|
"มิ่งขวัญ"ตื่นงัดแผนพีอาร์ปลุกหุ้นอสมท หลังรายได้ไตรมาส 1 โต 30% คงเป้าทั้งปี
ผู้จัดการรายวัน(18 พฤษภาคม 2548)
กลับสู่หน้าหลัก
"บิ๊กบอส อสมท" ทนเห็นราคาหุ้น อสมท ต่ำจองไม่ไหวแล้ว เตรียมดูแลราคาหุ้นใช้แผนให้ข้อมูลบริษัทแก่นักลงทุนผ่านสื่อมากขึ้น หลังไตรมาส 1 รายได้โต 30% แถมไตรมาส 2 ยังโตต่อเนื่อง คงเป้ารายได้ทั้งปีโต 30% หรือ 3,500 ล้านบาท ปฏิเสธข่าวลาออกไป ททท. ส่วนหุ้นพนักงานหมด ไซเลนต์ไม่กระทบเหตุมีแค่ 0.6% เท่านั้น ขณะที่พนักงาน 80% ลงความเห็นขายแน่หวั่นราคาหุ้นทรุดยาว
นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน)หรือ MCOT เปิดเผยว่า บริษัทคาดรายได้ไตรมาส 2/48 จะโตเพิ่มขึ้นกว่าไตรมาส1/48 ที่มีรายได้รวม 812.96 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 251.62 ล้านบาท เนื่องจากจะมีรายได้ทางโทรทัศน์เพิ่มขึ้น จากมีรายได้ 527.15 ล้านบาท เพราะขณะนี้ค่าโฆษณาอยู่ระดับ 150,000-250,000 บาทต่อนาที ซึ่งต่ำกว่าช่องอื่น และบริษัทจะไม่ปรับราคาค่าโฆษณา
"ช่วงไพรม์ไทม์ทางช่อง 3 อยู่ที่ 420,000 บาทต่อนาที ช่อง 7 อยู่ที่ 460,000 บาทต่อนาที ไอทีวี 250,000 บาทต่อนาที แต่ MCOT อยู่ที่ 150,000 บาทต่อนาที และจะไม่ปรับค่าโฆษณา ในครึ่งปีนี้คาดไว้ว่าปีนี้เม็ดเงินค่าโฆษณาเพิ่มขึ้นเพียง 3.7% แต่ไตรมาส 1 นี้ เม็ดเงินค่าโฆษณาของบริษัทโตถึง 30% ซึ่งสวนกระแสของอุตสาหกรรม"
รวมถึงรายได้จากการโฆษณาของภาครัฐเพิ่มขึ้นจากภาครัฐที่ต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น ธนาคารออมสิน กระทรวงยุติธรรม ทศท คอร์ปอเรชั่น กสทโทรคมนาคม การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ในการจัดงานบางกอกเฟส- ติวัล ที่เข้ามาในไตรมาส 2/48 ประมาณ 26 ล้านบาท ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) เซ็นสัญญากับทาง MCOT ตลอดปีนี้
บริษัทจะมีการรับรู้รายได้จากคลื่นวิทยุมากขึ้น ในปลายไตรมาส 2 เป็นต้นไป โดยได้บริหารคลื่นวิทยุเอง 6 คลื่น ซึ่งเพิ่งเริ่มเมื่อเดือนมี.ค. และรายได้จากการให้เช่าคลื่นวิทยุอีก 52 คลื่น บริษัทยังคงเป้ารายได้ปีนี้อยู่ที่ 3,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30% จากปี 2547 ที่มีรายได้ 2,957.13 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 977.50 ล้านบาท
จากนี้ไปบริษัทจะมีการประชาสัมพันธ์บริษัทในด้านการให้ข้อมูลผลการดำเนินงานการดำเนินธุรกิจผ่านทางสื่อมากขึ้น เพื่อเป็นการดูแลราคาหุ้นของบริษัท เนื่องจากที่ผ่านมาบริษัทไม่มีการประชาสัมพันธ์ข้อมูลของบริษัททำให้ราคาหุ้นต่ำกว่าราคาจอง และจากที่มีข่าวลือตนเองถูกปลดออกไปอยู่ ททท.นั้นไม่เป็นความจริง
"ราคาหุ้นที่ต่ำกว่าจองส่วนหนึ่งมาจากกระแสข่าวการลาออกของตนเองว่าจะไปอยู่ที่ ททท. ซึ่งยืนยันว่า จะไม่มีการลาออก และข่าวการขายหุ้นของพนักงานที่จะพ้นระยะห้ามขายหรือไซเลนต์พีเรียด 25% ในวันที่ 17 พ.ค.ซึ่งมองว่าพนักงานไม่น่าจะขายหุ้น และถึงขายก็ไม่ส่งผลกระทบ เพราะหุ้นที่พนักงานสามารถขายได้ 4.27 ล้านหุ้น หรือ 0.6% เท่านั้น และข่าวการแทรกแซงของรัฐบาล"
พนักงาน อสมท รายหนึ่งกล่าวว่า จากการพูดคุยกันเชื่อว่ามีพนักงานจำนวนหนึ่งจะขายหุ้นออกมาเพื่อถือเป็นเงินสด ซึ่งเท่าที่มีการพูดคุยคาดว่า มากกว่า 80% เพราะพนักงานกังวลว่า หากไม่รีบขายราคาอาจจะปรับลดลงอีก แม้จะได้รับเงินปันผลก็ตาม โดยปัจจุบันก็อยู่ในระดับที่ต่ำกว่าราคาจอง
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|