สงคราม"บ้านจัดสรร"รอบใหม่

โดย อรวรรณ บัณฑิตกุล
นิตยสารผู้จัดการ( มิถุนายน 2545)



กลับสู่หน้าหลัก

หลังจากปล่อยให้ บริษัท แลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ยักษ์ใหญ่ ในวงการบ้านจัดสรรทำยอดขายอย่างต่อเนื่อง มาเรื่อยๆ จากรายได้เพียง 2,000 ล้านบาท ในปี 2542 พุ่งสูง เกือบทะลุหลัก 10,000 ล้านบาท ในปี 2544

ดังนั้นในไตรมาสแรกของปี 2545 บริษัทพัฒนาที่ดินรายใหญ่แถวหน้าอื่นๆ ที่รอดวิกฤติมาได้ และยังรีๆ รอๆ ดูสถานการณ์ ก็ตัดสินใจทุ่มเม็ดเงินเพื่อเปิดโครงการใหม่กันอย่างคึกคัก หลังจากมั่นใจว่าความต้องการบ้านจริงนั้นยังมีแน่ โดยมีเงื่อนไขทางการเงินในเรื่องดอกเบี้ยเงินกู้ที่ลดลงมาอย่างมาก เป็นปัจจัยสำคัญในการกระตุ้นผู้บริโภค

เพียงแต่ว่า คราวนี้การทำสงครามการตลาดที่อยู่อาศัยนั้น คู่แข่งในวงการลดลงลงอย่างมากจากที่มีนับ 1,000 ราย เหลือเพียงแต่ผู้ประกอบการมืออาชีพจริงๆ เพียงไม่กี่สิบรายเท่านั้น ส่วนรูปแบบการแข่งขันกันครั้งใหม่นี้ เรียกได้ว่า "ปิดฉากกลยุทธ์ ดาวน์น้อยผ่อนนาน" อย่างเช่นในอดีต หมดยุค "นักเก็งกำไรที่ฉวยโอกาส" แต่เน้นกลุ่มลูกค้าที่เป็น real demand เท่านั้น โดยมีจุดขายในเรื่องการพัฒนารูปแบบของบ้าน และคุณภาพของโครงการเป็นสำคัญ

แบบบ้านที่อิงเข้าหาธรรมชาติ ให้ความสำคัญกับสิ่งแวด ล้อม กลายเป็นจุดขายอันโดดเด่นที่หลายรายให้ความสำคัญเช่น บริษัท แลนด์แอนด์เฮ้าส์ ที่ยังคงยืนหยัดกับคอนเซ็ปต์แบบบ้านสบายสร้างก่อนขาย แต่ก็ยังมีจุดขายสำคัญในเรื่องของสวนที่มีให้เลือกถึง 5 แบบ พรั่งพร้อมไปด้วยน้ำตก ซุ้มกล้วยไม้ ในเกือบ ทุกโครงการ

ในขณะที่โกลเด้นแลนด์ พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) บริษัทพรอพเพอร์ตี้เพอร์เฟค และโนเบิลดีเวล ลอปเม้นท์ ต่างก็เน้นโครงการบ้านจัดสรรที่มีสวนสวย และเป็น รีสอร์ตในเมือง เช่นเดียวกับค่ายกฤษดานครที่เปิดโครงการใหม่ ท่ามกลางความมั่นใจในการเป็นบริษัทระดับแนวหน้า ที่ให้ความสำคัญในการวางแผนผังของ landscape ของโครงการเป็น เจ้าแรกๆ ในอดีต

บ้านของแลนด์แอนด์เฮ้าส์นั้น นอกจากชูจุดขายเดิม และ ยังให้ความสำคัญในการแต่งสวนแล้ว ปีนี้ยังมีจุดขายที่เกิดจากข้อมูลที่ได้จากการรวบรวมในการทำวิจัยเรื่องบ้าน คือ การติดแอร์เพิ่มให้ทุกหลังทุกโครงการ

จากผลของการทำวิจัยของบริษัทแลนด์แอนด์เฮ้าส์เองพบว่าบ้านที่ซื้อไปแล้ว เจ้าของบ้านจะต้องไปจัดการในเรื่องการติดตั้งแอร์เกือบทุกหลัง ดังนั้นโครงการใหม่ ที่จะเปิดขายในปี 2545 นี้ นอกจากจะเป็น บ้านสบายสร้างเสร็จก่อนขายที่ให้ความสำคัญเป็นพิเศษในเรื่องการจัดสวนแล้ว ยังติดตั้งแอร์ และมีบริษัทที่คอยบริการในเรื่องตรวจซ่อมบำรุงเรื่องแอร์เพิ่มขึ้นอีกด้วย โครงการที่วางแผนจะเปิดปลายปี เช่น โครงการบ้านนันทวัน บนถนนพระราม 2 เป็นบ้านสบายสร้างเสร็จก่อนขาย ในราคาเริ่มต้นที่ 4.5 ล้านบาทขึ้นไป ส่วนโครงการที่กำลังขายเช่น ปาริชาติ ติวานนท์-วงแหวน เป็นบ้านเดี่ยวเนื้อที่ 66 ตร.ว.ขึ้นไป ราคา 4.65 ล้านบาท เป็นบ้านสบาย พร้อมแอร์ ทุกห้อง

โครงการชัยพฤกษ์ ถนนเทพารักษ์บ้านเดี่ยว เนื้อที่ตั้งแต่ 79 ตร.ว.ขึ้นไป ราคา 3.9 ล้านบาทขึ้นไป จุดขายเป็นบ้านสวน 5 สไตล์

ทางด้านบริษัทโกลเด้นแลนด์พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด หลังจากที่ได้เงินทุนต่างประเทศเข้ามาอัดฉีด และได้ทีมงานคนสำคัญจากบริษัทพัฒนาที่ดินระดับแนวหน้ามาร่วมงานหลายคน เช่น ธงชัย คุณากรปรมัตถ์, วรรณา ชัยพัฒนากุล จาก ค่ายพร็อพเพอร์ตี้เพอร์เฟค, วิษณุ สุชาติล้ำพงษ์ จากควอลิตี้ เฮ้าส์ ก็รีบปูทางใหม่เป็นโครงการแนวราบตามความถนัดทันที และก็ประสบความสำเร็จไปในโครงการบ้านลาดพร้าวเมื่อปี 2543 ที่ผ่านมา

ในปี 2544 ค่ายนี้ก็ยังจดๆ จ้องๆ ไม่ลงมาเต็มตัวนัก แต่ ก็เปิดชิมลางตลาดอีกรอบในโครงการบ้านรามอินทรา ซึ่งประสบ ความสำเร็จไปแล้วเช่นกัน สร้างความมั่นใจให้ปีนี้ทีมผู้บริหารกล้าประกาศเปิดขายโครงการบ้านจัดสรรอีก 3 โครงการ ในไตรมาสที่ 3 คือบ้านรามคำแหง บ้านเดี่ยว จำนวน 126 ยูนิต ราคา 4-6 ล้านบาท บ้านสาทร 16 ยูนิต และบ้านลาดพร้าว 3 อีก 250 ยูนิต รวมทั้งวางแผนพัฒนาโครงการตึกสูงอีกโครงการหนึ่งในช่วงปลายปี

แนวคิดสำคัญในการสร้างจุดขายของโกลเด้นแลนด์นั้น วิษณุ สุชาติล้ำพงษ์ อธิบายกับ "ผู้จัดการ" ว่า ทางโครงการให้ความสำคัญกับทีมงานทางด้านการดีไซน์แบบบ้าน และ land- scape ภายนอกอย่างมากเป็นพิเศษ ความสวยงามของตัวบ้าน และความร่มรื่นในสไตล์รีสอร์ตกลางเมืองเป็นสิ่งสำคัญในการชักจูงใจให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อ

นอกจากนั้น ทางบริษัทจะพยายามหาจุดแตกต่างจากโครงการยักษ์ใหญ่รายอื่น และพยายามหาทำเลที่ไม่ต้องประชัน หน้ากัน เพื่อให้ลูกค้าตัดสินใจเลือกได้ง่ายเข้า

บริษัทแสนสิริ จำกัด (มหาชน) เป็นอีกบริษัทหนึ่งที่ได้เงินอัดฉีดจากผู้ร่วมทุนต่างประเทศ แต่ยังไม่สามารถเปิดตัวโครงการอย่างจริงจังนักในช่วงที่ผ่านมา แต่ครึ่งแรกของปี 2545 บริษัท แสนสิริวางแผนเปิดโครงการใหม่ไว้ 2 ทำเลคือ นาราสิริปิ่นเกล้า ราคาบ้าน 6,990,000 บาท มีทั้งหมดเพียง 38 ยูนิต รับประกันเงินดาวน์ด้วยระบบ Escrow Account มีกลุ่มเป้าหมายคือผู้อยู่ในเยาวราช และแพทย์ในโรงพยาบาลศิริราชและในย่านนั้นและโครงการนาราสิริวัชรพล รามอินทรา เฟส 2 ในคอนเซ็ปต์ บ้านกลางสวนในระดับราคา 4.4 ล้านบาทขึ้นไป

คราวนี้โครงการของแสนสิริมาในแนวคิดของ "บ้านสมบูรณ์แบบ" ที่ยึดหลัก 4S อันประกอบด้วย 1. Safety & Security ที่นอกเหนือจากจะมีการรักษาความปลอดภัย โดยใช้ระบบ CCTV และ Automatic Passcard 2. Save Energy ที่จะเน้นในเรื่องประหยัดพลังงาน 3. Service โดยจะมีบริการต่างๆ เทียบเท่าโรงแรม 5 ดาว เช่น การทำความสะอาด ซักอบรีด ตกแต่งบ้านและสวน ระบบผู้ช่วยชำระค่าสาธารณูปโภคต่างๆ บริการด้านประกันภัย และ Superior เช่น ระบบสายไฟฟ้า สายโทรศัพท์แบบฝังดิน สโมสรที่สร้างเสร็จแล้ว ระบบสำรอง น้ำใต้ดิน ระบบท่อกำจัดปลวก ตู้ไปรษณีย์ ที่ทิ้งขยะ

หลายคนคงคิดถึง "กฤษดานคร" ที่เปิดขายบ้านที่เหลือในเฟสเก่าอยู่อย่างเงียบๆ มานาน และเพิ่งมาเปิดโครงการใหม่ๆ ชัดเจนเมื่อต้นปี 2545 ซึ่งมีทั้งการวางแผนเปิดเฟสเพิ่มเติมในโครงการเดิมอีก 12 โครงการ และเปิดเฟสใหม่ในโซนถนนเทพา รักษ์ ถนนรามอินทรา รังสิต และพุทธมณฑล

และยังมีนโยบายเปิดตัวโครงการใหม่อีก 4 โครงการ ใน 4 ทำเลคือ ถนนพหลโยธินรังสิต ถนนปิ่นเกล้า-นครชัยศรี ถนนบางนา-ตราด และกฤษดาดอยพาร์คฮิลล์ ซึ่งโครงการใหม่ที่จะเปิดนั้น เน้นกลุ่มผู้มีรายได้ระดับสูงราคา 8 ล้านบาทขึ้นไปทุกโครงการ

จุดขายของกฤษดานครยังให้ความสำคัญของแนวความคิดเดิม ในเรื่องของการเป็นผู้นำทางด้านการวางผังโครงการท่าม กลางธรรมชาติ

ส่วนบริษัทโนเบิ้ล จำกัด (มหาชน) อีกรายหนึ่งของบริษัท พัฒนาที่ดิน ซึ่งเป็นเป็นสุดยอดทางด้านการดีไซน์รูปแบบบ้านใหม่ให้เกิดขึ้นในวงการบ้านจัดสรร มาคราวนี้เปิดตัว 2 โครงการ ใหม่ที่มีรูปแบบไม่ซ้ำแบบใครเหมือนเดิม ในแนวคิดของสไตล์ Minimalist บนถนนเลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา-พระราม 9 ตัวบ้านจะอยู่ใจกลางโครงการ เพื่อเน้นความเป็นส่วนตัวสูงสุด มีถนนล้อมรอบให้ห่างจากความวุ่นวาย โดยรั้วบ้านก็จะปลูกต้นไม้ สูงประมาณ 1 เมตรกั้นอาณาเขต หน้าบ้านดีไซน์ให้เป็นห้องครัว โดยมีห้องนั่งเล่นและสวนสวยอยู่ถัดไปโดยเปิดขายในระดับราคา 9 ล้านบาทขึ้นไป

ส่วนโครงการบ้านโนเบิลวานา ริมถนนปิ่นเกล้า-นครชัยศรี เป็นบ้านสไตล์รีสอร์ตผสมผสานระหว่างแนวคิดตะวันตกกับตะวันออกในพื้นที่ 65 ตารางวาขึ้นไป ราคาเริ่มต้นที่ 3.8 ล้านบาท

ส่วนค่ายอื่นๆ ที่อยู่นอกตลาดหลักทรัพย์ แต่กำลังสร้างโครงการอย่างเงียบต่อเนื่องก็มีเช่น วังทองกรุ๊ป กำลังทดลอง ตลาดของทาวน์เฮาส์ในรูปแบบใหม่ในโครงการวรางกูลรังสิต โดยเป็นทาวน์เฮาส์ที่มีหน้ากว้างถึง 9 เมตรและมีพื้นที่ใช้สอยภายในเท่ากับบ้านเดี่ยว ซึ่งมาจากผลสรุปที่ว่า ผู้ซื้อบ้านเดี่ยวส่วนใหญ่ไม่ได้ใช้พื้นที่ว่างรอบตัวบ้านมาใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ เนื่อง จากไม่มีเวลาในการจัดการดูแล

ส่วนเอ็น.ซี.กรุ๊ป ชูแนวคิดในการออกแบบบ้านไทยสมัยคหบดี ที่เน้นความกว้างใหญ่ และมีความสูงโปร่งโล่งกว่าโครงการทั่วๆ ไป

เอเชี่ยนพร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค ก็จะเปิดอีก 2 โครงการใหม่ บนถนนลาดพร้าว 80 และทาวน์เฮาส์ราคาแพงในซอยทองหล่อ ในราคาเริ่มต้นที่ 8 ล้านบาท

วิกฤติเศรษฐกิจจากรอบที่แล้วเห็นได้ชัดเจนว่าในรอบนี้ ผู้ประกอบการค่อนข้างระมัดระวังตัวเพิ่มขึ้น จำนวนโครงการที่เปิดใหม่ส่วนใหญ่จึงเป็นเพียงเฟสเล็กๆ ไม่เกิน 100 ยูนิตเท่านั้น ในระดับ 2-6 ล้านบาท ด้วยเงื่อนไขทางการเงินที่ค่อนข้างสกรีนลูกค้ามากเพิ่มขึ้นเช่นกัน



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.