ศิษย์เก่ามาแตร์รุ่น 2485 คุณหญิงสมศรี เจริญรัชต์ภาคย์

โดย สุปราณี คงนิรันดรสุข
นิตยสารผู้จัดการ( พฤศจิกายน 2535)



กลับสู่หน้าหลัก

เมื่อครั้ง เด็กหญิง สมศรี จาติกวนิช ยังเป็นนักเรียนมาแตร์ คุณหญิงค่อนข้างเรียบร้อยและขี้อาย ยิ่งเวลาต้องเดินออกไปท่องโคลงหน้าชั้นเรียน ตัวคุณหญิงจะสั่นประหม่าเป็นที่สุดจนแทบไม่น่าเชื่อว่า ปัจจุบันนี้เด็กหญิงสมศรีขี้อายคนนี้ได้กลายเป็นนักธุรกิจสตรีชั้นนำของเมืองไทย

เด็กหญิงสมศรีเป็นบุตรีคนเดียวของ พระยาศรีวิกรมาฑิตย์ และ คุณหญิงวาศ (จาติกวนิช) และ มีน้องชายชื่อเฉลิมพันธ์ ศรีวิกรม์ ชีวิตในวัยเยาว์ของเด็กหญิงสมศรี ได้รับการศึกษาแบบลูกผู้ดี โดยเริ่มต้นที่โรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัยตั้งแต่ชั้นประถมปีที่ 2 จนถึงชั้นมัธยมปีที่ 4 ทางบ้านจึงส่งคุณหญิงไปอยู่โรงเรียนประจำที่ปีนังคอนแวนต์ ประเทศมาเลเซียเป็นเวลา 2 ปี

เมื่อจบจากปีนัง คุณหญิงต้องกลับเข้าศึกษาต่อที่โรงเรียนมาแตร์เดอีอีกครั้งหนึ่งโดยยอมเรียนซ้ำชั้นมัธยมปีที่ 6 พร้อมกับนักเรียนมาแตร์รุ่น 2486 ทำให้คุณหญิงมีเพื่อนร่วมชั้นสองรุ่น

ความทรงจำครั้งอดีตที่ คุณครูเฉลา มาแมร์เทเรซา และ มาแมร์เซเวียร์ กับ มาแมร์เจมมะ ผู้ติดตามสอนนักเรียนมาแตร์รุ่น 2485 หลายปียังประทับใจคุณหญิงอยู่เสมอ โดยเฉพาะมาแมร์เทเรซาจะเดินตรวจความเรียบร้อยพร้อมเครื่องมือ “แก๊ป ๆๆ” ถ้าที่ไหนมีเศษกระดาษทิ้งเกลื่อน มาแมร์จะส่งเสียง แก๊ป ๆ ซึ่งเป็นที่รู้ว่านั่นคือสัญญาณที่ต้องเก็บเศษกระดาษทันที

หลังจากเรียนจบชั้นมัธยมบริบูรณ์ทางครอบครัวก็เห็นว่าการศึกษาระดับสูงมิใช่สิ่งจำเป็นสำหรับกุลสตรีในยุคนั้นคุณหญิงจึงต้องออกจากโรงเรียนมาอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน

ด้วยจิตใจที่ยังอยากแสวงหาประสบการณ์ในโลกกว้างอีก ทำให้คุณหญิงดีใจเป็นนักหนาเมื่อสบโอกาสได้รับอนุญาตจากคุณพ่อและคุณแม่ให้เดินทางไปส่งเฉลิมพันธ์ น้องชายคนเล็กที่ต้องเดินทางไปศึกษาต่อยังประเทศสหรัฐอเมริกา แต่เงื่อนไขว่าคุณพ่อคุณแม่จะตามไปรับกลับในอีก 2 เดือนข้างหน้า

ระหว่างเวลาที่พำนักอยู่อเมริกากับน้องชาย คุณหญิงได้สมัครเข้าเรียนวิชาบริหารธุรกิจที่ STRAYER COLLEGE และ FLORIDA STATE UNIVERSITY สถาบันการศึกษาเดียวกับน้องชาย โดยขอยืดเวลากลับเมืองไทยจาก 3 เดือนเป็น 6 เดือน

อิสรภาพที่ติดปีกได้นำพาเอาความรักมาสู่จิตใจหญิงสาวท่ามกลางภูมิทัศน์อันแปลกตาของสหรัฐอเมริกา คุณหญิงได้พบกับ ศาสตราจารย์ ดร.เจริญ เจริญรัชต์ภาคย์ อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม และได้กลับมาสมรสกันที่กรุงเทพฯ

ในระยะแรกของชีวิตสมรส รายได้ของครอบครัวมีทางเดียว มาจากสามีซึ่งขณะนั้นยังเป็น ข้าราชการชั้นผู้น้อย ตัวคุณหญิงก็มิได้มีงานหารายได้พิเศษอะไรฐานะการเงินของครอบครัวจึงฝืดเคือง

แม้ว่าสมบัติพัสถานทางฝ่ายครอบครัวดั้งเดิมของคุณหญิงจะมีมากแต่ความที่พระยาศรีวิกรมาฑิตย์ได้อบรมบุตรให้รู้จักคุณค่าของเงิน จึงมอบของขวัญแต่งงานเป็นเรือนหอตึกหนึ่งหลังและที่ดินในซอยพิชิตอีกหนึ่งแปลงเท่านั้น

ต่อมา คุณหญิงได้สละเรือนหอหลังนั้นให้เป็นบ้านเช่า โดยตัวเองกับสามีย้ายเข้ามาอาศัยอยู่บ้านเดียวกันกับคุณพ่อคุณแม่

ธุรกิจแรกเริ่มของคุณหญิงสมศรีจึงเกิดขึ้นที่บ้านเช่าหลังนี้ และได้กลายเป็นน้ำซึมบ่อทรายที่หล่อเลี้ยงฐานะทางเศรษฐกิจได้ดี จนกระทั่งสามารถนำเงินที่เก็บหอมรอมริบมาสร้าง “สมศรีอพาร์ทเมนท์” ได้อีกแห่งหนึ่ง

“เงินที่นำมาสร้างอพาร์ทเมนท์ส่วนหนึ่งเป็นเงินจากการเก็บหอมรอมริบในระหว่างที่ท่านอธิบดี (เจริญ เจริญรัชต์ภาคย์) ได้ทุนไปศึกษาต่อปริญญาเอก การไปอยู่ต่างประเทศในครั้งนั้น พยายามอยู่กันอย่างมัธยัสถ์ที่สุด โดยมิได้รบกวนเงินพิเศษทางบ้าน” คุณหญิงสมศรีได้เคยเล่าให้ฟังไว้ในหนังสือสมาคมศิษย์เก่ามาแตร์เดอี

หลังจากกลับจากต่างประเทศคุณหญิงก็ได้กลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่แห่งวงการธุรกิจไทยที่ฉายแสงจรัสเจิดจ้าโครงการที่เคยเห็นประสบความสำเร็จในเมืองนอก ก็ถูกนำมาประยุกต์การลงทุนที่ทันสมัยในไทยตั้งแต่ปี 2501 เช่นโรงเรียน ซุปเปอร์มาร์เก็ต และสถานเล่นโบว์ลิ่ง โดยมีฐานการเงินจาก คุณพ่อคุณแม่ให้ความสนับสนุน

คอนเซปท์การพัฒนาที่ดินแห่งแรกของคุณหญิง ปรากฏเป็นรูปแบบการสร้างตึกแถวบนถนนเพลินจิต ฝั่งตรงข้ามถนนเกษร ซึ่งได้พัฒนากลายเป็นศูนย์การค้าของกรุงเทพ จะอยู่บริเวณด้านถนน สุริวงศ์หรือพาหุรัดความพยายามที่จะกระจายความเจริญมาทางย่านถนนเพลินจิตยังเต็มไปด้วยความยากลำบาก พ่อค้าส่วนใหญ่ไม่กล้าเสี่ยงต่อการย้ายทำเลการค้า

ปรากฏว่า ตึกแถวแห่งแรกที่สร้างนั้นเซ้งไม่ออก!

คุณหญิงจึงได้คิดหากลยุทธ์ทางการตลาดขึ้นมาใหม่ โดยลงทุนตั้งร้านซุปเปอร์มาร์เกตขึ้นมา เพื่อสร้างแรงดึงดูดใจให้มีลูกค้าเดินเข้ามาในศูนย์การค้าย่านนั้น จนกระทั่งมีพ่อค้าเซ้งตึกแถวย่านนั้นได้หมด

ธุรกิจซุปเปอร์มาร์เกตของคุณหญิงได้เติบใหญ่ เป็นที่นิยมของลูกค้าระดับสูงต่อมาได้ย้ายมาตั้งอยู่ในย่านถนนเกษร

นอกจากลงทุนในธุรกิจซุปเปอร์มาร์เกตแล้ว คุณหญิงได้ร่วมลงทุนกับเพื่อนนักธุรกิจสตรีอีกคนเปิดสถานกีฬาโบว์ลิ่งขึ้นเป็นแห่งแรกของกรุงเทพในปี 2502 ทำให้เป็นจุดกำเนิดของสถานโบว์ลิ่ง ซึ่งเป็นความทันสมัยของคนยุคนั้น

การพัฒนาที่ดินที่ก่อความเป็นปึกแผ่นมั่นคงของครอบครัวตราบเท่าทุกวันนี้ ก็คือโรงแรมเพรสิ-เดนท์ (ปัจจุบันใช้ชื่อว่าโรงแรมเมอริเดียน) ซึ่งเริ่มมีโครงการจะสร้างโรงแรมชั้นหนึ่งตั้งแต่ปี2503 อันเป็นช่วงที่นักลงทุนจากต่างประเทศหลั่งไหลเข้ามาตามแรงสนับสนุนของรัฐบาลในแผนพัฒนา ฯ ฉบับที่ 1 ความต้องการที่พักอาศัยจึงเกิดขึ้นมาก คุณหญิงได้มีการแก้ไขแบบแปลนจากของเดิมที่ต้องใช้เงินทุนจำนวนมากเพื่อลดเงินลงทุนลง กว่าโรงแรมจะสร้างเสร็จใช้การได้ก็ล่วงเลยถึงปี 2509

บนหนทางของการดำเนินธุรกิจคุณหญิงได้เคยประสบปัญหายุ่งยากใจอยู่เรื่องหนึ่ง เมื่อครั้งเผชิญกับม็อบพ่อค้าในตลาดบางรัก ด้วยสาเหตุที่เกิดจากพ่าค้าได้ร้องเรียนให้คุณหญิงลดค่าเช่าแผงในนตลาดบางรัก ที่ซึ่งเป็นมรดกตกทอดจากคุณพ่อ เนื่องจากมีตลาดสดคู่แข่งเกิดขึ้นในย่านเดียวกันทำให้ การค้าในตลาดเก่าซบเซาลงบ้าง

คุณหญิงสมศรีคิดอย่างละเอียดแล้วว่า ไม่สามารถตกลงยินยอมลดค่าเช่าให้ได้ เพราะการลดค่าเช่าแผงถึงแม้จะเป็นเงินจำนวนเล็กน้อย แต่เมื่อรวมเข้าหลาย ๆ แผง ในระยะเวลานานหลาย ๆ เดือน คิดรวบรวมออกมาก็เป็นตัวเลขมหาศาลทีเดียว

เมื่อทางฝ่ายเจ้าของตลาดไม่ยอมลดค่าเช่าให้ ม็อบพ่อค้าแม่ขายในตลาดสดบางรักจำนวน 200 คนก็เดินขบวนมาร้องเรียนถึงหน้าสำนักงานคุณหญิง เป็นที่ลำบากใจอย่างยิ่ง คุณหญิงจึงใช้จิตวิทยามวลชน โดยขอร้องให้เจ้าหน้าที่ชายของสำนักงานออกไปรับหน้าเจรจากับพ่อค้าเหล่านั้นก่อน เพื่อให้กลุ่มคนนั้นได้มีโอกาสระบายอารมณ์ตามความพอใจเมื่อทุกคนได้พูดตามใจปรารถนาจนสถานการณ์สงบ คุณหญิงสมศรีก็ได้ออกชี้แจงว่า ถึงแม้จะไม่สามารถลดค่าเช่าได้ แต่ก็จะพยายามหาทางช่วยเหลือไม่ให้พ่อค้าแม่ขายเดือดร้อนจากการแข่งขันของตลาดสร้างใหม่ในที่สุดทุกคนก็แยกย้ายสลายตัวไป

ปัจจุบันคุณหญิงดำรงตำแหน่งเป็นประธานกรรมการบริษัทเพรสิเดนท์โฮเต็ลและประธานบริษัทรัชต์ภาคย์ บริษัทเย็นเกษสมบัติ บริษัทรัชตภาคย์ดีเวลลอปเมนท์ และกรรมการที่ปรึกษาบริษัท เอส เอส ซี เอนเตอร์ไพรส์

“ธุรกิจการงานทั้งหลายเราจะทำที่ทำงานเท่านั้น เมื่อถึงบ้านเวลาทั้งหมดจะเป็นของครอบครัว” คุณหญิงสมศรีกล่าวถึงความสุขที่ได้ใช้เวลายามว่างปรุงอาหารแปลก ๆ ปลูกต้นไม้ซึ่งเป็นงานที่รักมาก

คุณหญิงสมศรีกับ ดร.เจริญมีบุตรชาย 3 คน ได้แก่ เกริกชัย ชัชวินซึ่งเรียนจบปริญญาเอกและสมรสกับดารณี ปันยารชุน ลูกสาวของอดีตนายกอานันท์ และร.ต.ต. นรวัฒน์ เจริญรัชต์ภาคย์

“เราต้องให้เด็กรู้จักลำบากบ้างและต้องเข้าใจว่าเงินทองที่ได้มานั้น พ่อแม่ ต้องทำงานมาด้วยความเหนื่อยยาก” หลักชีวิตที่ใช้ในการอบรมบุตรของคุณหญิงสมศรี คือมรดกทางความคิดที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากพระยาศรีวิกรมาฑิตย์ ผู้เป็นบิดานั่นเอง!


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.