แฟมิลี่มาร์ทผุดโลจิสติกส์คาดกำไรรอบ8ปี


ผู้จัดการรายวัน(7 เมษายน 2548)



กลับสู่หน้าหลัก

แฟมิลี่มาร์ทดึง 2 พันธมิตรกลุ่มฮิโตรูและกลุ่มบริษัทในเครือสหพัฒน์ตั้ง “เอสดีซีเอ็ม” บริษัทกระจายสินค้าป้อนแฟมิลี่ฯ แย้มปีนี้ได้แววมองเห็นกำไรปีแรก หลังขาดทุนมานาน 8 ปีแล้ว พร้อมตั้งเป้า 2 ปีขยายเครือข่ายครบ 1,000 แห่งทั่วประเทศ เล็งช่วยรัฐสร้างความมั่นใจประชาชน-นักท่องเที่ยวผุดสาขาใหม่ที่หาดป่าตอง และสงขลาหลังเกิดสึนามิและก่อการร้าย

นายกนก วงษ์ตระหง่าน ประธานกรรมการบริหาร บริษัท สยามแฟมิลี่มาร์ท จำกัด เปิดเผยว่า ขณะนี้สยามแฟมิลี่มาร์ทร่วมกับบริษัท ฮิโตรู ประเทศไทย จำกัด และบริษัทในเครือสหพัฒน์ จัดตั้งบริษัทใหม่ภายใต้ชื่อ บริษัท เอสดีซีเอ็ม จำกัด (Siam Demand Chain Management) เพื่อเป็นบริษัทที่ทำหน้าที่ในการกระจายสินค้าให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยการตั้งบริษัทกระจายสินค้าใหม่ครั้งนี้มีกลุ่มผู้ถือหุ้นหลัก 3 บริษัทดังกล่าวในสัดส่วนที่เท่ากันตามอัตราส่วน 1 ใน 3

ด้านแผนการทำตลาดของแฟมิลี่มาร์ทในปีนี้ยังคงเน้นเรื่องการพัฒนาร้านด้วยการหาสินค้าใหม่มาไว้คอยบริการให้ตรงกับความต้องการของลูกค้ามากที่สุด โดยจะเน้นสินค้าที่มีความสะอาด ปลอดภัย นอกจากนี้ยังเน้นเรื่องการพัฒนาการให้บริการของพนักงานให้ดีขึ้น ซึ่งแผนดำเนินงานดังกล่าวส่งผลให้รายได้ช่วงไตรมาสแรกของปี 2548 มีอัตราการเติบโตกว่า 30% และหากผลการดำเนินงานยังมีแนวโน้มที่ดีเช่นนี้ คาดว่าปีนี้บริษัทน่าจะมีรายได้ที่เป็นผลกำไรเป็นปีแรก หลังจากประสบภาวะขาดทุนมานานเป็นระยะเวลาถึง 8 ปี

ขณะที่แผนขยายสาขาร้านแฟมิลี่มาร์ทบริษัทตั้งเป้าจะเปิดสาขาให้ครบ 1,000 สาขาทั่วประเทศภายในอีก 2 ปีข้างหน้า โดยปีนี้วางเป้าหมายจะเปิดสาขาให้ครบ 600 - 700 สาขาทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ซึ่งขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างพิจารณางบประมาณการลงทุนเปิดสาขาใหม่ ปัจจุบันแฟมิลี่มาร์ทมีสาขาที่เปิดให้บริการอยู่แล้ว 515 สาขา

“ปีนี้ทุกธุรกิจจะดำเนินงานอย่างระมัดระวังมากขึ้น เนื่องจากมีปัจจัยลบที่มีผลกระทบต่อกำลังซื้อผู้บริโภค และต้นทุนการบริหารงาน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น ค่าเงินบาท ปัญหาการเมือง หรือปัญหาการก่อการร้ายที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้ประกอบการธุรกิจต้องมีความระมัดระวัง ซึ่งสิ่งที่จะทำให้เศรษฐกิจมั่นคงและเติบโตได้ คือ ทุกฝ่ายต้องช่วยกันสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในประเทศและพันธมิตรนอกประเทศ”

นายกนกกล่าวว่า ปัญหาการก่อการร้ายที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 เม.ย.ที่ผ่านมาทำให้ทุกฝ่ายต้องเข้มงวดเรื่องระบบรักษาความปลอดภัยกันมากขึ้น ในขณะเดียวกันก็ต้องสร้างความเชื่อมั่นในด้านความปลอดภัยให้กับประชาชนในประเทศ ซึ่งในส่วนของธุรกิจร้านแฟมิลี่มาร์ทของบริษัทก็คงต้องมีการบริหารงานอย่างรอบคอบในทุกด้าน เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นได้ อาทิ เหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิถล่ม 6 จังหวัดภาคใต้ที่ร้านแฟมิลี่มาร์ทได้รับผลกระทบ แต่บริษัทสามารถบริหารงานด้วยการปิดร้านเพียง 5 ชั่วโมง เพื่อตรวจความเสียหายและเปิดให้บริการตามปกติ

นอกจากนี้ บริษัทยังมองว่าหลังเกิดเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิถล่มและเหตุการณ์ก่อการร้ายวางระเบิดในจังหวัดสงขลา ทุกฝ่ายน่าจะช่วยกันสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยว โดยแฟมิลี่มาร์ทเองได้เปิดสาขาใหม่ที่หาดป่าตองหลังเกิดเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิถล่มเพียง 10 วัน และมีแผนที่จะเปิดสาขาใหม่ที่จังหวัดดังกล่าวเช่นกัน


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.