวพรพิมลกล่าว
กลับสู่หน้าหลัก
 ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|