ส่งทูตล้วงข้อมูลอุตฯ ญี่ปุ่นไม่เลิกรุกFTA


ผู้จัดการรายวัน(10 พฤษภาคม 2548)



กลับสู่หน้าหลัก

เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทยรุดพบ "วัฒนา" หวังล้วงข้อมูลอุตสาหกรรมไทยก่อนเจรจาเอฟทีเอรอบใหม่ อ้างสินค้าเกษตรได้ข้อยุติแล้วไม่มีปัญหาต้องให้จบภายใน ก.ค.นี้ ขณะที่ "วัฒนา" ยืนยันไม่รู้ข้อมูล เหตุ "จักรมณฑ์" ปิดซองผนึกส่งคณะเจรจาไปแล้ว และให้อำนาจคณะเจรจาดำเนินการทั้งหมด พร้อมจวกรถค่ายยุโรปถ้าต้องการสิทธิประโยชน์เหมือนญี่ปุ่นก็ต้องมีของมาแลกเปลี่ยน ส่วนกรณีโรงถลุงสหวิริยาจะเรียกมาคุยรายละเอียดรอบสุดท้ายวันนี้

นายวัฒนา เมืองสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยภายหลังการเข้าพบของนายอะสึชิ โทะกิโนยะ เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย วานนี้ (9 พ.ค.) ว่า เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นได้มาเยี่ยมคารวะตนและได้หารือเกี่ยวกับข้อตกลงเขตการค้าเสรีหรือ FTA ระหว่างไทย-ญี่ปุ่น โดยนายอะสึชิได้ย้ำถึงนโยบายจากรมว.กระทรวงเศรษฐกิจการค้าและอุตสาหกรรม (เมติ) ให้เจรจาแล้วเสร็จกรกฎาคมนี้ และระบุว่าการเจรจาทางด้านสินค้าเกษตรเรียบร้อยแล้วเหลือเพียงทางด้านอุตสาหกรรม

"ผมเองก็ไม่รู้หรอกว่าเจรจาไปถึงไหนแล้วในส่วนของเกษตร แต่ในแง่อุตสาหกรรมผมก็บอกไปตรงๆ ว่าผมเองก็ไม่รู้อะไรเพราะก่อนที่จะมีประชุมคณะกรรมการ FTA ชุดใหญ่ที่มีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลังเป็นประธานเมื่อเร็วๆนี้ นายจักรมณฑ์ ผาสุกวนิช ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นผู้รวบรวมข้อมูลทางด้านอุตสาหกรรมแล้วใส่ซองปิดผนึกส่งให้คณะเจรจา FTA ไทย-ญี่ปุ่นซึ่งผมสาบานเลยว่าไม่รู้จริงๆ ว่าเป็นอย่างไรจะถามอย่างไรก็ไม่รู้หรอก" นายวัฒนากล่าว

อย่างไรก็ตาม ทางนายอะสึชิ ได้สอบถามถึงกรณีที่กลุ่มผู้ผลิตยานยนต์จากค่ายยุโรปทำหนังสือถึงนั้นคิดเห็นอย่างไร ซึ่งเรื่องดังกล่าวตนได้ชี้แจงไปว่า ทางค่ายรถยุโรปได้ทำหนังสือถึงตนจริงและทูตยังมาพบด้วย โดยแสดงความกังวลเกี่ยวกับกรณีที่ไทยจะทำ FTA กับญี่ปุ่นแล้วจะเปิดเสรีในส่วนของรถยนต์ขนาดตั้งแต่ 3000 ซีซีขึ้นไป หรือประเภทรถหรูซึ่งจะกระทบกับทางค่ายรถยุโรปนั้นส่วนตัวมีนโยบายที่จะพิจารณา 2 ประการกล่าวคือ 1. ทางค่ายยุโรปเองส่วนตัวแล้วเห็นว่าการจะมาเรียกร้องแล้วไม่ยอมที่จะแลกอะไรเลยก็คงไม่ยุติธรรมซึ่งหากต้องการสิทธิประโยชน์เหมือนกับญี่ปุ่นก็ให้มาทำ FTA กับไทย ส่วนที่ 2. กรณีที่ทางยุโรปมาลงทุนไทยเองก็จะดูแลให้ไม่ได้ทอดทิ้ง

ทั้งนี้ ได้ชี้ให้ทางค่ายรถยนต์ยุโรปเห็นไปแล้วว่า หากจะมีข้อห่วงใยว่าจะแข่งขันไม่ได้กับรถญี่ปุ่นโดยเฉพาะรถยี่ห้อ TOYOTA LEXUS นั้นคงไม่เสมอไปเพราะปัจจุบันลูกค้าคนละกลุ่มเป้าหมายอยู่แล้วเพราะผู้ที่สนใจจะซื้อรถโรลสลอยซ์ ก็ยังคงยอมที่จะจ่ายแพงเพื่อซื้ออยู่ดี แต่ผู้ที่ชอบ LEXUS ก็จะไม่ไปซื้อรถยุโรปอยู่ดี ดังนั้นประเด็นที่เป็นห่วงของค่ายยุโรปคงไม่มีปัญหาในส่วนนี้ จะต้องมีความเป็นธรรมด้วยและคาดว่ากระแสของ FTA คงจะหยุดไม่อยู่ทุกประเทศก็ควรจะให้ความสำคัญ

"ท่านทูตได้ระบุว่าไทยจะเป็นประเทศที่ญี่ปุ่นจะให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ ในการที่จะเข้ามาลงทุนเพิ่มแน่นอน ซึ่งที่ผ่านมาญี่ปุ่นเป็นนักลงทุนรายใหญ่สุดที่ลงทุนผ่านสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) คิดเป็น 40% ของการลงทุนตรงจากต่างประเทศ (FDI) และยืนยันว่าจะเพิ่มเป็น 50% แน่นอน ด้วยบรรยากาศที่ดีของไทยและความเป็นมิตรซึ่งต่างจากบางประเทศที่ต่อต้าน" นายวัฒนากล่าว

เรียกสหวิริยาดูข้อมูลรอบสุดท้ายวันนี้

นายวัฒนากล่าวว่า การหารือครั้งนี้ยืนยันว่าไม่ได้มีการพูดคุยถึงประเด็นอุตสาหกรรมเหล็กแต่อย่างใด และในวันนี้ (10 พ.ค.) จะมีการเรียกผู้บริหารของเครือสหวิริยาเข้าชี้แจงรายละเอียดของแผนการดำเนินงานโรงถลุงเหล็กเป็นรอบสุดท้ายเพื่อที่จะเดินหน้าการดำเนินงานต่อไป โดยยืนยันว่าไม่ได้ปิดกั้นการลงทุนใดๆ ทั้งสิ้น

นอกจากนี้ในวันนี้ (10 พ.ค.) ตนยังจะพบกับนายเรียวอิจิ ซาซากิ ประธานโตโยต้าประจำประเทศไทยเพื่อที่จะหารือถึงความร่วมมือในการผลิตรถยนต์นั่งขนาดเล็กประหยัดพลังงานหรือ อีโคคาร์ ก่อนที่จะนำเสนอครม.พิจารณาต่อไป โดยเบื้องต้นในส่วนตนนั้นได้ข้อสรุปแล้วว่า รถอีโคคาร์จะมีสเปกสำคัญคือ มีขนาดกว้าง 1.6 เมตร ยาว 3.6 เมตร ต้องประหยัดพลังงานได้ 5 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร มีมาตรฐานความปลอดภัยระดับสากล ราคาต้องไม่เกิน 3.5 แสนบาทต่อคัน และเปิดกว้างเครื่องยนต์ตั้งแต่ 1000-3000 ซีซี

"ค่ายอื่นก็เห็นชอบหมดแล้วเหลือเพียงโตโยต้า ซึ่งไม่แปลกที่เขาจะไม่เห็นด้วยเพราะเขาคือผู้ขายรายใหญ่ถ้าปรับลงมาเล่นรถรุ่นนี้ก็อาจจะมีผลต่อยอดขายรถรุ่นที่มีอยู่ และกลัวว่าจะไม่ได้สเปกตามที่ตนเองมี ซึ่งเงื่อนไขนี้ไม่ได้เอื้อใครทุกคนผลิตได้หมดหากเป็นไปตามเกณฑ์นี้" นายวัฒนากล่าว


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.