"เซนชะ" ปรับแผนเชิงรุกชาเขียว ปิดจุดอ่อนยอมทุ่มเข้าโมเดิร์นเทรด


ผู้จัดการรายวัน(31 มีนาคม 2548)



กลับสู่หน้าหลัก

อายิโนะโมะโต๊ะเซลส์ ปรับแผนรุกของเครื่องดื่มชาเขียวเซนชะ อัดงบ 200 ล้านบาท ลุยตลาดปรับทิศขยายช่องทางโมเดิร์นเทรดมากขึ้น ยอมเสียค่าเอนทรานซ์ฟี ค่าเชลฟ์เต็มที่ เพิ่มหน่วยขายกรุงเทพฯมากขึ้น วางแผนแยกหน่วยขายเครื่องดื่มออกมาต่างหากยอมรับการทำตลาดจากนี้ไปเหนื่อยแน่

นายพิเชียร คูสมิทธิ์ กรรมการผู้จัดการ และนายอรชัย อัจฉรานุกูล ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท อายิโนะโมะโต๊ะเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมกันเปิดเผยว่า บริษัทฯ มีแผนที่จะผลักดันสินค้ากลุ่มเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพให้มีรายได้ 1 ใน 4 ของรายได้รวมที่มีมากกว่า 13,000 ล้านบาท โดยปัจจุบันเครื่องดื่มชาเขียวเซนชะมีสัดส่วนประมาณ 5% จากยอดรายได้รวมบริษัทฯ

โดยในปีนี้มีแผนที่จะเปิดตัวสินค้าใหม่อย่างน้อย 2 ตัว ซึ่งเป็นตลาดที่ยังไม่เคยมีมาก่อนในประเทศไทย ส่วนเครื่องดื่มชาเขียวนั้นคาดว่าในปลายปีนี้จะมีรสชาติใหม่ออกมาอีก 2 รสชาติ เพราะคู่แข่งที่เป็นอันดับหนึ่งและสองต่างก็มีรสชาติ มากสร้างทางเลือกให้ผู้บริโภคมากกว่า

สำหรับผลิตภัณฑ์ชาเขียวเซนชะนั้น ปีนี้บริษัทฯ ได้ปรับแผนงานเป็นการทำตลาดเชิงรุกมากขึ้น เพื่อลบจุดอ่อนที่มีอยู่เพื่อให้สามารถเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดมากขึ้น จากการแข่งขันที่รุนแรงในขณะนี้ โดยมีแนวทางการตลาดที่ไม่ฉาบฉวยและมองในระยะยาวเป็นหลัก

ปัจจุบันตัวเลขจากเอซีนีลสันระบุว่า เมื่อช่วงเดือนธันวาคมปีที่แล้ว เซนชะมีส่วนแบ่งการตลาดเฉลี่ย 11% จากช่วง 2 เดือนแรกที่เข้าตลาดเมื่อปี ที่แล้วมีแชร์ 3% อยู่ในอันดับที่ 3 แต่เซนชะมี ส่วนแบ่งที่ภาคเหนือและอีสานประมาณ 19% จากมูลค่าตลาดชาเขียวรวม 3,400 ล้านบาท เมื่อปีที่แล้วและเติบโตกว่า 200% คาดว่าตลาดรวมปีนี้จะโต 100%

ทั้งนี้บริษัทมีแผนที่จะเพิ่มหน่วยขายโดยแยก ออกมาเป็นหน่วยขายเฉพาะเครื่องดื่มเท่านั้นซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษา จากปัจจุบันที่รวมเป็นหน่วยขายเดียวกันกับสินค้าทุกตัว ซึ่งมีประมาณ 400 หน่วยทั่วประเทศ จะเสริมทีมกทม.มากขึ้นเพราะเป็นตลาดใหญ่และแข่งขันรุนแรงที่สุด อีกทั้งบริษัทฯยังมีจุดอ่อนทางด้านช่องทางจำหน่ายที่ผ่านโมเดิร์นเทรดไม่ถึง 50% การเพิ่มจุดขายที่เป็นตู้แช่มากขึ้น แต่ไม่ใช่ตู้แช่ของบริษัท ซึ่งบริษัทฯเคยศึกษาจะทำตู้แช่เองซึ่งพบว่าจะมีปัญหาตามหลังมามากจึงยังไม่ตัดสินใจทำ

"ยอมรับว่าการทำตลาดชาเขียวจากนี้ไปมีความยากมากขึ้น เพราะคู่แข่งมากขึ้น แต่ละรายใช้งบประมาณการตลาดมาก แต่ผมเชื่อว่ายังคง มีช่องว่างให้ทำตลาดอีกเหมือนกัน เราต้องมองคู่แข่งด้วยว่าเป็นอย่างไร คงต้องมีการปรับแผนบ้าง"

ปีนี้บริษัทจะทุ่มงบการตลาดประมาณ 10% จากยอดขายรวม หรือประมาณมากกว่า 200 ล้านบาท เพื่อเน้นการสร้างแบรนด์ การรุกหนักช่องทางโมเดิร์นเทรดไม่ว่าจะเป็นการยอมจ่ายค่าเอนทรานซ์ฟี ค่าวางเชลฟ์ในตำหน่งที่ดี เพราะยังขาดจุดนี้มาก ทุกวันนี้สินค้าไปอยู่ในมุมที่ไม่ค่อยดี รวมถึงการแยกงบประมาณแบ่งเป็น บีโลว์เดอะไลน์ 40% และอะโบฟเดอะไลน์ 60% ล่าสุดออกหนังโฆษณาชุดใหม่โดยมีน้องวิว เยาวภา บุรพลชัย เป็นพรีเซ็นเตอร์เหมือนเดิม

"เราคงไม่ทุ่มงบประมาณมาจัดชิงโชคอะไรมาก เพราะเป็นเพียงการทำแบบฉาบฉวย ยิ่งถ้าเราไปทำตามรายใหญ่ที่ทำอยู่ก่อนแล้วผลดีก็จะตกอยู่กับผู้นำตลาดทั้งหมด แต่เราจะเน้นสร้างแบรนด์ และนำเงินเหล่านั้นมาสร้างคุณภาพของสินค้ามากกว่า เช่น ล่าสุด ลงทุนติดตั้งเครื่องจักรที่ผนึก ซีลพลาสติกบนฝาขวดเพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภค"

ทางด้านกิจกรรมส่งเสริมการตลาดก็จะมีต่อเนื่องหยุดไม่ได้ เช่น การร่วมสนับสนุนพัทยาอินเตอร์เนชันแนล มิวสิกเฟสติวัล 2005 ที่พัทยา, ร่วมกับสถานีวิทยุต่างๆจัดกิจกรรมหลายแบบ

ล่าสุดได้เปิดตัวรสชาติใหม่ เซนชะ ซากุระอย่างเป็นทางการ และเริ่มกระจายสินค้าสู่ช่องทางต่างๆแล้ว หลังจากที่เริ่มทดลองมาเมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์กับร้านเซเว่นอีเลฟเว่น ได้รับผลตอบรับที่ดี โดยคาดว่ารสซากุระนี้จะสามารถสร้างยอดขายได้ประมาณ 20% จากปัจจุบันรสชาติ ยูสุฮันนี้มีสัดส่วน 60% และรสชาติออริจินัลมีสัดส่วน 40%


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.