กนก อภิรดี เริ่มงานวันแรก ก็เจอแต่เรื่องวุ่นๆ


นิตยสารผู้จัดการ( มิถุนายน 2545)



กลับสู่หน้าหลัก

2 พฤษภาคม 2545 ถือเป็นวันเริ่มการทำงานในตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ การบินไทย วันแรกที่ดูจะไม่ค่อยจะราบรื่นเท่าใดนัก สำหรับกนก อภิรดี เพราะในวันเดียวกันกับที่เขาเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ เขาก็ต้องรับหนังสือลาออกจากตำแหน่งประธาน และกรรมการ การบินไทย ของ ดร.วีรพงษ์ รามางกูร

แม้ในช่วงการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการครั้งแรกในตำแหน่งนี้ต่อสื่อมวลชน เขาพยายามแสดงสีหน้ายิ้มแย้ม พร้อมกับย้ำให้ผู้สื่อข่าวดูท่าทีของเขาว่าไม่มีความหนักใจเกิดขึ้นแต่อย่างใด แต่ก็ไม่ทราบว่าในใจของเขา เป็นไปตามที่แสดงออกหรือเปล่า

การบินไทยได้เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้น ก่อนหน้าที่เขาเข้ามารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการเพียงไม่ถึงอาทิตย์

ดร.วีรพงษ์ได้ถูกแรงกดดันจากกลุ่มนักบินกลุ่มหนึ่ง ซึ่งใช้ชื่อว่ากลุ่มนักบินรักความเป็นธรรม เรียกร้องให้ลาออกจากตำแหน่ง เพราะไม่พอใจคำสั่งแต่งตั้งบุคคลที่นักบินกลุ่มนี้ไม่ยอมรับ ให้ขึ้นไปดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาบุคลากรการบิน

ถึงขั้นมีการขู่ว่าจะหยุดบิน

แม้เหตุการณ์วุ่นวายจะเกิดขึ้นในช่วงเวลาสั้นๆ และจบลงอย่างรวดเร็วเพราะการตัดสินใจลาออกของ ดร.วีรพงษ์ แต่ในความรู้สึกของกนกนั้นเขายังคงต้องเดินหน้า เล่นบทบาท ในการนำการบินไทยให้เดินหน้าตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

ในการเข้ารับตำแหน่งวันแรก นอกจากการกล่าวนโยบาย ต่อหน้าผู้บริหาร และพนักงานกว่า 200 คนแล้ว กนกยังได้เปิดแถลงนโยบาย และสิ่งที่เขาตั้งใจจะทำในการบินไทยกับสื่อมวลชน

สาระสำคัญในนโยบายที่เขาแถลง นอกจากเป้าหมายรายได้ที่เขาต้องการให้การบินไทยมียอดขายเพิ่มขึ้นไปเป็น ปีละ 2 แสนล้านบาท ในอีก 5 ปีข้างหน้า รวมถึงแผนการจัดซื้อเครื่องบิน และปรับปรุงที่นั่งใหม่ ซึ่งเป็นแผนการต่อเนื่อง แล้ว เขายังส่งสัญญาณบางอย่างลงไปถึงระดับพนักงาน ซึ่งกำลังเกิดการแตกแยกกันอย่างหนัก มีการแบ่งก๊กแบ่งเหล่าออกเป็นหลายฝักหลายฝ่าย

"การบินไทยมีผู้บริหารที่มีความหลากหลาย สิ่งที่ผมจะทำหลังจากนี้ คือเป็นกาวใจ เพื่อที่จะทำให้ความแตกต่างของแนวความคิดของแต่ละคน สามารถสอดประสานกันได้" กนกประกาศ

นอกจากนี้เขายังสร้างแรงจูงใจในการทำงาน ด้วยการให้เป้าหมายกับระดับบริหารว่า ทุกๆ คนมีโอกาสได้เข้ามานั่งแทนในตำแหน่งของเขาอย่างเท่าเทียมกันในอนาคต "แผนงานหลายอย่างที่ผมจะทำ เป็นเสมือนการเตรียมตัวสำหรับ ผู้บริหารระดับสูงให้สามารถก้าวขึ้นมาเป็น DD"

พนักงานในการบินไทยนั้นมีหลายฝ่ายหลายแผนก แต่ฝ่ายที่ถือว่ามีบทบาท และมีอิทธิพลอย่างสูงต่อการบริหารงาน ของ DD ในอดีตที่ผ่านมาคือฝ่ายช่าง

ในการแถลงข่าวครั้งนี้ ดูเหมือนกนกจะตั้งใจแสดงให้สาธารณชนเห็นว่า เขาให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับฝ่ายช่าง เพราะเป็นเพียงฝ่ายเดียวที่เขากล่าวให้เครดิตเป็นพิเศษ

"การบินไทยมีความเป็นเอกในหลายๆ ด้าน เท่าที่ผม ทราบ ฝ่ายช่างของที่นี่ เป็น 1 ใน 2 วิสาหกิจ เพียง 2 แห่งที่มีอยู่ในเมืองไทย ที่มีการนำ Six Sigma โปรแกรมเข้ามาใช้ ซึ่งนอกจากฝ่ายช่างของการบินไทยแล้ว ยังมีเพียงอีกแห่งเดียว คือบริษัทบ้านปู"

Six Sigma โปรแกรม เป็นระบบพัฒนาคุณภาพการจัด การที่สามารถลดความสูญเสีย และความผิดพลาดในกระบวน การผลิตลงได้มากที่สุด ซึ่งกนกให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะถือว่าเป็นธุรกรรมที่ทำยาก ต้องอาศัยความมีวินัยสูง

"ระบบนี้เริ่มต้นมาตั้งแต่สมัยกัปตันชูศักดิ์ และต่อเนื่อง มาจนถึงสมัยคุณกอบชัย ซึ่งในรายละเอียดนั้น ในวันข้างหน้า ผมจะให้คุณกอบชัยมาเล่าให้พวกเราฟัง"

กัปตันชูศักดิ์ที่เขากล่าวถึง คือกัปตันชูศักดิ์ พาชัยยุทธ อดีตผู้อำนวยการฝ่ายช่างที่มีบทบาทสูงที่สุดคนหนึ่งของการ บินไทย ซึ่งปัจจุบันเกษียณอายุออกไปแล้ว

ส่วนกอบชัย ก็คือกอบชัย ศรีวิลาส รองกรรมการ ผู้อำนวยการใหญ่ ฝ่ายซ่อมบำรุงอากาศยาน ซึ่งรักษาการในตำแหน่ง DD อยู่เกือบ 6 เดือน ในช่วงก่อนที่กนกจะเข้ามารับงานอย่างเป็นทางการ

การให้เครดิตฝ่ายช่าง และอดีตผู้นำฝ่ายช่าง น่าจะเป็น การกรุยทางการทำงานของกนก กับพนักงานกลุ่มนี้สามารถทำได้อย่างราบรื่นขึ้น

แต่ปัญหาคือการบินไทยยังมีพนักงานอีกหลายฝ่าย และแต่ละฝ่ายต่างก็มีผู้บริหารระดับนโยบายคอยเกื้อหนุนอยู่ในบอร์ด

บทบาทกาวใจของกนก จะทำได้สำเร็จหรือไม่ เป็นสิ่งที่น่าติดตาม



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.