ดันทอท.แปรรูปลงตัว เดินเต็มสูบหนุนลงทุนตลาดหุ้น


ผู้จัดการรายวัน(6 มิถุนายน 2545)



กลับสู่หน้าหลัก

"สมคิด" เดินเครื่องแปรรูปรัฐวิสาหกิจเข้าตลาดหลักทรัพย์เต็มพิกัด "การท่าฯ" เข้า ครม.อังคารนี้ พร้อมเข็น ทศท. กสท. แบงก์รัฐ กรุงไทย ไทยธนาคาร และนครหลวงไทย เป็นรายต่อไป

ลั่นเอาให้เสร็จภายในปี 2545 นี้ คาดว่าจะสามารถดึงเม็ดเงินจากต่างชาติ และระบายสภาพคล่องส่วนเกินที่ค้างอยู่ในระบบได้ นโยบายการแปรรูปรัฐวิสาหกิจของรัฐบาลชุดนี้เดินเครื่องอย่างเต็มที่อีกครั้ง

หลังจากวานนี้(5 มิ.ย.) กระทรวงการคลัง โดยนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวง การคลัง เห็นพ้องกับกระทรวงคมนาคม โดยนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา

รัฐมนตรีว่าการฯ และคณะกรรมการการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย เข้ารายงาน ต่อ พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร

นายกรัฐมนตรีถึงความคืบหน้าในการแปรรูปบริษัทการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย (ทอท.)เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาด หลักทรัพย์แห่งประเทศไทยตามผลการศึกษาที่บริษัทที่ปรึกษาเสนอ

โดยเสนอคณะกรรมการกำกับนโยบายรัฐวิสาหกิจ (กนร.) นายสมคิด เปิดเผยว่า จากข้อตกลงบริษัทการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย (ทอท.)

มีความพร้อมที่จะแปรรูปและเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ภายในเดือนตุลาคม ถึงพฤศจิกายนนี้

โดยกระทรวงคมนาคมจะเสนอเรื่องเข้าสู่การพิจารณาอนุมัติของคณะรัฐมนตรีในการแปรรูปการท่าฯ ให้เป็นบริษัทจำกัดได้ภายในวันอังคารที่ 11 มิถุนายนนี้ สำหรับขั้นตอนต่อไป

คณะกรรมการจะไปศึกษารายละเอียดการกระจายหุ้นของทอท. โดยในเบื้องต้นจะเริ่มกระจายในสัดส่วน 30% ก่อน จากนั้นจึงค่อยๆ เพิ่มสัดส่วนการกระจาย เพิ่มขึ้นในอนาคต ซึ่งขณะนี้ฐานะของทอท.

ค่อนข้างดีแล้ว ด้านนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า การแปรรูปทอท.คาดว่าจะสามารถแปรรูปได้ภายในตุลาคม 2545

การบรรลุข้อตกลงดังกล่าวระหว่างสองกระทรวงนับเป็นการยุติความไม่ชัดเจนของการแปรรูปทอท.ที่คาราคาซังมานาน ก่อนหน้านี้ ทั้งสองหน่วยงานมีความเห็นไม่ตรงกันในประเด็นการระดมทุน

โดยกระทรวงคมนาคมมีความเห็นว่าการแปรรูปและการขายหุ้นทอท.มีเป้าหมายหลัก คือการระดมทุนเพื่อใช้ในการก่อสร้างโครงการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิหรือหนองงูเห่า ขณะที่

กระทรวงการคลังเห็นว่า ทอท.ควรแปรรูปโดยเข้ากระจายหุ้นในตลาด หลักทรัพย์ภายในไตรมาสที่ 3 ของปี 2545 ทศท.-กสท.ปีนี้แน่ แบงก์รัฐเดินขบวนแปรรูป

"ขณะนี้การแปรรูปของรัฐวิสาหกิจหลายแห่งเริ่ม มีทิศทางที่ชัดเจนขึ้น กระทรวงการคลังจึงอยากผลักดันให้เป็นไปตามเป้าหมาย ที่วางไว้ เพราะนอกจากการท่าอากาศยานจะเป็นรัฐวิสาหกิจ

ที่มีความพร้อมแล้ว ยังมีองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย (ทศท.) ที่น่าจะแปรรูปได้ทันภายในปีนี้อีก ซึ่งมีนโยบายชัดเจนว่าให้แยกกันแปรรูปกับการสื่อสารแห่งประเทศไทย (กสท.)

หากใครมีความพร้อมดำเนินการแปรรูปได้ก่อน"นายสมคิดกล่าว นอกจากรัฐวิสาหกิจแล้วยังมีธนาคารพาณิชย์ของรัฐที่สามารถกระจายหุ้นได้ทันภายในปลายปีนี้คือธนาคารกรุงไทย

ธนาคารไทยธนาคาร และอาจรวมถึงธนาคารนครหลวงไทย และการบินไทยหลังการแต่งตั้งประธานคณะกรรมการแล้วก็น่าจะเร่งรัดการกระจายหุ้นต่อไป

ส่วนรัฐวิสาหกิจอื่นก็ยังให้ดำเนินการตามเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งขึ้นอยู่กับความพร้อมเป็นหลัก "เชื่อว่าการกระจายหุ้นของรัฐวิสาหกิจ ในช่วงครึ่งปีหลังถือเป็นโอกาสที่ดี และตลาดเอื้ออำนวย

เชื่อว่าการขายหุ้นรัฐวิสาหกิจรายอื่นๆไม่น่าจะเหมือนกับการขายหุ้นปตท.ที่มีการกำหนดราคาไม่เหมาะสม จึงทำให้ราคาหุ้นไม่สามารถปรับสูงได้มากนัก" รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง กล่าว

นายสมคิด กล่าวอีกว่า โดยการกระจายหุ้นครั้งนี้ ได้กำชับให้คนไทยได้มีโอกาสในการซื้อหุ้นครั้งนี้ด้วย เพราะถือเป็นเสมือนเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการออมของประชาชน

ซึ่งการกระจายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์น่าจะช่วยเพิ่มทางเลือกในการลงทุนของผู้ออมเงิน และยังดึงเงินทุนจากต่างประเทศให้ไหลเข้ามาลงทุนมากขึ้น

"กลางปีนี้จะมีการออกพันธบัตรมาเพื่อให้ผู้ฝากมาซื้อได้มากขึ้น ซึ่งนอกจากจะเป็นการเพิ่ม ช่องทางการลงทุนให้ประชาชนแล้ว

ยังเป็นการช่วยดูดซับสภาพคล่องส่วนเกินที่ล้นอยู่ในระบบให้ลดลงได้อีกด้วย"นายสมคิด กล่าว ส่วนราคาหุ้นของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ที่แปรรูปไปก่อนหน้านี้ราคาหุ้นขณะนี้ต่ำกว่าราคาจองนั้น

นายสมคิด กล่าวว่า เป็นเพราะการกำหนดราคาเป็นการกำหนดราคาสูงสุดเต็มที่ ทำให้ราคาหุ้นไม่สามารถขึ้นไปได้อีก "เป้าหมายในการแปรรูปไม่ใช่เพื่อใช้หนี้ แต่แปรรูปเพื่อให้องค์กรมีความแข็งแรง

เมื่อองค์กรแข็งแรงฐานะทางการเงินจะดีขึ้น การกู้ยืมเงินต่างๆ ก็ลดน้อยลง ทำให้ภาระหนี้ของรัฐบาลลดลงตามไปด้วย นับว่าได้ประโยชน์ ทุกฝ่าย" นายสมคิด กล่าว แผนกระตุ้นตลาดหุ้นตลอดปี

นโยบายการแปรรูปรัฐวิสาหกิจที่รัฐบาลชุดนี้กำลังเร่งปฏิบัติล่าสุด ส่วนสำคัญมาจากการ ประชุมการระดมความคิดเห็นหรือ "เวิร์กชอป" เพื่อกำหนดแนวทางการพัฒนาตลาดทุนไทยเมื่อในวันที่ 31

มีนาคม 2544 เพื่อร่วมกันกำหนด แนวทางในการพัฒนาตลาดทุนไทย ซึ่งเป็นกลไกสำคัญที่จะสนับสนุนให้ระบบเศรษฐกิจของประเทศฟื้นตัวและขยายตัวได้อย่างยั่งยืน

ซึ่งขณะนั้นตลาดหลักทรัพย์ไม่มีเสน่ห์ดึงดูดเงินจากนักลงทุนเพียงพอ มาตรการหนึ่งของการพัฒนาตลาดตราสาร ทุนที่ได้จากการประชุมก็ คือ รัฐบาลจะหาทางเพิ่มสินค้า (supply)

โดยจะนำรัฐวิสาหกิจเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ที่ผ่านมาดำเนินการแล้ว ได้แก่ บริษัท อินเทอร์เน็ต ประเทศไทย จำกัด บริษัทการบิน ไทย จำกัด (มหาชน) และการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย

(ปตท.) ซึ่งได้รับความสนใจจากนักลงทุน มากพอสมควร ทว่า ในปี 2545 การผลักดันรัฐวิสาหกิจเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เงียบเหงาลงไป

รัฐวิสาหกิจเป้าหมายมีปัญหาในการแปรรูปทำให้รัฐบาลพยายามเร่งหาทางออก กระทั่ง ช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้เริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้นสำหรับตลาดหลักทรัพย์ โดยมีการซื้อขายที่คึกคักเฉลี่ยวันละกว่า 1

หมื่นล้านบาท และ เป็นนักลงทุนจากต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ นโยบายแปรรูปรัฐวิสาหกิจจึงกลับมามีอัตราเร่งอีกครั้ง

โดยหากการดำเนินการดังกล่าวเสร็จสมบูรณ์จะทำให้มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Capitalization) เพิ่มขึ้นจำนวนกว่า 300,000 ล้านบาท

(ไม่รวมธนาคารศรีนครและธนาคารนครหลวงไทย) ซึ่งจะทำให้ ตลท.มีขนาดใหญ่ขึ้น เป็นที่น่าลงทุนมากขึ้นในสายตาของต่างประเทศได้ตลอดปี



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.