นอกเหนือจากวางขายอัลบั้มเพลงปกติแล้ว ต้องยอมรับว่า อัลบั้มรวมฮิต ก็เป็นสินค้าหลักอีกรูปแบบหนึ่ง
ที่ทำรายได้ให้กับจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ เป็นจำนวนไม่น้อย
"หน้าที่ของเราคือ นำซอฟต์แวร์เก่ามาสร้างมูลค่าเพิ่ม หาเงินมาให้ได้เยอะที่สุด"
สุวัฒน์ ดำรงชัยธรรม ผู้บริหารค่ายเพลงแกรมมี่ บิ๊ก บอก
ในขณะที่ค่ายเทปเพลงอื่นต้องปั้นศิลปินคิดหาแนวเพลง ผลิตเนื้อร้องทำนองเพื่อออกอัลบั้มใหม่ๆ
ให้ฮิตติดตลาด แต่หน้าที่ค่ายเพลงแกรมมี่ บิ๊ก คือ นำเพลงที่ฮิตอยู่แล้วไปทำผลิตภัณฑ์ใหม่ออกมาขายอีกรอบ
"อย่างลูกค้าซื้ออัลบั้มเพลงรักเธอเสมอแล้ว ธุรกิจ ของผมก็คือ ทำอย่างไรจึงจะให้เขาซื้อเพลงรักเธอเสมอใหม่ได้
อีก นี่คือความสำเร็จของผม"
จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่บางเพลงอย่าง รักเธอเสมอ ของอัสนี โชติกุล หรือเพียงเพราะชายคนนี้ไม่ใช่ผู้วิเศษ
จึงถูกนำมาอยู่ในอัลบั้มรวมฮิตไม่ต่ำกว่า 20-30 ครั้ง หรือบางครั้งนักร้องบางคนอาจจะมีรายได้จากอัลบั้มรวมฮิต
มากกว่ารายได้ที่มาจากอัลบั้มเพลงของตัวเอง
สุวัฒน์บอกว่า หัวใจสำคัญของการทำอัลบั้มรวมฮิต จึงอยู่ที่เรื่องของการตลาด
บวกครีเอทีฟ ทำอย่างไรที่จะทำให้ซอฟต์แวร์เพลงที่มีอยู่แล้ว นำกลับมาจัดหีบห่อใหม่
เพื่อให้ตรงใจกับผู้บริโภคมากที่สุด ซึ่งความต้องการแต่ละช่วงก็ต่างกันไป
"อย่างกลุ่มผู้หญิงต้องการเพลงช้า เพลงรัก ไม่ต้องการซื้อบ่อยๆ เราก็ต้องทำรวมฮิตออกมาทีเดียวให้ครอบคลุม
หรืออย่างตอนนี้เพลงแนวร็อก แดนซ์ ออกมาเยอะ ลูกค้าก็เบื่อ เราก็ออกแนวรักออกมา
เป็นเพลงช้าๆ ออกมา"
แม้ว่า อัลบั้มรวมฮิต จะยังคงสร้างรายได้ให้เป็นกอบเป็นกำ ปีที่แล้วทำรายได้
500 ล้านบาท แต่ผลจากวิกฤติเศรษฐกิจ ทำให้กำลังการซื้อลดลง ส่งผลกระทบทำให้แกรมมี่
บิ๊ก ต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ใหม่
จากยอดขายที่เคยขายได้อัลบั้มละ 1 แสน เหลือแค่ 5 หมื่น แม้ว่าจะแก้ไขด้วยการเพิ่มจำนวนการออกอัลบั้มอาจเห็นผลในระยะสั้น
แต่ผลในระยะยาวคือ สินค้าเกินความต้องการ
"เมื่อก่อนนี้ เหวี่ยงยังไงก็โดน แต่หลังวิกฤติเศรษฐกิจ โดนบ้าง ไม่โดนบ้าง
ตรงไหน เราเปลี่ยนกลยุทธ์ใหม่ ต้องวิจัยความต้องการออก"
การเดาใจลูกค้า จึงต้องทำอย่างเป็นระบบมากขึ้น มีการนำข้อมูลมาประกอบ ต้องทำควบคู่ไปกับการลดจำนวนอัลบั้มให้เหลือแค่
70%
กำลังซื้อที่ลดลง บวกกับคู่แข่งที่มากขึ้น ทำให้แกรมมี่ บิ๊ก ต้องปรับเปลี่ยนหันมาใช้กลยุทธ์ในเชิงรุกมากขึ้น
ช่องทางขายที่เคยมีแค่บนแผงเทป จะถูกเพิ่มเติมด้วยการโปรโมชั่น จัดแคมเปญ
ลดแลกแจกแถมไปตามจุดขาย รวมทั้งการนำตู้ขายอัตโนมัติ (คีออส) จำนวน 200 ตู้
มาติดตั้งตามสำนักงาน
"เรียกว่า หันไปไหนจะเจอผมหมด แทนที่จะต้องรอไป ซื้อตามร้านค้า ไม่ต้องแล้วออกไปหน้าปากซอยจะเจอผม"