|
อเมริกันฯชี้ตลาดสุขภัณฑ์โตถดถอยเหตุกำลังซื้อหดเชื่อตลาดรวมปี'48โตไม่เกิน5%
ผู้จัดการรายวัน(4 พฤษภาคม 2548)
กลับสู่หน้าหลัก
สุขภัณฑ์อเมริกันสแตนดาร์ด ระบุตลาดสุขภัณฑ์โตถดถอยตามตลาดอสังหาฯ เหลือไม่เกิน 5% เหตุกำลังซื้อลด ชี้ตลาดล่างกระทบหนัก ส่วนระดับบนไม่กระทบ พร้อมตั้งเป้าปี 48 โต 15% จากปี 47 ที่มียอดขาย 1,900 ล้านบาท โดยเน้นออกผลิตภัณฑ์มีดีไซน์ผสมผสานเทคโนโลยีที่ทันสมัย
นายนอร์แมน ลิฟวิงสโตน กรรมการผู้จัดการกลุ่มผลิตภัณฑ์ห้องน้ำและห้องครัว ภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัท เครื่องสุขภัณฑ์อเมริกันสแตนดาร์ด (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ยอมรับว่าในปี 2548 กำลังซื้อของผู้บริโภคลดลงจากปัจจัยลบทางเศรษฐกิจ ขณะเดียวกันธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ก็ไม่ดีเหมือนปีที่ผ่านมา ดังนั้นเชื่อว่าในปีนี้ตลาดรวมสุขภัณฑ์น่าจะมีอัตราการเติบโตแบบถดถอย โดยคาดว่าโตเพียง 5% โดยตลาดรวมสุขภัณฑ์ในปัจจุบันมีประมาณ 5,000 ล้านบาท ทั้งนี้การเติบโตในระดับดังกล่าวใกล้เคียงกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่มีการเติบโตแบบถดถอยเช่นกัน ซึ่งจะเห็นได้ชัดเจนในช่วงครึ่งปีหลังปีนี้
สำหรับแผนการดำเนินงานของบริษัทฯ ตั้งเป้าอัตราการเติบโตไว้ที่ 15% จากที่ปี 2547 มียอดขาย 1,900 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าตลาดรวม โดยบริษัทจะออกผลิตภัณฑ์ใหม่เข้าสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งเน้นทำการตลาดให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น ซึ่งตั้งงบการตลาดในปีนี้กว่า 100 ล้านบาท แม้ว่าบริษัทจะ ตั้งเป้าอัตราการเติบโตในระดับดังกล่าว แต่ยังไม่มีแผนที่จะขยายกำลังการผลิตแต่อย่างใด เนื่องจากสามารถสั่งสินค้าอื่นๆ ได้จากกลุ่มโรงงานของบริษัทในเครือในประเทศใกล้เคียงได้ นอกจากนี้โรงงานในไทยยังส่งสินค้าให้กับประเทศอื่นๆ อีกด้วย ดังนั้นจึงยังไม่มีความจำเป็นที่จะขยายกำลังการผลิตในเร็วนี้
อย่างไรก็ตาม จากปัจจัยการถดถอยของเศรษฐกิจ การเติบโตของตลาดลดลง ทำให้บริษัทต้องออกผลิตภัณฑ์ที่เน้นดีไซน์และเทคโนโลยีเข้ามาผสมผสานมากขึ้น โดยล่าสุดได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ คือชุดสุขภัณฑ์ในห้องน้ำภายใต้ชื่อ "โมเมนท์" ซึ่งมีรูปแบบที่ทันสมัยในลักษณะทรงเรขาคณิต อีกทั้งยังนำเทคโนโยลีน้ำล้นเข้ามาใช้ โดยไม่มีรูหรือช่องน้ำล้นให้เห็น แต่จะซ่อนอยู่ภายในโดยใช้เทคนิค "กาลักน้ำ" ซึ่งจะช่วยให้น้ำไม่ล้นออกมาข้างนอกอ่าง สินค้าดังกล่าวเจาะกลุ่มลูกค้าอายุ 25-35 ปี เพื่อสร้างความเติบโตให้กับบริษัทอย่างต่อเนื่อง สำหรับราคาขายสุขภัณฑ์ชุดดังกล่าวจะอยู่ที่ระดับ 35,000-40,000 บาทต่อชุด ขึ้นอยู่กับรูปแบบของอ่างล้างหน้า
"การที่บริษัทฯเจาะกลุ่มสินค้าระดับบนนั้นเนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีไลฟ์สไตล์เป็นของตัวเอง ต้องการความนำสมัย ทำให้สินค้าระดับดังกล่าวสามารถรักษาระดับการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้บริษัทวางแผนการเติบโตที่สูงกว่าตลาดรวม แต่หากเป็นสินค้าในระดับกลางล่างจะได้รับผลกระทบกับความถดถอยของกำลังซื้อมากกว่าสินค้าระดับบน บริษัทจึงมั่นใจว่าจะสามารถดำเนินการได้ตามเป้าโดยในสินค้าระดับบนนั้นบริษัทมีส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 45%"
นายลิฟวิงสโตน กล่าวว่า ยอมรับว่าต้นทุนการผลิตได้ปรับเพิ่มขึ้น แต่บริษัทก็สามารถลดต้นทุนการดำเนินการลงได้ทั้งเรื่องการบริหารภายใน และการบริหารในระบบเครือข่ายของกลุ่มอเมริกันสแตนดาร์ดซึ่งมีอยู่ 50 ประเทศทั่วโลกด้วย ดังนั้น จากความสามารถดังกล่าวทำให้บริษัทไม่มีแผนที่จะปรับขึ้นราคาสินค้าแต่อย่างใด ส่วนจะยืนราคาได้นานแค่ไหนนั้นยังไม่สามารถระบุได้
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|