แกรมมี่ เน็ตเวิร์ค ส่ง “IMAGINE” ตีตลาดธุรกิจโฮมเอ็นเตอร์เทนเม้นท์


นิตยสารผู้จัดการ( มิถุนายน 2540)



กลับสู่หน้าหลัก

แกรมมี่ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ผู้ผลิตสารพันบันเทิงนานาชนิด เริ่มจะมีรายได้ใหญ่อีกทางจากธุรกิจแฟรนไชส์ โฮมเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ซึ่งดำเนินงานภายใต้บริษัทแกรมมี่ เน็ตเวิร์ค

แกรมมี่ เน็ตเวิร์ค เป็นบริษัทซึ่งถือหุ้นโดยแกรมมี่ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์อยู่ 100% เต็ม เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ภายหลังจากแยกตัวจากร้าน "ซึทาย่า" หรือก็คือร้านจำหน่ายและให้เช่าสินค้าบันเทิงภายในบ้าน ที่แกรมมี่ เน็ตเวิร์คเคยร่วมทุนกับญี่ปุ่น

ด้วยเหตุผลในการแยกตัวที่ อัครเดช โรจน์เมธา กรรมการผู้จัดการอาวุโสของแกรมมี่ เน็ตเวิร์ค ให้ไว้ง่ายๆ ว่า "เป็นเพราะระบบบริหารงานที่แตกต่างกัน"

ทำให้จากเดิมที่มีร้านซึทาย่าอยู่ 4 สาขา ปัจจุบันจึงเหลืออยู่เพียง 2 แห่งคือ ที่สุขุมวิทซอย 11 และ 24 ส่วนอีก 2 แห่ง คือที่หลังสวน และสีลม ทางแกรมมี่ เน็ตเวิร์คเป็นผู้ได้มาบริหารต่อโดยเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น "IMAGINE" และเปิดเพิ่มอีก 2 สาขา ที่ซอยอารีย์ ถ. พหลโยธิน เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2539 กับ "IMAGINE" สาขาสวนพลู เมื่อเดือนมกราคม 2540 ที่ผ่านมา

"ตอนนี้เรากำลังอยู่ระหว่างการเปิดสาขาที่ 5 ที่สยามสแควร์ไปเมื่อประมาณต้นเดือนพฤษภาคม 2540 โดยเราตั้งใจว่าจะให้สาขาที่ 5 เป็นสาขาต้นแบบของร้าน "IMAGINE" ที่จะมีต่อๆ ไปซึ่งจะใช้เงินสำหรับสาขาต้นแบบ 40 ล้านบาทบนพื้นที่ทั้งหมด 1,500 ตารางเมตร" อัครเดช กล่าว

ภายหลังหรืออาจจะเรียกได้ว่าระหว่างช่วงที่ก่อสร้างและพัฒนาสาขาต้นแบบ แกรมมี่ เน็ตเวิร์ค ได้มีการเตรียมการและคิดพัฒนาระบบแฟรนไชส์เพื่อสร้างรายได้ และการเติบโตให้กับธุรกิจโฮมเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ในนาม "IMAGINE" ไปทั่วประเทศไปด้วยในตัว

เป้าหมายแรกก่อนที่แกรมมี่เน็ตเวิร์คจะพัฒนาร้าน "IMAGINE" ให้เป็นแฟรนไชส์ธุรกิจโฮมเอ็นเตอร์เทนเม้นท์อย่างเต็มระบบสมบูรณ์ ในช่วงปี 2540 นี้ อัครเดช กล่าวว่า แกรมมี่เน็ตเวิร์ค จะใช้ทุน 200 ล้านบาท ขยายร้าน "IMAGINE" ให้ครบ 20 สาขาก่อน

"20 สาขาแรก แกรมมี่ เน็ตเวิร์คจะบริหารเอง 100% ความแตกต่างที่จะเห็นได้จากร้านซึทาย่าเดิม จะมีตั้งแต่เรื่องของการจัดการ ซึ่งเราจะนำระบบคอมพิวเตอร์ POINT OF SALE มาใช้ การดีไซน์ร้าน คอนเซ็ปต์ รวมแบ็กออฟฟิศของบริษัทเอง"

วราวิช กำภู ณ อยุธยา ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานพัฒนาธุรกิจ บ. แกรมมี่ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวเพิ่มเติมในส่วนข้อมูลจากคอมพิวเตอร์ว่า ระบบคอมพิวเตอร์ที่นำมาใช้ จะช่วยในการบริหารงานร้านค้าปลีกให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ คือจะช่วยลดต้นทุนในการสั่งซื้อสินค้า การจัดสินค้าให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า โดยวิเคราะห์จากข้อมูลพื้นที่ของลูกค้าที่เก็บไว้ในคอมพิวเตอร์

ที่สำคัญ แกรมมี่ เน็ตเวิร์ค ยังมีแผนการที่จะใช้เทคโนโลยี เป็นกลยุทธ์ในการให้บริการลูกค้าในรูปแบบต่างๆ ครอบคลุมทั่วประเทศ ทั้งระยะสั้นและระยะยาว ซึ่งทางผู้บริหารของแกรมมี่เชื่อว่า การสนับสนุนข้อมูลจากคอมพิวเตอร์จะเป็นแนวทางหนึ่งที่จะทำให้ร้าน "IMAGINE" เอาชนะคู่แข่งประเภทเดียวกันได้ดี โดยเฉพาะในบริเวณเดียวกัน

จาก 20 สาขาของร้าน "IMAGINE" ในปี 2540 อัครเดช กล่าวว่า ในปี 2541 แกรมมี่เน็ตเวิร์ค ก็จะสามารถพัฒนาร้าน "IMAGINE" ให้เปิดสาขาได้เพิ่มขึ้นในระบบแฟรนไชส์ ที่แกรมมี่เน็ตเวิร์คขะมักเขม้นเตรียมการอยู่ในเวลานี้ โดยเชื่อแน่ว่าร้าน "IMAGINE" เป็นรูปแบบที่แตกต่างจากร้านค้าปลีกสินค้าบันเทิงที่มีอยู่เดิม ไม่ว่าจะเป็นลักษณะร้านที่เป็นเมกะสโตร์ ร้านแบบสแตนอะโลน หรือช้อปอินช้อป รวมทั้งสินค้าจำหน่ายและเช่าภายในร้าน ที่แกรมมี่ เน็ตเวิร์ค ติดต่อกับเจ้าของลิขสิทธิ์ค่ายต่างๆ ทั้งค่ายเพลงและภาพยนตร์ ทั้งไทยและเทศ ไว้กว่า 30 บริษัท ซึ่งเชื่อแน่ว่า สินค้าที่มีจะสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ครบทุกกลุ่มเป้าหมาย

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องของกลุ่มลูกค้าที่จะซื้อแฟรนไชส์ ซึ่งถือได้ว่าไม่ใช่เรื่องน่าหนักใจของแกรมมี่ เน็ตเวิร์ค แต่อย่างใด

เพราะอัครเดช กล่าวว่า กลุ่มเป้าหมายแรกที่จะมาเป็นแฟรนไชส์ของร้าน "IMAGINE" ก็คือ กลุ่มยี่ปั๊ว หรือกลุ่มผู้ค้าส่งและค้าปลีก ซึ่งเป็นพันธมิตรเดิมของแกรมมี่ เอนเตอร์เทนเม้นท์ นั่นเอง ซึ่งในปัจจุบันนี้มีอยู่ถึงประมาณ 3,000 รายทั่วประเทศ

"เชื่อแน่ว่า จำนวนไม่น้อยจากยี่ป๊วที่เรามีอยู่จะสนใจมาร่วมลงทุนกับเรา เพราะเขาได้ธุรกิจเพิ่มในเรื่องค้าปลีก ส่วนธุรกิจเดิมก็ไม่เสียหายอะไร นอกจากนี้เรายังมีกลุ่มผู้สนใจที่จะมาร่วมธุรกิจกับเราอีก นอกเหนือจากกลุ่มลูกค้าเดิมนี้บ้าง"

ทั้งนี้ กลุ่มยี่ปั๊วหรือบุคคลที่สนใจจะซื้อแฟรนไชส์ร้าน "IMAGINE" ควรจะมีพื้นที่ขั้นต่ำ 300 ตารางเมตร สำหรับจัดตกแต่งร้านที่จะวางสินค้าได้ครบ พร้อมกับเงินลงทุนและเงินหมุนเวียนขั้นต่ำ 3,000,000-5,000,000 บาท รวมกับค่าแฟรนไชส์ซึ่งยังไม่กำหนดแน่นอนในตอนนี้

ในช่วงก่อนที่จะคืนทุนซึ่งต้องมีเงินหมุนเวียนนั้น สำหรับร้านเล็กๆ จะใช้เวลาคืนทุนประมาณ 3-6 เดือน หรือ 2-3 ปี สำหรับร้านขนาดใหญ่ ที่มีพื้นที่ประมาณ 1,000-1,500 ตารางเมตร และถ้าเป็นพื้นที่ใหญ่กว่านี้ไม่ควรจะใช้ทำร้านเพราะจะไม่คุ้มกับการลงทุน

สำหรับพื้นที่ที่เหมาะสม ควรอยู่ในทำเลที่เหมาะ เช่น ควรมีหมู่บ้านซึ่งจะเป็นกลุ่มลูกค้าสำหรับวิดีโอให้เช่า หรือที่จอดรถสำหรับลูกค้า เป็นต้น รวมทั้งจะต้องไม่เป็นพื้นที่บนห้างสรรพสินค้า เพราะจะไปซ้ำซ้อนกับร้านสตาร์ ซึ่งเป็นร้านจำหน่ายสินค้าบันเทิงของแกรมมี่ที่มีอยู่เดิม

ปัจจุบันร้าน "IMAGINE" ซึ่งมีอยู่ 4 สาขา มีสมาชิกรวมประมาณ 20,000 กว่าราย มีรายได้จากค่าสมาชิก 3,200 บาทตลอดชีพ และ 500 บาท ตลอดชีพเฉพาะสมาชิกวิดีโอ ที่มีค่าเช่าต่อวัน 20 บาท วันต่อไป 10 บาท สัปดาห์ละ 50 บาท พร้อมบริการส่งถึงบ้านในรัศมี 2 กิโลเมตร และรายได้จากการจำหน่ายสินค้าซึ่งเฉลี่ยแต่ละสาขาไม่เท่ากัน

สิ่งเหล่านี้ เป็นค่าบริการ และบริการที่ไม่ได้แตกต่างจากร้านค้าปลีก สินค้าบันเทิงทั่วไป แต่สินค้าที่มีในร้าน "IMAGINE" จากกว่า 30 บริษัทคู่ค้า และระบบการจัดการที่แกรมมี่ เน็ตเวิร์คทุ่มทุนเต็มที่ เป็นเรื่องที่น่าหวั่นไม่น้อยสำหรับร้านค้าปลีกสินค้าบันเทิง รวมทั้งร้านเช่าวิดีโอ ซึ่งคงจะหลีกเลี่ยงไม่พ้นที่จะต้องเจอกับโฮมเอนเตอร์เทนเม้นท์ในนาม "IMAGINE" นี้แน่นอน



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.