|
ครม.จ้องโละจีอีอินวิชัน
ผู้จัดการรายวัน(4 พฤษภาคม 2548)
กลับสู่หน้าหลัก
"ทักษิณ" พร้อมโละทิ้ง "จีอีอินวิชั่น" ฐานทำไทยเสียชื่อกรณีเครื่องเอกซเรย์สนามบินสุวรรณภูมิ ชี้ค่าปรับเรื่องเล็ก ชื่อเสียงเรื่องใหญ่ ลั่นพร้อม สู้ทุกศาลหากมีการฟ้องร้อง "วิษณุ" ระบุ ครม.มีมติให้เคลียร์เรื่องให้ชัดเจนก่อน พร้อมยกเลิกสัญญาแม้จะทำให้ล่าช้าและได้ของที่ด้อยคุณภาพกว่า มอบ "อัยการสูงสุด" หาช่องฟ้องกลับ ด้านผู้บริหารแพทริออตแกล้งนักข่าวแก้เผ็ดกรณีเสนอข่าว ฝ่ายค้านแขวะ "ทักษิณ" รีบออกมาปกป้อง "สุริยะ" ระวังคนจะเข้าใจผิดว่ากินปูนร้อนท้อง
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงปัญหาการจัดซื้อเครื่องมือตรวจสอบวัตถุระเบิดของสนามบินสุวรรณภูมิที่อื้อฉาวว่า นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม ได้รายงานและอธิบายให้ที่ประชุม ครม.ฟัง และได้มีการสั่งการให้เอ็นบีไอเอ แจ้งกับคู่สัญญาว่าจะขอไม่ใช้อุปกรณ์ของบริษัท จีอีอินวิชั่น จนกว่าจะพิสูจน์เรื่องนี้ได้โดยที่ประเทศไทยไม่มีภาพลักษณ์ที่เสียหาย ทั้งที่ยังไม่ได้ซื้ออะไรเลย ยังไม่ได้มีการส่งมอบ และไม่ได้เป็นคู่สัญญาโดยตรง เพราะคู่สัญญาโดยตรงคือไอทีโอ แพทริออต กับ จีอีอินวิชั่น
"แม้ว่าเทคโนโลยีของอินวิชั่นจะดี และเราอยากได้เทคโนโลยีที่ดี แต่เรายอมที่จะใช้เทคโนโลยีอื่น เพราะชื่อเสียงของประเทศสำคัญกว่า" พ.ต.ท. ทักษิณกล่าว และว่าชื่อเสียงของประเทศสำคัญกว่า เรื่องอื่นเรื่องเล็กหมด ค่าปรับ เงินทองเรื่องเล็ก เสียเวลาเรื่องเล็ก แต่เสียชื่อประเทศไม่ได้
เมื่อถามต่อว่า ถือว่ารัฐบาลตัดบริษัท จีอีอินวิชั่นเลยใช่หรือไม่ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า จนกว่าทางจีอีอินวิชั่นจะเคลียร์ภาพลักษณ์ของประเทศไทยได้ ขณะนี้เราต้องไปดูเทคโนโลยีของที่อื่นที่สามารถนำมาใช้แทนกันได้ ไม่ว่าจะอย่างไร เราต้องรักษาศักดิ์ศรีและชื่อเสียงของประเทศ ของประเทศอื่นด้อยกว่าหน่อยก็ไม่เป็นไร ของเยอรมนี หรือของสหรัฐฯ อีกยี่ห้อก็มี ซึ่งจะส่งผลทำให้การก่อสร้างสนามบินล่าช้าออกไป แต่เสียเวลาส่วนนี้ก็ไม่เป็นไร ชื่อเสียงของประเทศสำคัญกว่า
"ถ้าหากจะมีการฟ้องร้องกันก็ไม่เป็นไร จะสู้กันกี่ศาลก็สู้ แต่ไม่มี DEAL และไม่กลัวว่าจะทำให้การเปิดใช้สนามบินล่าช้าไปกว่าที่กำหนดในเดือนกันยายนปีนี้ เรื่องนี้เรื่องเล็ก เรามีวิธี เราใช้เครื่องอื่นก็ได้ สนามบินดอนเมืองก็ยังใช้ได้ เครื่องโบราณเรายังอยู่ เครื่องสมัยใหม่ อยากใช้ของดี แล้วมีปัญหา จะใช้ของโบราณไปก่อน ก็ไม่ต่างกัน" นายกฯ กล่าว
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า จะพยายามเร่งการก่อสร้างทุกอย่างให้เสร็จในเดือนกันยายน หลังจากนั้นจะตรวจรายละเอียด แล้วให้ทางองค์การบินสากลระหว่างประเทศ (IKO) ออกประกาศนียบัตร เรียบร้อยเมื่อไร เป็นที่ยอมรับว่าการให้บริการปลอดภัยก็จะเปิด แต่อันดับแรกต้องสร้างให้เสร็จก่อน เรื่องของการติดตั้งเครื่องตรวจวัตถุระเบิดจะไม่มีผลกระทบ และจะหาเครื่องใหม่มาทดแทนให้ทัน
"วิษณุ" จี้สหรัฐฯเยียวยาความเสียหาย
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมครม.ถึงเรื่องนี้ว่า นายสุริยะ ได้ชี้แจงต่อที่ประชุมถึงปัญหาต่างๆ โดยเฉพาะในส่วนของสัญญานั้น เรื่องนี้กระทรวงคมนาคม ถือว่าการกล่าวหาทำให้เสียหาย เพราะว่าไม่เป็นความจริง ผู้กล่าวหาสมควรจะเยียวยา บำบัด ปัดป้อง แก้ไขความเสียหาย มิฉะนั้นอาจจะต้องนำไปสู่การยกเลิกสัญญา เว้นแต่ทางฝ่ายสหรัฐฯ จะแก้ไขความเสียหายให้เราจนเป็นที่พอใจ
"การพูดอย่างนี้แสดงให้เห็นว่า หากเราไม่แน่จริง ก็ไม่กล้าพูด เพราะถ้าทางนั้นมีหลักฐานดีๆ เขาอาจจะแฉกลับก็ได้ แต่เราถือว่ากระทรวงคมนาคมบริสุทธิ์และสุจริต ฉะนั้นควรประกาศให้ชัดเจนว่า ควรจะเลิกสัญญาหรือไม่รับสินค้าที่สั่งไป หรือหากส่งมอบมาก็ไม่รับ หรือรับมาก็ไม่จ่าย เพราะเราอยู่ในภาวะลังเลว่า จะซื้อต่อหรือไม่ เมื่อทางนั้นทำแบบนี้ ก็ต้องใช้วิธีแบบนี้แก้ไข"
นายวิษณุ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้ตัดสินใจเลือกใช้วิธีที่นำไปสู่การยกเลิกสัญญา โดยออกเป็น มติครม. เพราะการกล่าวหานั้นไม่มีมูลความจริง และทำให้ประเทศไทยเสียหาย ฉะนั้น จึงสั่งให้ทางกระทรวงคมนาคมเปิดเผยสัญญาทั้งหมดที่มีอยู่ให้สาธารณชนทราบ และในระหว่างนี้คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่ตั้งขึ้นมาก็ให้ดำเนินการจนจบ กระบวนความ เมื่อตรวจสอบเสร็จต้องเปิดเผยให้สาธารณชนรับทราบ นอกจากนี้ยังให้คณะกรรมการ กำกับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และกระทรวงคมนาคม ดำเนินการติดต่อคู่สัญญา คือไอทีโอว่า เราไม่พร้อมรับโอนสิ่งของที่สั่งซื้อ ไม่พร้อมชำระราคาในส่วนนั้น กำลังพิจารณาเพื่อเตรียมการไปสู่การยกเลิกสัญญา เพราะของที่เราซื้อนั้น ถูกกล่าวหาว่า ประพฤติปฏิบัติมิชอบ เพราะถ้าปฏิบัติมิชอบจริงก็ไม่ควรจะมีอีกต่อไป
ให้อัยการช่วยหาช่องทางฟ้องร้อง
นายวิษณุ กล่าวด้วยว่า ขอให้ทางสหรัฐฯ หรือใครก็ตามที่เกี่ยวข้อง ซึ่งอาจเป็นเอกชนไม่ใช่กระทรวงยุติธรรมก็ได้ หาทางบำบัดปัดป้องเยียวยาความเสียหาย หากต้องมีคำชี้แจงว่า จะต้องขอโทษ ขอขมา หรือจะตรวจสอบต่อไปจนได้ความว่าอย่างไร ก็ว่ามาให้หมดสิ้นถ้อยกระทงความจนกว่าจะชัดเจน จากนั้นค่อยมาว่ากันต่อว่าเราจะซื้อหรือไม่
"สมมติว่าการซื้อครั้งนี้มีปัญหาและมีข้อกล่าวหาเราก็พร้อมจะซื้อในสิ่งที่มีคุณภาพด้อยลงมาเล็กน้อย เพราะมีหลายเจ้าที่เสนอ และเราพร้อมจะซื้อตรง ถ้าคิดว่าจะซื้อสินค้าชิ้นนี้ต่อ ก็เป็นเรื่องที่ผู้ขายที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่ บริษัท แพทริออต บริษัทไอทีโอ บริษัทอินวิชั่น บริษัทจีอี กระทรวงยุติธรรม หรือแม้แต่ กลต.ของสหรัฐฯ ต้องทำให้เกิดความชัดเจนกระจ่างแจ้งขึ้นมาว่า เรื่องราวเป็นมาอย่างไร และต้องแก้ไขความเสียหายให้เรามาพูดกับเรา เวลานี้จึงไม่มีความจำเป็น หากจะช้า ก็ช้า ขณะเดียวกันได้ส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดพิจารณาด้วยว่า การกล่าวหาประเทศไทยเช่นนี้ ทำให้เกิดความเสียหาย สมควรฟ้องร้องดำเนินคดีเช่นใดได้บ้าง ซึ่งถ้าฟ้องต้องไปที่สหรัฐฯ และดูว่าจะฟ้องใครได้บ้าง ทั้งหมดคือมติที่ได้ว่ากัน" นายวิษณุกล่าว
นายวิษณุ กล่าวว่า นายกฯทำตามข้อเสนอของกระทรวงคมนาคม ซึ่งได้เสนอแนวทางมาสองข้อ นายกรัฐมนตรีถามกลับมา หากเลิกสัญญาจะไม่เสียหายหรือ รมว.คมนาคมบอกว่าไม่เกิด ทั้งนี้มันอาจมีบ้าง แต่มันคุ้มกัน หากจะเสียหายแค่นี้แล้วเลิกกันมันคุ้มที่จะเสียแค่นี้ แต่เรียกเกียรติยศประเทศกลับมาได้
เมื่อถามว่า ครม.ประเมินหรือไม่ว่ารัฐจะเสียหายอะไรบ้าง หากมีการยกเลิกสัญญาจริง นายวิษณุ กล่าวว่า หนึ่ง ความล่าช้าที่เกิดขึ้น สอง ระบบที่ได้มาใหม่อาจด้อยกว่าระบบเดิม และสาม อาจจะต้องมีการฟ้องร้อง แต่เราอาจจะชนะก็ได้
ส.ส.วังน้ำยมให้กำลังใจให้สุริยะ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนการประชุมพรรคไทยรักไทย ในช่วงบ่ายวานนี้(3พ.ค.) ได้มีส.ส.ของพรรคประมาณ 50 คน ส่วนใหญ่เป็นส.ส.ภาคอีสานกลุ่มวังน้ำยม ได้รอรับ นายสุริยะ ที่เดินทางไปร่วมประชุมพรรค โดยส.ส.กลุ่มดังกล่าวได้มอบดอกไม้ เพื่อเป็นกำลังใจแก่นายสุริยะด้วย
รายงานข่าวแจ้งว่า ในการประชุมพรรค นายสมชาย สุนทรวัฒน์ รองหัวหน้าพรรค ได้ขึ้นกล่าวบนเวทีว่า ในวันนี้ ขอให้ส.ส.ทุกคนตั้งใจฟังนายสุริยะ ชี้แจงกรณีการทุริตซื้อเครื่องตรวจวัตถุระเบิดที่สนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งพอฟังจบแล้วก็จะทำให้ ส.ส.เข้าใจในเรื่องราวต่างๆ และมั่นใจในตัวนายสุริยะ มากขึ้น ซึ่งภายหลังที่นายสมชายกล่าวจบ นายสุริยะได้ขึ้นชี้แจงต่อ ส.ส.ในที่ประชุมว่า เรื่องที่เกิดขึ้นมีการเปิดเผยมาจากต่างประเทศ พอเป็นข่าวจึงทำให้ทุกคนเกิดความตระหนก แต่ยืนยันว่า ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ และหาก ส.ส.คนใดมีวิธี หรือช่อง ทางใดที่จะให้ตนแสดงความบริสุทธิ์ ก็ขอให้บอก จะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ ทั้งนี้ สาเหตุที่เกิดขึ้นน่าจะมาจากการปั่นราคา หรือเล่นเกมต่อรองกันเองระหว่างบริษัทคู่แข่ง ที่พยายามจะใช้เทคนิคต่อรอง ซึ่งในที่ประชุมครม.ก็ได้เสนอให้นายกฯเลื่อน การอนุมัติซื้อเครื่องตรวจวัตถุระเบิดไปก่อน แต่ถ้าบริษัท อินวิชั่น เขาไม่เคลียร์ เราก็อาจจะตัดสินใจไม่ซื้อเครื่องจากเขา รวมทั้งจะฟ้องร้องในฐานะที่ทำ ให้เราเสียหาย ซึ่งตรงนี้กำลังหาช่องทางที่จะไม่ให้เรา เป็นฝ่ายเสียค่าโง่ด้วย ขอให้ส.ส.ทุกคนสบายใจได้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากนายสุริยะกล่าวจบ ส.ส.ที่ประชุม ก็ยืนขึ้นปรบมือให้กำลังใจนายสุริยะ
"วรพจน์" ฉุนนักข่าวเลยแกล้งพาไปดูหนัง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 16.00 น.วานนี้ นายวรพจน์ ยศะทัตต์ กรรมการผู้จัดการบริษัท แพทริออต บิสซิเนส คอนซัลแทนส์ จำกัด ได้แจ้งว่า จะมีการแถลงข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ที่โรงแรมโซฟิเทล เซ็นทรัล ลาดพร้าว ชั้น 22 ซึ่งมีผู้สื่อข่าวไปทำข่าวกันจำนวนมาก แต่นายวรพจน์ซึ่งไปถึงประมาณเวลา 16.30 น. ได้พานักข่าวไปที่บริเวณโรงภาพยนตร์ เอฟเอสเอ็กซ์ ชั้น 6 เซ็นทรัลพลาซาแทน ในระหว่างทางนักข่าวได้รุมล้อมเพื่อสัมภาษณ์ในระหว่างทางเดินไปตลอด แต่นายวรพจน์บอกว่า ให้ฝ่ายกฎหมายเดินทางมาก่อน เพราะไม่เก่งเรื่องกฎหมาย เนื่องจากคงต้องฟ้อง จีอีอินวิชั่น เรื่องที่จะทำสัญญาขายตรงให้กับทอท.
เมื่อถึงโรงภาพยนตร์ นายวรพจน์ ได้เดินทางเข้าไปในโรงที่กำลังฉายภาพยนตร์อยู่ แต่นักข่าวถูกไล่ออกมา เพราะทางโรงห้ามนำกล้องเข้าไปในโรงภาพยนตร์ จากนั้นนายวรพจน์เดินออกมาและบอกว่า หลายวันมานี้โมโหและโกรธนักข่าวเลยขอแกล้งบ้าง ซึ่งจริงๆ แล้วโรงหนังดังกล่าวได้มีการเหมารอบเวลา 16.30 น.ไว้ เพื่อให้นักข่าวเข้าไปดูหนังเรื่อง 7 ประจัญบาน หลังการแถลงข่าวจบ เพื่อให้คลายเครียด
ยอมรับยกเลิกเป็นทางออกที่ดี
นายวรพจน์ กล่าวว่า เห็นด้วยกับการที่นายกรัฐมนตรีให้ล้มข้อตกลงเรื่องการซื้อเครื่องตรวจวัตถุระเบิดรุ่น CTX จากบริษัท จีอีอินวิชั่น แต่ควรดูว่า จะทำอย่างไรกับจีอี จะสู้กับเขาหรือเปล่า เพราะกฎหมายของอเมริกาอันดับ 1 ที่ผ่านมาไทยยอมจีอีมาตลอด การยกเลิกจะเป็นทางออกที่ดีกว่า
"ผมจะบริจาคเงิน 50 ล้านบาท ซึ่งเท่ากับทุนจดทะเบียนบริษัทให้ไปจัดตั้งกองทุนขึ้นมาเพื่อ ต่อสู้เรื่องนี้ และตอนนี้ก็มีข่าวว่า ปปง.จะยึดทรัพย์ด้วย"
ขณะนี้ได้รับเงินค่างวดตามสัญญาที่ทำกับไอทีโอแล้ว 400 ล้านบาท แต่ก็พร้อมจะคืนให้ แต่เงินดังกล่าวยังไม่จ่ายให้จีอีอินวิชั่น เพราะจีอีมีเงื่อนไขเมื่อวางบิลต้องจ่ายเงินภายใน 5 วัน ขณะที่ในการทำธุรกิจทั่วไปจะจ่ายเงินหลังวางบิล 45-50 วัน โดยบริษัทแพททริออต ได้ลงนามกับจีอีอินวิชั่น เพื่อซื้อเครื่อง CTX เมื่อเดือนมิ.ย. 47 ซึ่งขณะนี้การส่งมอบล่าช้า และหากสนามบินล่าช้า เพราะรอเครื่องนี้ก็ไม่ใช่ความผิดของเรา เพราะเรามีเงินแต่บริษัทไม่ยอมส่งของ ส่วนที่แพททริออต มีสัญญากับไอทีโอ แต่ส่งของไม่ได้ ผิดหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับไอทีโอ
ขณะนี้บริษัทแพทริออต เป็นคู่สัญญากับไอทีโอ ในการเป็นผู้รับเหมาช่วงในการจัดหาเครื่องเอกซเรย์ ซึ่งหากตอนนี้จะเปลี่ยนยี่ห้อ ไม่เอาซีทีเอ็กซ์ ก็ทำได้ แต่ต้องมีการปรับระบบบางส่วน ยอมรับเสนอรุ่น CTX เพราะเป็นรุ่นที่ดีที่สุด ซึ่งหากจะโกงคงไม่เลือก CTX เพราะแพง งบมี 4,300 ล้านบาท เหลือเงินเต็มกระเป๋า ตอนนี้ไอทีโอควรออกมา เพราะเสียหายมาก
นายวรพจน์ ยืนยันว่าไม่รู้จักเป็นการส่วนตัวกับนายสุริยะ เพียงเคยเจอเมื่อหลายปีก่อนในสนามกอลฟ์ และเคยเจออีกครั้งที่ดอนเมือง ตอนนี้ถูกเรียกไปต่อว่าหลายหน และให้บอกว่าจ่ายเงินไปให้ใครบ้าง
"ผมยืนยันว่าไม่ได้จ่ายให้ใคร ถ้าจ่ายต้องมีหลักฐาน เพราะถ้าจะเอาเงินต้องทำหนังสือไปขอจีอี เอาเงินไปทำอะไร ให้ใคร ต้องมีหลักฐาน และหากได้เงินมาจริง จำเป็นไหมที่ต้องเอาไปให้ต่อ เอาไว้เองไม่ดีกว่าหรือ แต่ถ้าอยากได้เงินแล้วทำให้ประเทศเสียหายมากจำเป็นหรือไม่ สัญญาผมเพียง 2,000 กว่าล้าน มีงานอีกเป็น 10,000 ล้านบาท จะมาเอาอะไรเพียงแค่นี้"
บริษัทเตรียมฟ้องจีอีหากขายตรงให้ทอท.
นายรุจิระ บุญนาค ที่ปรึกษากฎหมาย บริษัทแพทริออต กล่าวว่า แพทริออต ทำสัญญากับ จีอีอินวิชั่น เพื่อจัดจำหน่ายเครื่องซีทีเอ็กซ์ ในประเทศไทย แต่เมื่อมีการเจรจาระหว่างจีอีกับ ทอท.เพื่อซื้อขายตรงโดยไม่ผ่านแพทริออต หรือไม่ได้รับความยินยอมจากบริษัท ทางบริษัทก็จะฟ้องจีอี เพื่อเรียกค่าเสียหาย เท่ากับมูลค่าสัญญาที่ทำกับ ไอทีโอ 2003 ล้านบาท โดยจะฟ้องทันทีที่มีการลงนามซื้อตรง ทั้งศาลในประเทศไทยและอเมริกา
ส่วนเรื่องเงินสินบนต้องทำความเข้าใจ จีอีอินวิชั่น อาจให้ข้อมูลที่กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ เพื่อประโยชน์ของจีอีอินวิชั่นเอง เพื่อทำให้ประเทศไทยเสียหาย ถ้ารัฐบาลไทยและสหรัฐอเมริกาจริงใจ เรื่องนี้ต้องมีการดำเนินการต่อ เพราะจะเป็นการให้ข้อมูลเท็จต่อเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่ง กม.ไทยต้องจำคุก 5 ปี ในสหรัฐฯคงมีเหมือนกัน
แขวะ "ทักษิณ" ป้อง "สุริยะ" เพื่อป้องตัวเอง
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ข้อมูลที่ปรากฏในเว็บไซต์ ของ กลต.และกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ เป็นข้อมูลที่น่าเชื่อถือมากกว่า ดังนั้น ตนจึงหนักใจว่า ทำให้นายกรัฐมนตรีขาดความเชื่อถือ เพราะเรื่องหนองงูเห่าเป็น เรื่องที่สำคัญ และคนทั้งชาติกำลังติดตามและจดจ่อว่าเมื่อไรจะเสร็จ เปิดใช้บริการได้ นายกฯน่าจะใช้โอกาสนี้สะสางเรื่องนี้ ท่านคงไม่เพียงแค่พึงพอใจใน การแก้ปัญหาเครื่องตรวจระเบิดที่มีปัญหากับบริษัทอินวิชั่นเท่านั้น ยังมีเรื่องการจัดซื้อจัดจ้างอีกหลายหมื่นล้านบาท ซึ่งประชาชนไม่รู้
"ผมเข้าใจดีว่านายกฯตั้งใจจะทำสนามบินนี้ ถึงขนาดลงทุนเป็นประธานคณะกรรมการเร่งรัดพัฒนาสนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อที่จะให้การจัดซื้อจัดจ้างเป็นไปโดยรวดเร็ว ไม่ต้องเสนอเรื่องเข้า ครม.เท่ากับมีคณะกรรมการชุดเล็ก มอบอำนาจจากครม.มาตัดสิน แต่พอเกิดเรื่องนี้ก็เป็นห่วงท่านว่า บางเรื่องจะพันตัวเอง เพราะวันที่ท่านสืบสานเรื่องนี้มันก็จะไปพันตัวเอง ผมคิดว่าท่านควรจะรีบสะสาง นอกจากเรื่องเครื่องตรวจระเบิดแล้วยังมีรายการอื่นๆ ที่เข้าข่ายในลักษณะนี้อีกหรือไม่ อย่าปล่อยให้เป็นข่าวแล้วไปปูดที่เมืองนอกก่อน แล้วเราค่อยมาเช็ดถูทีหลัง"
นายสุเทพกล่าวว่า อยากเรียนนายกฯ ว่าเวลาจะทำอะไรต้องทำให้ชัดเจน ไม่ใช่จะปรับครม.แล้วปรับนายสุริยะออก แล้วเรื่องนี้จะจบ อยากให้นายกฯ ออกมาสะสางว่า มีการอนุมัติโครงการอะไรบ้างในช่วง ที่ท่านนั่งเป็นประธานกรรมการเร่งรัดฯ ให้จบไปทีเดียวไม่ต้องมาเล่นหนังยาว
และอยากเตือนว่าอย่ารีบออกมาปกป้องนายสุริยะ เพราะเดี๋ยวคนจะมองว่า ท่านต้องการปกป้องตัวเองมากกว่าเรื่องจะยุ่งไปใหญ่ แต่ก็ยังดีที่วันนี้ที่ท่านกลับลำ เพราะวันนั้นท่านปกป้องคนของตนเอง แต่วันนี้ท่านจะรู้สึกแล้วว่า ไม่ค่อยถูกใจประชาชน ท่านเล่นตามกระแสเก่ง
ปชป.ทำหนังสือ 7 ฉบับ ถามข้อเท็จจริง
นายถาวร เสนเนียม ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการติดตามตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้างเรื่องนี้ว่า การที่กลต.สหรัฐฯ ออกมากล่าว หาไทยรับสินบนเช่นนี้ ทำให้ประเทศไทยเสียหาย ดังนั้นจึงทำหนังสือ 7 ฉบับ ถึง 1. เลขาธิการองค์การ สหประชาชาติ ผ่านตัวแทนประจำภูมิภาคที่สำนักงานในประเทศไทย 2. รมว.ต่างประเทศสหรัฐฯ 3. กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ 4. เอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำประเทศไทย 5. ประธานกลต.สหรัฐฯ 6. ผู้ว่าการธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น และ 7. พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อสอบถามข้อเท็จจริง
นายถาวร กล่าวว่า การที่ตนทำหนังสือถึง พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะอยู่ในฐานะเป็นประธานคณะกรรมการบริหารการพัฒนาท่าอากาศยาน สุวรรณภูมิ และได้ประกาศต่อสาธารณชนไว้ว่า จะให้สนามบินสุวรรณภูมิเป็นวาระแห่งชาติ และเป็น Pride of Asia และจะเปิดใช้บริการในวันที่ 29 ก.ย.48 ที่สำคัญนายกฯ ประกาศว่า การจัดซื้อจัดจ้างในสนามบินสุวรรณภูมิ บริสุทธิ์โปร่งใสไม่มีการทุจริต รวมทั้งการ จัดซื้อระบบสายพานและเครื่องมือตรวจสอบวัตถุระเบิด ซึ่งขัดกับข้อมูลของทางสหรัฐฯ ที่ยืนยันว่า มีการให้และรับสินบนเจ้าหน้าที่และนักการเมืองไทย
ดังนั้น นายกฯ ควรพิจารณาหาความจริงว่า มีการให้สินบนกับเจ้าหน้าที่ และนักการเมืองไทยจริงหรือไม่ หรือเป็นการสร้างข่าวของสหรัฐฯ ซึ่งทำให้ประเทศไทยเสียชื่อเสียง
กก.สอบสวนตรวจสอบใน 5 ประเด็น
นายบุญศักดิ์ เจียมปรีชา อธิบดีกรมบัญชีกลาง ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ในเรื่องนี้เปิดเผยว่า วานนี้ (3 พ.ค.) คณะกรรมการได้มีการประชุมกันเป็นครั้งแรก เพื่อกำหนดประเด็นและแนวทางในการตรวจสอบ ก่อนที่จะเดินหน้าตรวจสอบเรื่องให้เรียบร้อยภายในระยะเวลา 15 วัน ตามที่คณะกรรมการชุดใหญ่ ที่มีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กำหนดกรอบไว้
สำหรับประเด็นการตรวจสอบที่ได้จากการประชุมในครั้งนี้ มีทั้งสิ้น 5 ประเด็น ได้แก่ 1. เหตุใดการจัดซื้อวัสดุอุปกรณ์ดังกล่าว จึงไม่ทำโดยตรงระหว่างรัฐบาลกับผู้ผลิต 2. ราคาที่ตกลงกันและอาจแพงขึ้นในภายหลัง แพงขึ้นเพราะเหตุใด มีความสมเหตุสมผลหรือไม่ อย่างไร 3. รัฐบาลเสียประโยชน์หรือไม่ อย่างไร 4. มีเจ้าหน้าที่ของรัฐ เข้าไป เกี่ยวข้อง หรือเรียกรับผลประโยชน์หรือไม่ และ 5. อาจเสนอแนะมาตรการป้องกัน และแก้ไขที่จำเป็น เพื่อให้สนามบินสุวรรณภูมิแล้วเสร็จทันใช้ตามกำหนด
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|