|
บอร์ดกสทสั่งปลด"วิทิต" สรรหาใหม่ภายใน60วัน
ผู้จัดการรายวัน(13 พฤษภาคม 2548)
กลับสู่หน้าหลัก
บอร์ดกสท ปลด "วิทิต" พ้นตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ หลังกฤษฎีกาตีความขาดคุณสมบัติและมีผลประโยชน์ทับซ้อน ตั้งปลัดกระทรวงไอซีทีเป็นประธานสรรหาเอ็มดีใหม่ภายใน 60 วัน ด้านประธานบอร์ดยันไม่กระทบแผนเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ
พล.ท.อนุสรณ์ เทพธาดา ประธานกรรมการบริษัท กสท โทรคมนาคมกล่าวภายหลังการประชุมบอร์ดว่าที่ประชุมพิจารณาตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตีความว่านายวิทิต สัจจพงษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ไม่มีคุณสมบัติตามที่กำหนดในประเด็นผลประโยชน์ทับซ้อน ทำให้นายวิทิตพ้นจากตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ตั้งแต่วันที่ 9 พ.ค. ที่ผ่านมา และให้นายพิศาล จอโภชาอุคม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายงานบริหาร รักษาการในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่แทน
ทั้งนี้ กฤษฎีกาตีความว่านายวิทิตขาดคุณสมบัติทั่วไปในประเด็นที่ต้องไม่เป็นหรือภายในระยะเวลา 3 ปี ก่อนวันที่ได้รับแต่งตั้ง ไม่เคยเป็นกรรมการหรือผู้บริหาร หรือผู้มีอำนาจในการจัดการ หรือมีส่วนได้เสียในนิติบุคคลซึ่งเป็นผู้รับสัมปทาน ผู้ร่วมทุน หรือมีประโยชน์ได้เสียเกี่ยวข้องกับกิจการของบริษัท กสท โทรคมนาคมเว้นแต่การเป็นประธานกรรมการหรือกรรมการในนิติบุคคลดังกล่าวโดยการมอบหมายจากบริษัท กสท โทรคมนาคม
โดยนายวิทิตได้กรอกรายละเอียดในใบสมัครเข้ารับการคัดเลือกเพื่อดำรงตำแหน่งกรรมการ ผู้จัดการใหญ่ (CEO) ไว้ชัดเจนว่า ในปัจจุบันได้ดำรงตำแหน่ง "ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เซิฟเอ็กเซล ดังนั้น เมื่อบริษัท เซิฟเอ็กเซล ได้เข้าเป็นคู่สัญญาดำเนินการทดสอบบริการ Voice Over Internet Protocal (VoIP) ขาเข้าประเทศไทยกับบริษัท กสท โทรคมนาคม เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2546 บริษัท เซิฟเอ็กเซล จึงมีประโยชน์ได้เสียเกี่ยวข้องกับกิจการโทรคมนาคมของบริษัท กสท โทรคมนาคม ซึ่งเป็นกิจการหลักของรัฐวิสาหกิจเป็นสำคัญ และเป็นการมีประโยชน์ได้เสียในทางตรงด้วย เนื่องจากบริษัท เซิฟเอ็กเซล เป็นคู่สัญญาและมีรายได้หลักจากสัญญาดังกล่าว
แม้นายวิทิตจะได้ลาออกจากบริษัทนั้นแล้วเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2547 แต่นับถึงวันที่ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท กสท โทรคมนาคม เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2547 แล้วยังไม่ถึง 3 ปี นายวิทิตจึงเป็นกรรมการผู้บริหาร หรือผู้มีอำนาจในการจัดการในบริษัท เซิฟเอ็กเซล ที่เป็นนิติบุคคลซึ่งมีประโยชน์ได้เสียเกี่ยวข้องกับกิจกรรมของบริษัท กสท โทรคมนาคม ภายในระยะเวลา 3 ปีก่อนวันที่ได้รับแต่งตั้ง
พล.ท.อนุสรณ์กล่าวว่าสำหรับการสรรหากรรมการผู้จัดการใหญ่คนใหม่นั้น จะให้นายไกรสร พรสุธี ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เป็นประธานในการสรรหา โดยคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 60 วัน
"การสรรหาใหม่อาจได้ผู้บริหารที่ไม่มีความรู้เกี่ยวกับด้านโทรคมนาคม เพราะเงื่อนไขเดิมที่กำหนดเวลา 3 ปี ส่วนใหญ่ผู้บริหารในวงการโทรคมนาคมก็จะต้องมีการทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกันอยู่แล้ว"
อย่างไรก็ตาม ประเด็นดังกล่าวขึ้นอยู่กับกระทรวงการคลังว่าจะแก้ไขหรือไม่ หรือยังคงให้ใช้ระเบียบเดิมต่อไป แต่ที่สำคัญคือต้องเร่งสรรหาโดยด่วนเนื่องจากปัจจุบันธุรกิจโทรคมนาคมมีการแข่งขันอย่างรุนแรง โดยที่บอร์ดอยากได้ผู้บริหารที่ทำงานเร็ว สามารถประสานงานภายในองค์กรได้และจะต้องเป็นคนที่มีหัวก้าวหน้าพอสมควร
พล.ท.อนุสรณ์กล่าวถึงการสรรหาที่ผ่านมาว่าไม่ได้พิจารณาเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน หรือการดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารในบริษัท เซิฟเอ็กเซลของนายวิทิต ซึ่งเป็นคู่สัญญากับกสทในการทดสอบบริการวอยซ์ โอเวอร์ ไอพี ซึ่งหากจะหาว่าใครผิดในขณะนี้คงไม่สามารถระบุได้เพราะทุกอย่างได้ดำเนินการตามขั้นตอนมาอย่างต่อเนื่อง
สำหรับการนำกสทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯคงจะไม่มีผลกระทบและสามารถเดินหน้าตามขั้นตอน เพื่อเข้าจดทะเบียนภายในไตรมาส 3 นี้ได้อย่างแน่นอน ส่วนเรื่องการแปรสัญญาสัมปทาน ถือว่าไม่ใช่เรื่องสำคัญที่จะต้องดำเนินการให้เสร็จก่อนเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ เพราะกสทมีรายได้จากสัญญาสัมปทานไม่มากและจะไม่นำเรื่องดังกล่าวมาพิจารณาในการเข้าจดทะเบียนในตลาดด้วย
ส่วนเรื่องการลาออกจากตำแหน่งประธานบอร์ดกสทนั้น เป็นไปตามวาระ ครบ 1 ปี 1 ใน 3 ของบอร์ดต้องมีการจับฉลากออก แต่เมื่อไม่มีใครต้องการจะออก จึงแสดงสปิริตด้วยการลาออกเอง ไม่เกี่ยวกับเรื่องที่กฤษฎีกาตีความ แต่บังเอิญว่าเป็นช่วงเดียวกัน โดยกระบวนการดังกล่าวอยู่ระหว่างการพิจารณาของกระทรวงการคลังว่าจะให้คนอื่นมาแทนหรือจะให้ดำรงตำแหน่งต่อไป
ด้านนายวิทิต กล่าวว่า เมื่อบอร์ดมีมติออกมาเช่นนั้นก็ต้องยอมรับ และรู้สึกตัวเบาขึ้นมาก เพราะไม่ต้องไปแบกรับภาระหนักใน กสท หลังจากนี้ไป ก็คงจะใช้เวลาพักผ่อนสักระยะก่อนที่จะพิจารณาหางานอย่างอื่นทำต่อไป ขณะเดียวกันก็เห็นว่างานในกสทไม่มีอะไรน่าห่วง เพราะเป็นองค์กรใหญ่ไม่มีตนก็คงไม่มีผลกระทบอะไร
"ช่วงแรกคิดจะลาออกทุก 2 อาทิตย์ เพราะงานยุ่งยากมาก แต่มีพนักงานให้กำลังใจก็เลยทำมาเรื่อยๆ จนครบ 11 เดือน ก็มีพนักงานกสทให้การยอมรับมากยิ่งขึ้น"
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|