|
“คุณเอ๋ย! พวกผมประสาทแดกกันหมด!
นิตยสารผู้จัดการ( กันยายน 2526)
กลับสู่หน้าหลัก
ว่ากันว่าที่ใดมีการเปลี่ยนแปลง ที่นั่นย่อมมีความวุ่นวาย
พนักงานของธนาคารนครหลวงฯ ก็เป็นพวกที่ถูกความวุ่นวายของการเปลี่ยนแปลงกระทบอย่างรุนแรงพอสมควร
พวกที่ถูกกระทบมากที่สุดเห็นจะเป็นพวกที่อยู่ในการบริหารระดับกลาง ตั้งแต่ผู้ช่วยหัวหน้าส่วนขึ้นไป
พนักงานขั้นต่ำกว่านั้นก็คงจะได้แต่ทำงานไปเรื่อยๆ เพราะใครจะไปใครจะมาก็เหมือนกัน
“คุณเชื่อไหม พวกพนักงานเก่าจนทุกวันนี้ยังไม่มีใครได้รับการโปรโมตเลยแม้แต่คนเดียว” คนเก่าของธนาคารเล่าให้ฟัง
“พวกผมก็รู้ว่าธนาคารนี้มันเต่าล้านปี พวกเราก็ต้องการความเปลี่ยนแปลงของระบบที่จะต้องให้ดีกว่าเก่า
ปัญหาที่พนักงานระดับกลางของธนาคารนครหลวงฯ รู้สึกขมขื่นมากเมื่อทีมงานของบุญชูเข้ามาใหม่ๆ คือ การขาดมนุษยสัมพันธ์ของผู้ที่เข้ามาในฐานะมืออาชีพ(profedssionalls)และนี่คือปัญหาเก่าของทีมงานตึกดำ ที่ชอบมาในมาดของเอ๊กเซ้คคิวทีฟ เสื้อนอกรถประจำตำแหน่ง และนัยน์ตาที่อยู่บนศีรษะ
พนักงานเก่าที่ “ผู้จัดการ” ได้เข้าไปสัมผัส ทุกคนลงความเห็นเหมือนกันหมดว่า คะแนนเสียงที่นครหลวงฯ นั้น เดิมทีความดีใจที่ทีมงานบุญชูเข้ามาในตอนแรก แต่ “ตอนหลัง ที่เขาฟัดกับทางมหาดำรงค์กุลนี้ พวกเราเริ่มเอียงเข้ามาทางมหาดำรงค์กุล เพราะทางโน้นวางท่ามากทั้งๆ ที่ถ้าจะให้พูดแล้วที่อ้างว่าเป็นมืออาชีพน่ะ ผมขอถามหน่อยเถอะว่า ยกเว้นคุณวิสิษฐ์ คุณธนา แล้วมีใครบ้าง มี Banking experience พวกเราดูแล้วไม่ประทับใจเลย ยิ่งได้ทำงานด้วยพักหนึ่งก็เห็นว่าไม่เก่งจริง” พนักงานอีกคนระบายให้ฟัง
สิ่งที่พนักงานระดับกลางขึ้นไปน้อยเนื้อต่ำใจมาก คือการมองข้ามบุคลากรเก่าของธนาคาร “พวกผมที่มีการศึกษาสูงก็มี ทำงานมาก็นานพอสมควร แต่พวกผมไม่มีโอกาสจะได้แสดงความสามารถ เพราะสมัยก่อนคุณวิสิษฐ์ ศรีสมบูรณ์ ทำงานแบบ one man show
“พวกเขาน่าจะมองพวกผมก่อนว่ามีใครบ้างไหมที่พอจะขึ้นมารับผิดชอบสูงขึ้นได้บ้าง ก่อนที่จะยกแม่ทัพนายกองเข้ามาเป็นชุด”
อาจจะเป็นเหตุผลนี้เองที่มีคนระดับหัวหน้าส่วนได้ยื่นใบลาออกไว้ไม่น้อย “ผมเบื่อ คุณนึกดูเงินเดือนที่นี่ก็ต่ำ พอมีการเปลี่ยนแปลง ก็นึกว่าอาจจะมีโอกาสได้แสดงฝีมือ เลื่อนตำแหน่งบ้าง กลับมาเจอแบบนี้ เงินเดือนคนเข้าใหม่ก็สูงเทียมฟ้า เทียบเงินเดือนพวกผมเหมือนกับว่าผมเรียนจบวัดลิงขบ ทั้งๆ ที่วุฒิก็นอกเหมือนกัน และประสบการณ์ทางธนาคารผมก็มากกว่าเขาเยอะ”
เรื่องเงินเดือนเป็นเรื่องใหญ่ที่พูดได้ไม่จบ สำหรับวิสิษฐ์ ตันสัจจา ได้ 80,000 บาทต่อเดือน เขาถูกขอร้องให้ลดลง จาก 100,000 บาท เพราะกลัวว่าจะสูงเกินไป ซึ่งในอัตราเงินเดือนตามความสามาถของวิสิษฐ์แล้วก็อาจจะต่ำไป แต่เมื่อเทียบกับคนเก่าแล้ว ก็พอจะทำให้คนเก่าต้องกินน้ำใบบัวบกไปหลายขันทีเดียว
วัฒนา อัมพะสาระ และจิตตเกษม แสงสิงแก้ว ก็อยู่ในระดับ 4-5 หมื่นบาท ในขณะที่ระดับหัวหน้าส่วนได้แค่ 6,000-8,000 บาท ซึ่งก็เป็นราคาใกล้เคียงกับเลขาของทีมงานบุญชู
ทุกวันนี้ “คุณเอ๋ย! พวกผมประสาทแดกกันหมด จับต้นชนปลายไม่ถูกเลย ไม่รู้จะฟังใครดี คำสั่งออกมาปลิวว่อนเลยเดี๋ยวนี้ได้รับคำสั่งให้ปฏิบัติอะไรสักอย่างก็ต้องรอสักครู่ ดูว่าจะมีคำนั่งออกมายกเลิกอีกหรือเปล่า” พนักงานระดับกลางคนหนึ่งบ่นให้เราฟัง
ก็คงจะต้องอีกสักพักหนึ่งกว่าฝุ่นจะสงบและและเห็นได้ชัดได้ว่าใครจะเป็นผู้ชนะโดยเด็ดขาด
ในขณะเดียวกันพนักงานธนาคารนครหลวงฯ ก็คงจะทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าการนั่งเฉยๆ แล้วทำงานตามคำสั่งไปเรื่อยๆ พยายามไม่ออกความเห็น ไม่ต้องมีความคิดสร้างสรรค์ ก้มหน้าก้มตาทำงานตอนเช้าผ่านการตัดสินใจไปให้คนอื่น สงวนเนื้อสงวนตัวเอาไว้ พอตกเย็นก็กลับบ้านไปซะ
เฮ้อ! ช่างเป็นงานที่น่าอิจฉาอะไรเช่นนี้ แต่ก็ดีกว่าอยู่เปล่าๆ ไม่ใช่หรือ?
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|