"ปริญสิริ" ยันไม่ขึ้นราคาแม้ต้นทุนเพิ่ม


ผู้จัดการรายวัน(31 มีนาคม 2548)



กลับสู่หน้าหลัก

"ปริญสิริ" รุกตลาดระดับกลาง-บน เตรียมเปิดบ้านเดี่ยว-ทาวน์เฮาส์ 6 โครงการ รวม 617 ยูนิต มูลค่ารวม 2,573 ล้านบาท ยืนยันไม่ปรับราคาบ้านแม้ต้นทุนเพิ่ม เผยมีสต๊อกบ้านต้นทุนเดิม 200-300 ยูนิต ตั้งเป้ารับรู้รายได้ 2,800 ล้านบาท พร้อมดันยอดขายโต 30% ทุ่มงบ 1-2 พันล้านบาทซื้อที่ดินเพิ่ม 3-4 แปลง

นางสาวสิริลักษณ์ โกวิทจินดาชัย ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงแผนงานในปี 2548 ว่า บริษัทได้ขยายการพัฒนาโครงการบ้านจัดสรรสู่โซนอื่นๆ เพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล เน้นเจาะกลุ่มเป้าหมายตลาดบ้านระดับกลางและระดับบน ซึ่งยังมีความต้องการซื้อบ้านจำนวนมาก ซึ่งในปีนี้บริษัทจะเปิดตัวบ้านใหม่ 6 โครงการ จำนวน 617 ยูนิต มูลค่ารวม 2,573 ล้านบาท ประกอบด้วยบ้านเดี่ยว 3 โครงการ และทาวน์เฮาส์ 3 โครงการ

สำหรับในไตรมาส 2 ปีนี้จะเปิด ตัว 3 โครงการใหม่ในโซนตะวันตกและโซนใต้ ประกอบด้วย 1.โครงการปริญญดา วงแหวนสาทร เนื้อที่ 44 ไร่ บ้านเดี่ยวเล่นระดับ 2 ชั้น ราคาเริ่มต้น 4 ล้านบาท จำนวน 182 ยูนิต มูลค่าโครงการ 985 ล้านบาท 2.ปริญญดา เทพารักษ์ เฟส 2 เนื้อที่ 19 ไร่ บ้านเดี่ยว 112 ยูนิต มูลค่าโครงการ 308 ล้านบาท และ 3.โครงการ ปริญลักษณ์ พระราม 2 เนื้อที่ 13 ไร่ เป็นทาวน์เฮาส์ 3 ชั้น สไตล์คลัสเตอร์ เฮาส์จำนวน 164 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 3 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 512 ล้านบาท

ส่วนในไตรมาส 3 จะเปิดตัวโครงการคือ โครงการปริญญดา พระราม 2 เนื้อที่ 18 ไร่ บ้านเดี่ยว 69 ยูนิต มูลค่า 453 ล้านบาท และโครงการปริญลักษณ์ เอกซ์คลูซีฟ เนื้อที่ 5 ไร่ ทาวน์เฮาส์ 3 ชั้น จำนวน 48 ยูนิต มูลค่า 168 ล้านบาท ทั้งนี้ในไตรมาส 4 จะเปิดตัวโครงการปริญลักษณ์ อินทรารักษ์ เนื้อที่ 5 ไร่ ทาวน์เฮาส์ 3 ชั้น จำนวน 42 ยูนิต มูลค่าโครงการ 147 ล้านบาท

ด้านนายชัยวัฒน์ โกวิทจินดาชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานบริหารโครงการ บริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าในปี 2548 บริษัทตั้งเป้ารับรู้รายได้ 2,300 ล้านบาท ส่วนยอดขายจะเพิ่มขึ้น 30% โดยในไตรมาสแรกปีนี้ยอดขายเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน ปัจจุบันบริษัทมียอดขายเฉลี่ย 100 ล้านบาท/เดือน นอกจากนี้บริษัทจะเน้นพัฒนาโครงการตลาดบ้านระดับกลาง มากขึ้นโดยเป็นบ้านเดี่ยวระดับราคา 5-8 ล้านบาท ซึ่งใช้แบรนด์ "บ้านปริญญดา" ประมาณ 60%

ส่วนตลาดบ้านระดับบน ราคา 8-14 ล้านบาท จำนวน 20% และทาวน์เฮาส์ ราคา 3-5 ล้านบาท จำนวน 20% ด้านการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ อยู่ระหว่างการยื่นไฟลิ่ง และรอดูภาวะตลาด ปัจจุบันบริษัทมีทุนจดทะเบียน 670 ล้านบาท ส่วนแลนด์แบงก์มีอยู่ในย่านสุขาภิบาล 1 ลาดพร้าว และวงแหวนตะวันตก ประมาณ 3-4 แปลง สามารถรองรับการพัฒนาโครงการได้ 3 ปีส่วนในปีนี้มีเม็ดเงินซื้อที่ดินเพิ่มจำนวน 1,000-2,000 ล้านบาท จำนวน 3-4 แปลง

นายชัยวัฒน์ กล่าวถึงแผนการ ดำเนินงานในปีนี้ว่า บริษัทยังคงเน้น ตามนโยบายหลักมุ่งเน้นเชิงคุณภาพ และรุกตลาดต่อเนื่อง โดยได้นำระบบ บ้านอัจฉริยะ "Home Automation" ซึ่งควบคุมแสงสว่างภายในบ้านด้วย รีโมตคอนโทรลเพียงตัวเดียวมาใช้ใน ทุกโครงการที่เปิดใหม่ ด้านกลยุทธ์การตลาดจะใช้การตลาดแบบครบวงจร (ICM) เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายโดยตรง

ด้านภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ยังดีต่อเนื่อง แม้ว่าจะมีปัจจัยลบทั้งราคาน้ำมัน วัสดุก่อสร้างที่ปรับตัวสูงขึ้น อีกทั้งอัตราดอกเบี้ยอยู่ในช่วงขาขึ้นมีผลกระทบต่อต้นทุนการก่อสร้างเพิ่มขึ้นประมาณ 5-10% อย่างไรก็ตามในขณะนี้บริษัทยังไม่ได้ปรับราคาขายบ้านขึ้นเนื่องจากยังมีสต๊อกบ้านที่เป็นต้นทุนเดิมจำนวน 200-300 ยูนิต และโครงการใหม่ที่จะเปิดขายในไตรมาส 2 ก็เป็นบ้านต้นทุนเก่าเช่น กันและจะตรึงราคาเดิมได้ถึงไตรมาส 3 หลังจากนี้ไปจะปรับราคาหรือไม่นั้นต้องรอดูสถานการณ์อีกสักระยะหนึ่ง ทั้งนี้เชื่อมั่นว่ารัฐบาลจะตรึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ไว้ระยะหนึ่ง เพื่อมิให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดลง


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.