|
"เครือปูนใหญ่" ทุ่ม200ล้าน เพิ่มการผลิตกระเบื้องหลังคา
ผู้จัดการรายวัน(4 พฤษภาคม 2548)
กลับสู่หน้าหลัก
กระเบื้องหลังคาเซรามิคไทย ในเครือปูนใหญ่ ชี้แนวโน้มผู้บริโภคให้ความนิยมของแพงมากขึ้น ปี 49 เตรียมทุ่มงบ 200 ล้านบาท เพิ่มกำลังการผลิตเป็น 1.4 ล้านตร.ม./ปี จากเดิม 9 แสนตร.ม./ปี ล่าสุดออกหลังคารุ่นใหม่ Excella Grace จับกลุ่มลูกค้าระดับบน ตั้งเป้าชิงส่วนแบ่งตลาดกระเบื้องหลังคาระดับไฮเอนด์ 55% ในปีนี้ จากมูลค่าตลาดรวม 1,000 ล้านบาท คาดยอดขายสิ้นปี 50 ล้านบาท ส่วนปีหน้าดันยอดขายเพิ่มเป็น 150 ล้านบาท
นายสมชาย คุณากรปรมัตถ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท กระเบื้องหลังคาเซรามิคไทย จำกัด บริษัทในเครือปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมาธุรกิจกระเบื้องมีการขยายตัวมากขึ้น โดยมีอัตราเติบโตเพิ่มขึ้นกว่า 30% จากรวมกระเบื้องทั้งหมดกว่า 10,000 ล้านบาท ทั้งนี้หากแบ่งกระเบื้องระดับกลางถึงบน หรือระดับราคาตั้งแต่ 200 บาท/ตร.ม. ขึ้นมีมูลค่าตลาดรวมประมาณ 6,000 ล้านบาท ซึ่งบริษัทมีส่วนแบ่งตลาดในจำนวนดังกล่าวประมาณ 500-600 ล้านบาท
ส่วนตลาดระดับบนนั้นมีมูลค่า 1,000 ล้านบาท โดยนับตั้งแต่ปี 2540 บริษัทได้ออกผลิตภัณฑ์กระเบื้องหลังคาเซรามิกในกลุ่มตลาดระดับบน ภายใต้แบรนด์ Excella รุ่น คลาสสิก ในระดับราคา 600 บาท/ตร.ม. ที่ได้รับการนิยมอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีส่วนแบ่งตลาดในผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้ประมาณ 50% ทั้งนี้ จากการที่ 4-5 ที่ผ่านมากระเบื้องหลังคาระดับบนได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้ประกอบการต่างออกสินค้าให้ผู้บริโภคได้เลือกมากขึ้น จากที่ก่อนหน้านี้ไม่ค่อยมีสินค้าให้เลือกมากนัก
ดังนั้น บริษัทจึงได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่มดังกล่าวขึ้น เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภค โดยล่าสุดออก Excella Grace ในระดับราคา 700 บาท/ตร.ม. เพื่อจับกลุ่มลูกค้าระดับบนที่สร้างบ้านเองระดับราคาตั้งแต่ 3 ล้านบาทขึ้นไป (เฉพาะราคาบ้าน) หรือลูกค้าในโครงการจัดสรร โดยเน้นการทำตลาดผ่านกลุ่มผู้รับเหมา ร้านค้า และสถาปนิก เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายโดยตรง คาดว่าในปีนี้บริษัทจะมียอดขายจาก Excella Grace ประมาณ 50 ล้านบาท และในปี 2549 เชื่อว่ายอดขายจะเพิ่มเป็น 150 ล้านบาท เนื่องจากได้ทำตลาดไปแล้วช่วงหนึ่ง และจะทำให้บริษัทมีส่วนแบ่งตลาดกระเบื้องหลังคาระดับบน เพิ่มขึ้นเป็น 55% ในปีหน้า นอกจากนี้บริษัทยังอยู่ระหว่างการพัฒนาสินค้าใหม่เข้าสู่ตลาดมากขึ้น โดยเน้นไปที่คุณภาพและการออกแบบ ซึ่งคาดว่าจะมีสิ้นค้าใหม่ออกสู่ตลาดได้ในเร็วๆ นี้
นายสมชายกล่าวต่อว่า จากการที่แนวโน้มตลาดกระเบื้องหลังคาระดับบนมีแนวโน้มเติบโตดีขึ้น อีกทั้งยังได้ออกผลิตภัณฑ์ในระดับดังกล่าวเพิ่มมากขึ้น ทำให้ในปี 2549 บริษัทมีแผนที่จะขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอีก 500,000 ตร.ม./ปี โดยใช้งบลงทุนประมาณ 200 ล้านบาท จากที่ปัจจุบันมีโรงงานผลิตที่ จ.สระบุรี มีกำลังการผลิต 900,000 ตร.ม./ปี ซึ่งจะทำให้ในปี 2549 บริษัทมีกำลังการผลิตรวม 1.4 ล้านตร.ม./ปี
โดยเป็นการขายในประเทศ 95% และส่งออกให้กับประเทศเพื่อบ้าน 5% สำหรับ Excella Grace มี 2 รุ่น 9 สี ลักษณะเรียบ และเว้าเล็กน้อย คงทนต่อสภาพอากาศ สีไม่ซีดจาง มีทั้งกลุ่มสีมันและกลุ่มสีด้านผ่านกระบวนการผลิตที่พิถีพิถันทุกขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็นการเคลือบสี การเผาที่อุณหภูมิสูงถึง 1,100 องศาเซลเซียส ด้วยเทคโนโลยี Dry Press Fast Firing โดยร่วมวิจัยกับ 3 บริษัทได้แก่ บริษัท เซรามิคอุตสาหกรรมไทย จำกัด ผู้ผลิตกระเบื้องปูพื้นและบุผนัง "คอตโต้" บริษัทกระเบื้องหลังคาซีแพค จำกัด และบริษัท SACMI ผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องจักรเซรามิกจากประเทศอิตาลี
ด้านนายสมเกียรติ ปานพูนทรัพย์ ผู้จัดการส่วนการตลาด บริษัท กระเบื้องหลังคาเซรามิคไทย กล่าวว่า กระเบื้องหลังคา Excella รุ่น Grace และรุ่นคลาสสิกจะจับกลุ่มลุกค้าที่แตกต่างกัน โดย Grace จะเน้นไปที่คนรุ่นใหม่ที่ชอบความทันสมัย สีสันสดใส ส่วนรุ่นคลาสสิกจะเน้นไปที่ผู้ที่ชอบความเรียบหรู หรือกลุ่มวัยกลางคน ดังนั้นจึงเชื่อว่า จะไม่แย่งตลาดกันเอง และการทำการตลาดก็จะแตกต่างกัน
สำหรับภาวะราคาน้ำมันแพงส่งผลต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้นกว่า 5% ซึ่งในส่วนนี้บริษัทไม่ได้ปรับราคาสินค้าขึ้นแต่อย่างใด แต่จะไปบริหารต้นทุนให้ดีขึ้น อีกทั้งยอดขายที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจะช่วยให้แอฟซอฟต์ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นได้ ทั้งนี้ยังเชื่อว่าต้นทุนที่เพิ่มขึ้นในระดับดังกล่าวน่ายื่นไปได้ถึงสิ้นปี แต่หากปรับขึ้นกว่า 15% บริษัทจะต้องพิจารณาปรับขึ้นราคาสิ้นค้าเนื่องจากแบกรับภาระไม่ไหว
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|