|
ประสิทธิ์ ณรงค์เดช กู้ศักดิ์ศรีอย่างมั่นใจ
นิตยสารผู้จัดการ( มีนาคม 2531)
กลับสู่หน้าหลัก
ความแปลกแยกในสังคมไทยนั้นเอาแน่เอานอนไม่ค่อยได้เท่าไรนัก คนที่เราคิดว่าเขาสู้จนหมดเค้าหน้าตักมีหวังต้องเดินตัวเปล่าเล่าเปลือยกลับบ้านสถานเดียวนั้น บางครั้งเขาอาจใช้เวลาไม่นานนักพลิกสถานการณ์เลวร้ายกลับมาเป็นฝ่ายมีชัยได้อย่างเหลือเชื่อ
เรื่องทำนองนี้เกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้งกับหลายๆ คน และน่าจะเป็นคำถามคาดการณ์ดีที่สุดในเวลานี้กับคนชื่อ "ประสิทธิ์ ณรงค์เดช" ด้วยอีกคนหนึ่ง!!
ประสิทธิ์หลังภาวะถูกรุมกระหน่ำอย่างตัดเยื่อไม่เหลือใยจากเพื่อนเก่าที่เคยร่วมเสพสุขกันมาอย่าง สก๊อต เปเปอร์ โดยมีน้องชายร่วมสายเลือดอย่าง เกษม ณรงค์เดช คอยเป็นลูกคู่ "สามัคคีบีฑา" ชนิดไม่สนใจสายสัมพันธ์ใดๆ ที่เคยมีมา (อ่านเพิ่มเติมเรื่องประสิทธิ์-สก๊อต ในผู้จัดการฉบับที่ 53)
หลายคนลงมติเป็นเสียงเดียวกันอย่างแน่นหนักว่า "ฟ้ามืดนั้นอาจมีไต้ แต่ฟ้าใสๆ ของประสิทธิ์นั้นมันช่างรางเลือนและมีความเป็นไปได้น้อยเอามากๆ"
ยิ่งเมื่อหันกลับมามองแรงหนุนอย่างผ้าอนามัยเซลล๊อกซ์ที่ประสิทธิ์เคยหวังจะใช้เป็นฐานค้ำบัลลังภ์ความยิ่งใหญ่หลังจากที่เสียความเป็นผู้นำตลาดไปแล้วเมื่อหลายปีก่อน ถึงวันนี้ผ้าอนามัยเซลล๊อกซ์ทำท่าจะกลายเป็นอนุสรณ์ของเขาไปเสียจริงๆ แล้ว!?
ประสิทธิ์ ณรงค์เดช คนโตตัวเล็กจากลุ่มน้ำมูล ถึงโอกาสสุดท้ายบนเวทีธุรกิจกระนั้นหรือ??
"ผมว่าเขายังไม่สิ้นความหวังเสียทีเดียว" คนใกล้ชิดเขาบอกกับ "ผู้จัดการ" และแย้มนัยเพิ่มเติมว่า ประสิทธิ์ในวันนี้ได้สรุปบทเรียนอย่างเป็นระบบมากขึ้น เขากำลังเริ่มบูรณะปฏิสังขรณ์ธุรกิจที่ย่ำแย่ทุกตัวให้ฟื้นคืนกลับสภาพรุ่งเรืองดังเดิมอย่างขะมักเขม้นและเป็นจริงเป็นจัง ซึ่งเรื่องนี้ประสิทธิ์เองก็ย้ำกับ "ผู้จัดการ" ในการพบกันครั้งหลังสุดว่า "ผมจะตั้งโรงงานเซลล๊อกซ์เปเปอร์"
คำยืนยันนี้เสมือนหนึ่งเป็นสักขีพยานให้ทุกคนรับรู้ว่ากระดาษชำระเซลล๊อกซ์จะหวนกลับมาพิสูจน์ศักดิ์ศรีของตัวเองอีกครั้งอย่างแน่นอน และนั่นเท่ากับว่าสก๊อต เปเปอร์ ที่พยายามจะสลายความเชื่อมั่นในตัวกระดาษเซลล๊อกซ์ให้จางไปจากความรู้สึกของผู้ใช้ ย่อมจะต้องพบกับคู่ต่อกรที่น่ากลัวที่สุด!!?
นอกจากนี้ประสิทธิ์ยังเตรียมแผนเด็ดปีกตลาดผ้าอนามัยพร้อมๆ กันด้วย โดยจะเข็นผ้าอนามัยเซลล๊อกซ์สู่ตลาดในอีกราวเดือนสองเดือนข้างหน้า ซึ่งการเคลื่อนไหวเที่ยวนี้แม้จะไม่สามารถสั่นสะเทือนผู้นำตลาดเช่นโกเต๊กซ์และโมเดสได้มากนัก แต่สำหรับประสิทธิ์แล้ว "มันย่อมดีกว่าไม่ทำอะไรออกมาเลย"
ธุรกิจที่น่าจับตามองความเป็นไปในวันข้างหน้าของประสิทธิ์มากที่สุดน่าจะเป็นบริษัทอินทนิล จำกัด ซึ่งผลิตภัณฑ์ของบริษัทนี้กำลังสร้างความคึกคักในตลาดอยู่หลายๆ ตัว อาทิเช่น ผลิตภัณฑ์นีเวีย
อินทนิลตั้งขึ้นเมื่อ 16 ปีก่อน โดยประสิทธิ์ได้ License จาก บริษัทไบเออร์ สด๊อรฟ อัคเตียน เกเซลต์ จำกัด ของเยอรมัน ซึ่งเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงในด้านการผลิตเครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ ผลิตภัณฑ์ยา และผลิตภัณฑ์เทซ่าซึ่งคือเทปต่างๆ
อินทนิลเริ่มการผลิตครั้งแรกในปี 2517 ตัวแรกที่ผลิตออกมาคือ Zinc Oxide Surgical Tapes และชุดปฐมพยาบาลที่ใช้ในวงการแพทย์ นับเป็นบริษัทแรกที่ผลิตสินค้าชนิดนี้ขึ้นในประเทศไทย
กระทั่งถึงปี 2522 บีดีเอฟ. (เยอรมัน) จึงได้เข้าร่วมทุนกับอินทนิลของประสิทธิ์อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งนี่คือยุทธวิธีขยายตัวทางธุรกิจที่ประสิทธิ์นิยมชมชอบ และไม่แน่นักว่าเขาอาจใช้วิธีเช่นนี้ไปอีกยาวนาน โดยไม่สนใจว่าความเจ็บปวดอาจจะมาเยือนอย่างไม่รู้ตัวอีกหรือไม่??
สองบริษัทสัมพันธ์นี้มาเปลี่ยนชื่อเสียใหม่ในปี 2524 เป็น บีดีเอฟ. อินทนิล อันมีเหตุผลมาจากการที่ได้มีการเพิ่มทุนมากขึ้นคือฝ่ายเยอรมันถือหุ้น 49% และฝ่ายไทยถือหุ้น 51% และบีดีเอฟ. อินทนิล นี้ก็กลายเป็นบริษัทในเครือไบเออร์สด๊อรฟในที่สุด
การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ถือเป็นนิมิตหมายอันงดงาม เพราะหนึ่งปีให้หลังบริษัทก็ได้เริ่มโหมตะลุยตลาดอย่างหนักหน่วง โดยใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวนีเวียเป็นหัวจักร ทำเอาจอห์นสันแอนด์จอห์นสันที่เคยครองตลาดอยู่ ต้องหนักอกหนักใจไม่น้อย นีเวียใช้เวลาไม่นานก็ครองอันดับ 2 ได้อย่างไม่ยากเย็น
วันนี้ของบีดีเอฟ. อินทนิล รุกคืบไปอย่างน่าหวาดเกรงมากขึ้นตามลำดับ มีการขยายโรงงานแห่งใหม่ขึ้นอีกแห่งที่บางพลีไปเมื่อเร็วๆ นี้ โดยมี ประสิทธิ์ ณรงค์เดช นั่งแป้นเป็นประธานใหญ่ที่คอยบัญชาการเกมสัประยุทธ์ทางการตลาดอย่างใกล้ชิด
นี่คือความหวังของประสิทธิ์อีกชิ้นหนึ่ง และเที่ยวนี้เหมือนกับลั่นกระสุนนัดเดียวโดยมีโอกาสที่จะได้นกถึงสองตัวคือเสริมศักยภาพให้กับผลิตภัณฑ์นีเวียให้ก้าวไปเป็นหนึ่งในตลาดเครื่องสำอาง และถ้าประสิทธิ์พบกับความสำเร็จก็เท่ากับว่าเขาสามารถเขียนเสือให้สก๊อต เปเปอร์ต้องเหลียวกลับมาสำรวจตัวเองในระดับหนึ่ง
ก็บอกแล้วไงว่าสังคมไทยนี้มีอะไรแปลกๆ อยู่เสมอ อย่างประสิทธิ์ใครบางคนอาจคิดว่าเขาหมดลายไปเสียแล้ว ทว่าจากปรากฏการณ์ที่แสดงออกมาพิสูจน์แล้วว่า ประสิทธิ์ยังมีเขี้ยวที่คมกริบ รอเพียงให้ถึงวันและเวลาที่เหมาะสมเท่านั้น!!!!
ไม่เพียงแค่นั้น แม้แต่ในสนามการเมืองก็แว่วข่าวออกมาว่า ในระยะเดือนสองเดือนที่ผ่านมา ประสิทธิ์กับมิตรร่วมรบทางการเมืองในสมัยที่ตั้งพรรคพลังใหม่ขึ้นมาใหม่ๆ อาทิเช่น ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์, สุเทพ วงศ์กำแหง ได้ร่วมกับอดีตแกนนำกลุ่มดุสิต 99 (กลุ่มวุฒิสมาชิกชื่อดังในอดีต) อย่างเช่น เกษม จาติกวณิช, พล.อ.สิทธิ จิรโรจน์ และยังมี พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ผู้ว่า กทม. ได้พบปะหารือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นทางการเมืองกันเป็นประจำที่โรงแรมอิมพีเรียล
เป้าหมายของคนกลุ่มนี้ส่วนหนึ่งนอกจากจะชำระความคับแค้นทางใจ (เกษม - สิทธิ) ที่ตกเป็นเป้าทางการเมืองของรัฐบาลชุดปัจจุบันแล้วนั้น ด้านหนึ่งยังเป็นการวางฐานฟื้นฟูกลุ่มการเมืองที่มีคุณภาพกลุ่มหนึ่งให้เป็นที่รับรู้อีกหนหรือเปล่า เป็นสิ่งที่อดตั้งคำถามไม่ได้
ก็ต้องมองกันต่อไปว่า หากมิตรพลังใหม่และกลุ่มดุสิต 99 สามารถผลักดันคนของกลุ่มให้ขึ้นมาเป็นใหญ่ทางการเมืองได้แล้วไซร้ คงได้เห็นอะไรเด็ดๆ มันส์ๆ ออกมาอีกเป็นพะเรอเกวียน โดยเฉพาะกับคนชื่อ "ประสิทธิ์ ณรงค์เดช" ซึ่งเที่ยวนี้กล่าวกันว่า เขาไม่ใช่ประสิทธิ์ที่เหนียวหนึบอีกแล้ว หากเป็นประสิทธิ์ที่ไม่ยี่หระกับการเป็นฐานทางการเงินแต่อย่างใดทั้งสิ้น!?!
คงมีแต่เสียงย้ำเตือนจากบางคนที่บอกประสิทธิ์ด้วยความรักอย่างจริงใจว่า ยังไงๆ ก็อย่าลืมหวนกลับไปทบทวนย่างก้าวเดิมที่เคยผ่านมาบ้างก็แล้วกันว่าครั้งหนึ่งนั้นการเมืองเคยจะทำให้เขาเสียคนมาแล้วในทางธุรกิจ หวังเพียงว่าครั้งนี้ทั้งสองอย่างคงดำเนินไปด้วยดี
เพราะโอกาสของคนที่เจ็บซ้ำสองนั้น...มันมืดมน และแทนที่จะได้รับความเห็นใจ กลับจะต้องถูกตราหน้าว่าเจ็บแล้วไม่จำเสียอีกด้วย
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|