เบนซ์แวนที่ทำเอาไทยรุ่งฯ เสียววาบ !? !

โดย ชูวิทย์ มังกรพิศม์
นิตยสารผู้จัดการ( มีนาคม 2531)



กลับสู่หน้าหลัก

ถ้าจะว่าไปแล้ว เบนซ์แวนกับสเตชั่นแวกอน ไม่น่าจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกันอย่างแนบแน่นอย่างนี้ไปได้

เรื่องของเบนซ์แวนเริ่มจากบริษัท DAIMLER-BENZ ในเยอรมันผลิตรถเบนซ์แวนรุ่น 300 TD ออกมา 500 คัน และจะขายในราคาถูกเป็นพิเศษเป็นชุดสุดท้ายก่อนทิ้งโมเดลชุดนี้ไป

ธนบุรีพาณิชย์ ผู้แทนจำหน่ายเบนซ์ในไทยรู้เข้าก็ส่งคนเข้าไปเจรจา และซื้อเหมาทั้งหมดในราคาเพียงคันละสองแสนกว่า ขณะที่กำลังคิดว่าจะเสียภาษีและขายออกไปอย่างไร? โค้วยู่ฮะและวสันต์เบนซ์อโศก ก็เข้ามาติดต่อขอซื้อและประกอบเป็นแวนด้านหลัง ซึ่งการขายครั้งนี้ธนบุรีพาณิชย์กำไรไปเฉยเหนาะ ๆ 50 ล้านบาท

มีการวิ่งเต้น ให้ตีความเรื่องรถนั่ง หรือ รถแวน ในกรมตำรวจโดยผ่านกองทะเบียนขึ้นไปสู่กรมตำรวจ ส่วนทางด้านกระทรวงการคลังให้ผู้ใหญ่ตีความเรื่องภาษี เพราะรถจอดอยู่ที่ท่าเรือเฉย ๆ ดอกเบี้ยวันหนึ่ง ๆ มหาศาล!

เมื่อเรื่องภาษีเรียบร้อยคิดสะระตะแล้ว ค่ารถสามแสนกว่า บวกค่าทำแวนคันละ เก้าหมื่น บวกค่าภาษีเข้าไป ต้นทุนราคารถจะตกอยู่ไม่เกินหกแสนต่อคัน ส่วนราคาในตลาดอยู่ระหว่าง 780,000 ไปถึงประมาณ 960,000 ซึ่งโค้วยู่ฮะกับเบนซ์อโศกขายไปได้เกือบทั้งหมด

คนซื้อเพิ่งชื่นชมรถได้ไม่นานเท่าไร พล.ต.อ.ณรงค์ มหานนท์ อธิบดีกรมตำรวจก็ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนการจดทะเบียนรถยนต์ "เบนซ์ 300 TD" ซึ่งก่อนหน้านี้กรมตำรวจจดทะเบียนให้ โดยไม่เสียภาษีการค้ากรมสรรพากร เนื่องจากกฎหมายระบุว่ารถที่สามารถบรรทุกได้เกิน 11 คนจัดอยู่ ในแบบรถตู้ เป็นรถเอนกประสงค์รัฐบาลส่งเสริมเพื่อเป็นการประหยัดเงินตราต่างประเทศ ไม่ให้รั่วไหลออกไปข้างนอก

ผลการสอบสวนสรุปว่าไม่สามารถบรรทุกได้ถึง 11 คน ผู้ซื้อต้องไปเสียภาษี 40%ของราคาขาย และเสียภาษีการใช้รถประจำปีกับกรมสรรพากร ให้ถูกต้องก่อน จึงจะไปจดทะเบียนได้

แต่ขั้นตอนการปฏิบัติของกรมตำรวจ และกรมสรรพากรกลับไม่สอดคล้องกันนัก เพราะกองทะเบียนกรมตำรวจประกาศงดจดทะเบียนรถแวนทุกชนิดทันทีที่เรื่องนี้ยังไม่ประกาศเป็นกฎหมายชัดเจน โดยอ้างว่ากรมสรรพากรกำลังตีความการเก็บภาษีรถประเภทนี้อยู่ ยังไม่แน่ใจว่าจะให้เสียภาษีการค้า 44% เท่ารถยนต์นั่งหรือไม่ และสามารถเก็บภาษีย้อนหลังได้ในขณะที่กรมสรรพากรเห็นว่าไม่มีการเก็บภาษีย้อนหลัง

ไทยรุ่งฯเป็นหนึ่งในสามบริษัทที่ดัดแปลงรถปิคอัพให้มีที่นั่งเกิน 10 ที่นั่งซึ่งคือสเตชั่นแวกอน ที่เมื่อประมาณปี 2527 ได้ส่งหนังสือสอบถามเรื่องการเสียภาษี ทางกรมสรรพากรยืนยันว่าไม่ต้องเสียภาษีการค้าเพิ่ม โดยเดิมเสียภาษี 9.9% แบบรถปิกอัพ รถบรรทุก แต่ครั้งนี้จะต้องเสียเป็น 44% แบบ รถเก๋ง หรือเสีย 30-40% เต็มมูลค่ารถยนต์ก่อนดัดแปลงบวกมูลค่าส่วนที่ดัดแปลงแล้ว

นั่นคือรถดัดแปลงจะต้องเสียภาษีการค้าถึง 3 ต่อ คือเสียภาษีในส่วนของอุปกรณ์ชิ้นส่วนที่ใช้ ในการประกอบรถ เสียอีกครั้งในด้านภาษีทะเบียน และต้องมาเสียภาษีที่ตีความจากตัวรถซึ่งทำให้ต้นทุนของรถสูงขึ้นจนราคาซื้อขายของรถดังแปลง จะสูงเทียบเท่ารถยนต์นั่งส่วนบุคคล

เฉพาะในส่วนนี้ ทำให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่าแสนบาทต่อคัน

ทางด้านกรมตำรวจ กับสรรพากรก็ยุ่ง ๆ กันไป ไทยรุ่งฯเดินเรื่องโดยส่งหนังสือขอความช่วยเหลือในกรณีไม่ได้รับความเป็นธรรมในการประกอบธุรกิจอุตสาหกรรมต่อประมวล สภาวสุ รัฐมนตรีฯ กระทรวงอุตสาหกรรม

และยังมีการให้ข่าวเป็นระยะ ๆ เกี่ยวกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้น ร่วมกับบริษัทผลิตรถดัดแปลงอื่น ๆ โดยเน้นไปที่นโยบายของรัฐในการส่งเสริมการลงทุนในประเทศ แถมพกด้วยการออกข่าวว่าอาจต้องมีการปลดคนงานออกจำนวนมาก

หลังจากรอคอยไปสองสามเดือน กรมสรรพากรได้รับหนังสือตีความจากคณะกรรมการกฤษฎีกา วินิจฉัยว่า ผู้ประกอบรถกระบะต่อเติมจากรถกระบะธรรมดา มาเป็นรถแวนเกิน 10 ที่นั่ง จะต้องเสียภาษีการค้าในส่วนที่ต่อเติมเพิ่มขึ้นมา

รถที่ใช้เบนซิน เครื่องเบนซินเก็บภาษีการค้า 30% สำหรับส่วนที่ต่อเติมเพิ่มขึ้น ส่วนรถที่ใช้เครื่องดีเซลให้เสียภาษีการค้า 40% โดยคิดจากส่วนที่ต่อเติมเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน และเสียภาษีการค้า 9% เฉพาะมูลค่าตัวรถก่อนดัดแปลงด้วย

แม้ในทางปฏิบัติ กองทะเบียนกรมตำรวจจะมีปัญหาอีกมากมายแต่ผู้ผลิตทั้งหลายค่อนข้างจะพอใจกันถ้วนหน้า

"ความจริงในช่วงนั้นยอดขายของไทยรุ่งฯ อาจตกลงก็จริง แต่ไม่มีการไล่คนงานออกเพราะคนงานส่วนใหญ่ทำล่วงเวลาอยู่แล้วแต่ก็ว่าไม่ได้นะ เขาพยายามรักษาผลประโยชน์ให้ลูกค้าด้วย" คนในวงการวิเคราะห์ท่าทีของไทยรุ่งฯในช่วงนั้นกับ "ผู้จัดการ"

ไทยรุ่งฯ เองก็คงไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้น จะว่าเป็นยิงกระสุนนัดเดียวได้นกสองตัว คือเงินที่เป็นยอดขายจะเพิ่มขึ้นตามเดิม กับกล่องคือ IMAGE ในสายตาคนทั่วไปก็คงไม่ใช่

เพราะถ้าสะสางผิดพลาดยืดเยื้อไปนานกว่านี้ ไม่แน่ว่ากล่องจะได้ แถมต้องเสียเงินอาจเป็นโปรยข้าวสารไปกำใหญ่ไม่ได้ไก่แล้วยังต้องเสียข้าวสารไปเสียอีก

ก็ยังนับว่าโชคยังเข้าข้างไทยรุ่งฯ


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.