"ยรรยง" คัมแบ็ก ปั้นทราฟฟิกคอร์นเนอร์ สู่มาร์เก็ตติ้ง โซลูชั่น คัมปานี


ผู้จัดการรายวัน(27 พฤษภาคม 2545)



กลับสู่หน้าหลัก

พลิกยุทธศาสตร์ ทราฟฟิกคอร์นเนอร์ จากคนขายคอนเทนต์ไปสู่การเป็นเจ้าของเครือข่ายขนาดย่อม เริ่มจากออดิโอเท็กซ์ 108 1009 ก่อนขยับขยายไปเล่นไอพี สร้างพลังผนึกธุรกิจ 4 สายหลัก

มุ่งเป็นบริษัท มาร์เก็ตติ้ง โซลูชั่น ไม่ขายแค่โฆษณา แต่ยกระดับเป็นพาร์ตเนอร์ ช่วยคิด ช่วยขาย ยรรยง อัครจินดานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทราฟฟิกคอร์น เนอร์ โฮลดิ้ง

เดิมเคยเป็นผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการด้านการตลาด บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิสหรือเอไอเอส เป็นคนคิดโลโก จีเอสเอ็ม 2 วัตต์ เป็นแม่ทัพด้นการตลาดมานานกว่า 12 ปี

เป็นคนปลุกปั้นให้เอไอเอสเป็นผู้นำในตลาดโทรศัพท์มือถือ กลุ่มบริษัท ทราฟฟิกคอร์นเนอร์ ทำธุรกิจด้านสื่อ ทำรายการทีวีเป็นหลัก กลุ่มผู้ก่อตั้งมีสุรพงษ์ เตรียมชาญชัย ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ

ที่มีพื้นฐานจากงานโฆษณา เอเจนซี่ มีประสบการณ์บริหารงานสื่อโฆษณา กีฬาและบันเทิง มานานกว่า 10 ปี หลังจากนั้นขยายธุรกิจไปทำรายการวิทยุ ธุรกิจไปได้ดี จนมาถึงช่วงธุรกิจดอทคอมบูม

ก็ขยายไปสู่อินเทอร์เน็ต เว็บไซต์ ฮอตลีกดอทคอมหรือเรียกว่าแตกไลน์เข้าสู่ธุรกิจนิวมีเดีย วันนั้นของทราฟฟิกคอร์นเนอร์ อยู่ในภาคเนื้อหาสาระข้อมูลหรือที่เรียกว่าคอนเทนต์

เป็นการสร้างคอนเทนต์มาให้บริการผ่านเน็ตเวิร์กคนอื่น ตัวอย่างเล็กๆในเชิงธุรกิจที่ทั้งคู่ร่วมกันทำอย่างฮอตลีกดอทคอม กลายเป็นเว็บไซต์ที่เลี้ยงตัวเองรอด ไม่ปิดตัวเองไปในช่วงดอทคอมซึม

เคยถูกเสนอซื้อด้วยเงินก้อนโตจากเจ้าของเน็ตเวิร์กอย่างชินนี่ดอทคอมในสมัยหนึ่งเพราะมองเห็นรูปแบบธุรกิจที่ทำเงินได้จริง เมื่อยรรยงโบกมือลาจากเอไอเอส สุรพงษ์จึงชวนมาทำงานด้วย

ภารกิจของยรรยงคือพัฒนาการเติบโต เอาทั้งด้านเน็ตเวิร์กและด้านคอนเทนต์ มาตอบสนองความต้องการของลูกค้า จนกลายมาเป็นบริษัท ทราฟฟิกคอร์นเนอร์ โฮลดิ้ง

"ภารกิจของผมคือการสร้างชื่อบริษัท ระบบริหารซึ่งต้องเอาไอทีมาช่วย แบ่งสายธุรกิจเป็นฟังก์ชั่นที่ชัดเจน มีการจัดกลุ่มเพื่อสร้างพลังผนึกในแต่ละธุรกิจ" ยรรยง อัครจินดานนท์ CEO

ทราฟฟิกคอร์นเนอร์โฮลดิ้งกล่าว "คุณยรรยง มีประสบการณ์ในบริษัทขนาดใหญ่ เขาจัดการงานให้เป็นระบบได้ดีมาก ถือว่าเป็นช่วงสำคัญมากเพราะเราต้องการเอา

ทราฟฟิกคอร์นเนอร์เข้าตลาดหลักทรัพย์" สุรพงษ์ เตรียมชาญชัย COO กล่าว ทราฟฟิกคอร์นเนอร์ ภายหลังจัดระเบียบ แบ่งเป็น 4 สายธุรกิจหลักคือ1.ทีวี 2.วิทยุ 3. อีเวนท์ มาร์เก็ตติ้ง และ 4.นิวมีเดีย

โดยประ กอบด้วย 6 บริษัทคือ 1.บริษัท ทีวี ฟอรัม ประกอบธุรกิจสื่อบันเทิงทางทีวี เช่น รายการถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์จากอังกฤษ บุน- เดสลีกา เยอรมนี การถ่ายทอดรายการกีฬาอื่นๆ

จากต่างประเทศและในประเทศ และการจัดคอนเสิร์ตซี สแควร์ 2.บริษัท ทราฟฟิกคอร์นเนอร์ เรดิโอ ประกอบธุรกิจสื่อบันเทิงทางทีวีเป็นผู้บริหารคลื่นลูกทุ่งเอฟเอ็ม 95 MHz,Soft 107

MHzและคลื่นคนดนตรี 94 MHz 3.บริษัท ดรีมมีเดียประกอบธุรกิจบริหารลิขสิทธิ์และสร้างสรรค์งานดนตรี 4.บริษัท บลิส เอ็นเตอร์เทนเมนท์ ประกอบธุรกิจ เว็บไซต์ ฮอตลีกดอทคอม,ลูกทุ่ง เอฟเอ็ม

ดอทคอม บริการ SMS ให้กับผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือและบริการเนื้อหาสำหรับธุรกิจออดิโอเท็กซ์ 5.บริษัท ไลฟ์โปรเจค ประกอบธุรกิจเป็นผู้จัดการแสดงคอนเสิร์ตทั้งในและต่างประเทศ

การจัดกิจกรรมการตลาดต่างๆและ 6.บริษัท 108 1009 ออดิโอเท็กซ์ได้รับสิทธิจากองค์การโทร-ศัพท์แห่งประเทศไทย(ทศท.) ในการให้บริการข้อมูลผ่านทางโทรศัพท์

"เราให้นิยามบริษัทเราว่าเป็นมาร์เก็ตติ้ง โซลูชั่น คัมปานี ไม่ใช่มีเดีย คัมปานี เราไม่ได้แข่งกับแกรมมี่ถึงแม้เรามีรายการวิทยุ เราไม่ได้แข่งบีอีซีถึงแม้เราทำคอนเสิร์ต เพราะเราไม่มีศักยภาพขนาดนั้น

แต่เราใช้ความได้เปรียบของบริษัทขนาดกลางมาแข่งขันด้วย" ในเชิงยุทธศาสตร์การเป็นมาร์เก็ตติ้ง โซลูชั่น ทำให้ไม่ใช่แค่ขายโฆษณาได้แล้วจบ เพราะหากต้องการรายได้เพิ่ม

ก็มีแค่ขึ้นค่าโฆษณาหรือไม่ก็ทำรายการเพิ่มซึ่งความเสี่ยงสูง แต่การเปลี่ยนฐานะตัวเองจากแค่ขายโฆษณา ให้เป็นเหมือนพาร์ตเนอร์ เสนอโซลูชั่น ที่เป็นแพก-เกจระยะยาว

อย่างรายการถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีก 90 นาที หน้าที่บริษัท คือทำให้มันเป็นมากกว่า 90 นาทีของการแข่งขันฟุตบอล เอาทีวีเป็นหลัก หากิจกรรมมาเสริม หรือเอานิวมีเดีย

อย่างออดิโอเท็กซ์มาร่วมสนุก "เราต้องฉกฉวยประโยชน์จากกระแส แต่อย่าอ่อนล้ากับกระแส เพราะหากเราวางตัวว่าเป็นมีเดีย พอเศรษฐกิจไม่ดีต้องตัดงบโฆษณา 5 สปอตก็ลดเหลือ 1 หรือ 2

แต่สำหรับทราฟฟิก คอร์นเนอร์ เราจะเสนอรูปแบบกิจกรรมต่างๆ เพิ่มเติมเข้าไปอีก เห็นได้ชัดว่าในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาถึงเศรษฐกิจไม่ดีแต่เรามีกำไรเพราะเราคิดสิ่งใหม่ๆมาขาย" ภารกิจของยรรยง

หลังจากจัดระเบียบโครงสร้างสายธุรกิจให้เข้ารูปเข้ารอยแล้ว เขายังรับผิดขอบสายธุรกิจใหม่หรือนิวมีเดียโดยตรง ด้วยความที่คุ้นเคยมากกว่าผู้บริหารคนอื่น นิวมีเดีย คำจำกัดความเชิงกลยุทธ์คือการ

มองว่าการทำธุรกิจมีเดียใดๆที่มีรูปแบบธุรกิจต่างไปจากธุรกิจเดิม เป็นการทดลองรูปแบบธุรกิจใหม่ๆ อย่างสื่อเดิมๆก็คือมีเวลาไม่ว่าจะเป็นทีวีหรือวิทยุ แล้วก็ไปขายมีรายได้จากค่าโฆษณา

หรืออาจจัดกิจกรรม อีเวนท์มาร์เก็ตติ้งต่างๆ ได้เงินจากตรงนั้น แต่ในธุรกิจนิวมีเดีย ลักษณะการได้เงินมามันใหม่ทั้งสิ้น อย่างฮฮตลีกดอทคอม คนทั่วไปอาจรู้จักว่าเป็นแค่เว็บไซต์

แต่เป็นเว็บไซต์ที่เลี้ยงตัวเองรอด มีรายได้จาก 1.ค่าสมาชิกซึ่งรายได้น้อยแต่ประโยชน์มากจากฐานข้อมูล เพื่อใช้ในการติดตามพฤติกรรมผู้บริโภคว่ากระแสมุ่งไปทางไหน

2.รายได้หลักมาจากการขายคอนเทนต์ ผ่านระบบส่งข้อความสั้นหรือ SMS กับผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถืออย่างเอไอเอส และดีพีซี ส่วนฤดูการแข่งขันหน้า จะเริ่มให้บริการกับดีแทค ลูกค้าเสียเพียงเดือนละ

50 บาทแล้วบริษัท แบ่งรายได้คนละครึ่งกับเอไอเอส จ่ายเงินเข้าบิลเอไอเอส "ลูกค้าได้รายงานผลทันควัน เอไอเอสได้คอนเทนต์ให้บริการลูกค้า ได้ใช้ประโยชน์สูงสุดจาก SMS

เราทำคอนเทนต์ให้ออดิโอเท็กซ์อย่าง กลุ่มสามารถ เราเป็นเจ้าแรกๆที่ทำโหวตติ้งฟุตบอล แพ้ชนะ" การขายคอนเทนต์ผ่านออดิโอเท็กซ์ของกลุ่มสามารถ

ถือเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้กลุ่มสามารถกลายเป็นเบอร์ 1 ในธุรกิจออดิโอเท็กซ์ ทราฟฟิกคอร์นเนอร์ หลังจากเพราะบ่มคอนเทนต์จนได้ที่ ก็ถึงเวลาก้าวสู่การเป็นเจ้าของเน็ตเวิร์กตัวเองบ้าง

เพราะการไปใช้เน็ตเวิร์ก คนอื่น มีข้อจำกัดหลายอย่างทำให้ทำกลไกการตลาดบางอย่างไม่คล่องตัว โดยได้สิทธิให้บริการออดิโอเท็กซ์จากทศท.ในปลายเดือนมี.ค. ที่ผ่านมา และเริ่มให้บริการผ่านบริษัท

108 1009 หรือเลขหมาย 1900 444 xxx ผ่านบางรายการของช่อง 3 เขามองว่าธุรกิจออดิโอเท็กซ์ยังอยู่ในช่วงตั้งไข่ แนะนำตัวเท่านั้น รายได้หลักยังมาจากกีฬาและหมอดู

ซึ่งในแง่การตลาดถือว่าเป็นการตามพฤติกรรม ตามกระแสผู้บริโภค ซึ่งถือเป็นเรื่องจำเป็นเพื่อความอยู่รอด แต่ในเฟสต่อไปต้องถึงระดับสร้างพฤติกรรมให้เกิดกับผู้บริโภค เช่น

การให้ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพ หรือให้คำปรึกษาข้อกฎหมายต่างๆ เพียงแต่ช่วงแรกของธุรกิจต้องเริ่มจากบันเทิงทั่วๆไปถือว่าอยู่แค่ระดับผิวๆ แต่ในระยะยาวหากธุรกิจจะรุ่งเรือง ต้องลงลึกในพฤติ-

กรรมผู้บริโภค ดึงพฤติกรรมออกมาให้ได้ ไม่ใช่สนองตอบอย่างเดียว ปัจจุบันสัดส่วนรายได้ทราฟฟิก คอร์นเนอร์ อยู่ในระดับ 50/30/10/10 (ทีวี/วิทยุ/กิจกรรม/นิวมีเดีย)

แต่ในอนาคตนิวมีเดียจะเป็นตัวทำเงินที่ดี "เทคโนโลยีไอพี โปรโตคอล จะเป็นอนาคต มีพัฒนาการที่เลิศเลอ ทำให้มีจินตนาการสร้างบิสซิเนส โมเดลใหม่ๆ อย่างไม่มีขีดจำกัด

ทราฟฟิก คอร์นเนอร์ เข้าตลาดMAI

ทราฟฟิกคอร์เนอร์ โฮลดิ้งจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ใหม่ (MAI) และทำการซื้อขายในวันที่ 5 มิ.ย.นี้ โดยเปิดขายให้ประชาชนทั่วไปในวันที่ 28-29 พ.ค.จำนวน 30 ล้านหุ้นในราคาหุ้นละ 4.50

บาท จากราคาพาร์ 1 บาท บริษัทจะได้เงินจากการระดมทุนในครั้งนี้ 135 ล้านบาท โดยจะนำเงินไปใช้ในการซื้อลิขสิทธิ์คอนเสิร์ตและราย การถ่ายทอดสดกีฬาต่างประเทศ และเชื่อ

ว่าการเติบโตของธุรกิจ 30-35% จะช่วยทำให้บริษัทเข้าขดทะเบียนในตลดาหลักทรัพย์นได้ภายในเวลา 2 ปี หลังเข้าตลาด MAI ทราฟฟิกคอร์น เนอร์ โฮลดิ้ง จะมีทุนจดทะเบียน 100

ล้านบาทโดยสุรพงษ์ เตรียมชาญชัยและวินิจ เลิศรัตนชัย กรรมการบริษัทจะถือหุ้นรวม กันเหลือ 30% จากเดิมที่ถือ 52.86% และจะจ่ายปันผลทันที 50% สำหรับผลประกอบการในปี 2544 ที่ผ่านมา

มีกำไรสุทธิ 33.16 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 22.10 บาท พีอีเรโช 22 เท่าพีอี กลุ่ม 30 เท่าและในปีนี้คาดว่าจะมีรายได้ตากค่าโฆษณามากขึ้นโดยเฉพาะในช่วงการแข่งขันฟุตบอลโลก ที่ธุรกิจวิทยุ

น่าจะมีการเติบโตไม่ต่ำกว่า 50% ส่วนธุรกิจทีวีจะเติบโตประมาณ 30%

ออดิโอเท็กซ์มองเรื่องเอาไอพีมาเกี่ยวข้อง การสื่อสารข้อมูล หาบริการใหม่ๆ มันเหมือนเด็ก ต้องใช้เวลาในการเจริญเติบโต ต้องหาที่อยู่ให้เหมาะสม"



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.