ปตท.จ่าย2หมื่นล.ฮุบทีพีไอ30%


ผู้จัดการรายวัน(29 เมษายน 2548)



กลับสู่หน้าหลัก

"ปตท." ตีราคาซื้อหุ้นทีพีไอที่ราคาหุ้นละ 3.30 บาท จำนวน 6.14 พันล้านหุ้น หรือ 30% รวมเม็ดเงินกว่า 2 หมื่นล้านบาท ขณะที่ "ปลัดคลัง" ปิดปากเงียบเรื่องราคา แม้ได้ข้อสรุปเรียบร้อยแล้ว เตรียมเซ็นสัญญาซื้อขายปลายพ.ค.นี้ ระบุราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงหลังทำ "ดิว ดิลิเจนซ์" รอบใหม่ ด้านผู้บริหารปตท. ยันราคาเสนอซื้อไม่ทำให้รายย่อยเสียเปรียบ แม้ "ประชัย" สวนทันควัน "รัฐปล้นประชาชน" กดราคาต่ำ

วานนี้ (28 เม.ย.) นายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล ปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะทำงานจัดหาผู้ร่วมลงทุนและการจัดสรรส่วนทุนและการขายหุ้นเพิ่มทุนของบริษัททีพีไอโพลีนจำกัด (มหาชน) หรือ TPIPL ตามแผนฟื้นฟูของบริษัท อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TPI เปิดเผยภายหลัง การประชุมคณะกรรมการฯว่า ที่ประชุมได้ข้อสรุปเรื่องราคา รวมทั้งเงื่อนไขในการซื้อขายหุ้นทีพีไอแล้ว แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ โดยเฉพาะราคาหุ้น เพราะจะมีผลกระทบต่อความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ

สำหรับขั้นตอนการดำเนินการต่อไปคือ การพิจารณารายละเอียดในร่างสัญญา ซึ่งพันธมิตรร่วมทุนแต่ละรายจะเสนอเรื่องให้คณะกรรมการของแต่ละแห่งพิจารณาให้ความเห็นชอบ และคาดว่าประมาณปลายเดือนพฤษภาคมนี้จะสามารถลงนามในสัญญาต่างๆ ร่วมกับพันธมิตรร่วมทุนทุกรายได้เรียบร้อย จากกำหนดเดิมที่คาดว่าจะมีการลงนามในสัญญาซื้อขายได้ประมาณวันที่ 20 มิถุนายน 2548 นี้

ส่วนในกรณีที่มีผู้สนใจเสนอราคาซื้อหุ้นทีพีไอสูงกว่าที่ราคาที่ตกลงซื้อขายกันในครั้งนี้ นายศุภรัตน์ กล่าวว่า กระทรวงการคลังจะไม่มีการทบทวนเงื่อนไขใหม่ ข้อตกลงจะเป็นไปตามมติที่ประชุมในครั้งนี้ พร้อมกับยืนยันว่า พันธมิตรร่วมทุนยังเป็นกลุ่มเดิม ขณะที่เจ้าหนี้เป็นฝ่ายที่รับเงินคืน

นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน)หรือ PTT กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการวานนี้ (28 เม.ย.) มีมติให้ปตท.เข้าลงทุนซื้อหุ้นทีพีไอจำนวน 6,142.5 ล้านหุ้น ราคาเบื้องต้น 3.30 บาท รวมมูลค่าทั้งสิ้นประมาณ 20,270 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 31.5% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด ซึ่งจะปรับลดลงเหลือ 30% หลังจากการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้แก่พนักงานของบริษัทและบริษัทย่อย อย่างไรก็ตาม เงื่อนไขและราคาซื้อขายสุดท้าย ยังต้องขึ้นอยู่กับผลการตรวจสอบสถานะของทีพีไอ และบริษัทย่อยเพิ่มเติม

ทั้งนี้ การพิจารณาโอกาสการลงทุนครั้งนี้ นายประเสริฐกล่าวว่า ปตท.ได้วิเคราะห์การดำเนินกิจการแผนธุรกิจ และประมาณการทางการเงินของ ทีพีไอและบริษัทย่อยอย่างละเอียด เพื่อให้สอดคล้องกับข้อกำหนดของปตท.ที่กำหนดอัตราผลตอบแทนขั้นต่ำจากการลงทุนไว้ไม่ต่ำกว่า 15% ต่อปี และเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ผู้ถือหุ้นของบริษัท

พร้อมกันนี้ การเข้าร่วมลงทุนในทีพีไอจะทำให้ ปตท.สามารถใช้ธุรกิจของทีพีไอเป็นฐานในการขยายการลงทุนไปสู่ธุรกิจปิโตรเคมีแบบครบวงจร (Fully Integrated) โดย ปตท.มีเป้าหมายที่จะเข้าไปปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานและสร้างมูลค่าเพิ่มให้ทีไอที่อาจยังไม่ได้ใช้งานอย่างเต็มที่ รวมทั้งมุ่งเน้นการใช้ประโยชน์จากศักยภาพของธุรกิจที่เกื้อกูลกัน หรือ Synergies ในหลายๆ ส่วน อาทิ การจัดหาน้ำมันดิบและวัตถุดิบ (Feedstock) การทำการตลาดและจำหน่าย ผลิตภัณฑ์ (Marketing and Trading) ของกลุ่มน้ำมัน และปิโตรเคมี

นายประเสริฐ กล่าวว่า ปตท. จะเข้าไปมีบทบาทในการบริหารจัดการธุรกิจทีพีไอ เพื่อให้แน่ใจว่าภายหลังออกจากแผนฟื้นฟูกิจการแล้ว ธุรกิจของทีพีไอและบริษัทย่อยจะสามารถดำเนินงานได้อย่างราบรื่น และสามารถเสริมสร้างความแข็งแกร่งในการดำเนินงานและความสามารถในการแข่งขัน ตลอดจนมีระบบบรรษัทภิบาลตามมาตรฐาน และสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้ถือหุ้นด้วย

"ปตท.คาดว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับเงื่อนไขต่างๆ ในสัญญาซื้อขายหุ้นภายในเดือนพฤษภาคม โดย ปตท.และผู้ร่วมลงทุนจะร่วมลงนาม ในสัญญาซื้อขายหุ้นกับทีพีไอและและผู้ถือหุ้นเดิมที่เสนอขายหุ้นภายในเดือนมิถุนายนนี้ โดยการชำระเงินค่าหุ้นจะเกิดขึ้นหลังจากทีพีไอและบริษัทย่อยออกจากแผนฟื้นฟูกิจการฯ ซึ่งไม่เกินวันที่ 4 พฤศจิกายน 2548 ตามแผนการฟื้นฟูกิจการฯ"

ปตท.ยันรายย่อยไม่เสียเปรียบ

นายประเสริฐ กล่าวว่า ราคา 3.30 บาทนั้น ผู้ถือหุ้นรายย่อยจะไม่เสียหายอะไร เนื่องจากผู้ถือหุ้นรายย่อยจะได้รับการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนในอัตราส่วน 1 หุ้นเดิมต่อ 1.5 หุ้นใหม่ในราคาเดียวกับที่ปตท.เสนอซื้อด้วย โดยไม่มีเงื่อนไขการห้ามขายหุ้นเหมือนที่ปตท.ในฐานะพันธมิตรทางธุรกิจ ดังนั้นเชื่อว่าราคาเสนอซื้อดังกล่าวผู้ถือหุ้นรายย่อยและกลุ่มนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ผู้ถือหุ้นเดิมจะได้ประโยชน์ เชื่อว่าหลังจากมีการเพิ่มทุนจะทำให้ราคาหุ้น TPI ไดรูทลงมาอยู่ที่ระดับ 7-8 บาท

แหล่งข่าวจากปตท. กล่าวว่า ราคาเสนอซื้อหุ้น ทีพีไอหุ้นละ 3.30 บาท ยังเป็นราคาเบื้องต้น เนื่องจากปตท.คงต้องทำดิว ดิลิเจนซ์ทีพีไอและบริษัทในเครือฯต่อไป เพราะทีพีไอมีบริษัทย่อยจำนวนมากและมีการถือหุ้นไขว้กัน จึงต้องมีการตรวจสอบสถานะและสัญญาต่างๆอย่างละเอียด คาดว่าจะสรุป ราคาแน่นอนได้ก่อนที่จะมีการชำระเงินในเดือนพ.ย. ศกนี้ ซึ่งปตท.จะไม่มีปัญหาด้านการเงินอย่างแน่นอน เพราะมีสภาพคล่องเยอะมาก

สิ้นปีบุ๊กแวลู TPI เกิน 4.10 บาท

แหล่งข่าวจากคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการทีพีไอกล่าวว่า ราคาหุ้น TPI ในกระดานที่มีการ ซื้อขายอยู่ที่ระดับ 10 บาทต่อหุ้นนั้น เห็นว่าเป็นระดับราคาที่สูงไปเล็กน้อย เพราะหลังจากคลังจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนส่วนทุนและหุ้นเพิ่มทุนใหม่ให้กลุ่มนักลงทุนใหม่ ราคาหุ้นTPI จะไดรูทลงมา ขณะที่ผู้ถือหุ้นรายย่อยจะได้สิทธิการซื้อหุ้นเพิ่มทุนในอัตราส่วน 1 หุ้นเดิมต่อ 1.5 หุ้นใหม่ ในราคาเดียวกับราคาที่เสนอขายให้ปตท.

หลังจากคลังจัดสรรหุ้นทีพีไอแล้วเสร็จคาดว่า ภาระหนี้ทีพีไอจะลดลงจาก 2.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ เหลือเพียง 800-900 ล้านเหรียญสหรัฐ ทำให้ภาระหนี้ลดต่ำกว่าแผนฟื้นฟูฯที่ระบุไว้ว่า หลังจากขายหุ้นเพิ่มทุนทีพีไอมาชำระหนี้ภาระหนี้ของทีพีไอจอยู่ที่ 1.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ ทั้งนี้เพราะผู้บริหารแผนฯ จะนำเงินที่ได้จากการเพิ่มทุนรวมกับเงินที่ได้จากการขายหุ้นทีพีไอโพลีนมาชำระหนี้ทั้งหมด ส่งผลให้ฐานะการเงินทีพีไอแข็งแกร่งขึ้น โดยคาดว่าสิ้นปี 2548 มีมูลค่าตามบัญชี (Book value) เกิน 4.10 บาท สูงกว่า ณ สิ้นปี 2547 อยู่ที่ 2.60 บาท

สำหรับราคาหุ้น TPI หลังเพิ่มทุนนั้น เชื่อว่าจะอยู่ที่ระดับ 6-8 บาท หากพิจารณาที่ P/E 10-12 เท่า โดยคาดว่าทีพีไอจะออกจากกลุ่มรีแฮบโกและการฟื้นฟูกิจการได้ภายในไตรมาส 3 ปีนี้ ซึ่งเร็วกว่าที่กำหนดไว้ในแผนฯ ว่าจะดำเนินการออกจากการฟื้นฟูฯภายในไตรมาส 4 /2548

ด้านความเคลื่อนไหวราคาหุ้นทีพีไอ วานนี้มีการปรับตัวลดลงจากวันก่อนหน้า ก่อนจะปิดการซื้อขายที่ 9.55 บาท ลดลงจากวันก่อน 0.95 บาท หรือ 9.05% มูลค่าการซื้อขายรวม 1,357.47 ล้าน บาท

ประชัยโวยรัฐปล้นประชาชน

ด้านนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้บริหารลูกหนี้ กล่าวว่า ราคาเสนอซื้อหุ้นทีพีไอของปตท.ที่ 3.30 บาท ต่ำกว่าราคากระดานที่อยู่ระดับ 10 บาท ถือเป็นการปล้นประชาชน รวมทั้งกระทรวงการคลังทำไมไม่ให้ผู้ถือหุ้นเดิมซื้อหุ้นทีพีไอ ทั้งที่ความจริงแล้วเป็นสิทธิ์ที่ผู้ถือหุ้นเดิมควรใช้สิทธิเป็นอันดับแรก

ทั้งนี้ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2547 ทีพีไอ มีสินทรัพย์รวม 1.47 แสนล้านบาท หนี้สินรวม 1.26 แสนล้านบาท รายได้จากการขาย 1.55 แสนล้านบาท และกำไรสุทธิ 1.23 หมื่นล้านบาท

นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยกล่าวว่า เงื่อนไขการซื้อขายหุ้นทีพีไอคงจะเกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย โดยเฉพาะผู้ถือหุ้นเดิมที่ไม่ใช่เจ้าหนี้ ซึ่งถือหุ้นรวมกัน 25% ส่วนประเด็นที่ทีพีไอจะออกจากหมวดฟื้นฟูกิจการ (รีแฮบโก้) นั้นจะไม่เป็นประเด็นที่สำคัญ ที่จะมีผลต่อการกำหนดราคาเสนอขายหุ้น

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2548 กระทรวงการคลังได้จัดให้มีการลงนามบันทึกความเข้าใจในการร่วมลงทุนในทีพีไอ ระหว่างกระทรวงการคลัง ปตท. กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ(กบข.) และธนาคารออมสิน โดยเบื้องต้นกำหนดสัดส่วนการจัดสรรหุ้นรวม 90% ให้กับพันธมิตร ประกอบด้วย ปตท. 30% ธนาคารออมสินประมาณ 10% กบข. กองทุนรวมวายุภักษ์ 1 และกองทุนอื่นๆ ประมาณ 20% ผู้ถือหุ้นเดิมจะได้รับการจัดสรรประมาณ 15% ส่วนหุ้นที่เหลืออีก 15% กระทรวงการคลังจะได้จัดสรรให้แก่ผู้ร่วมลงทุนรายอื่น


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.