โรงพิมพ์แห่งนี้ "ปลอมทุกอย่างที่ขวางหน้า"


นิตยสารผู้จัดการ( มิถุนายน 2529)



กลับสู่หน้าหลัก

พร้อมๆ กับประสิทธิภาพการพิมพ์ที่พัฒนาขึ้นเป็นลำดับ ประสิทธิภาพของการปลอมแปลเอกสาร ได้กลายเป็นสิ่งที่กอดคอเดินร่วมทางไปด้วยภายใต้มุมมืดของตรอกซอกซอยที่ภายนอกเป็นเรือนแถวโกโรโกโส ธุรกิจภายในนั้นกลับเป็นธุรกิจที่นำรายได้เข้ามาเป็นกอบเป็นกำโดยไม่ต้องเหนื่อยยากแต่ประการใด

อาชญากรธุรกิจแก๊งหนึ่งอพยพมาจากจังหวัดกาญจนบุรีเพื่อให้พ้นเงื้อมมือกฎหมายที่ย่างกรายเข้าใกล้ตัว แก๊งที่ว่านี้มีผลงานชิ้นโบแดงล่าสุดจากการสืบทราบของเจ้าหน้าที่ตำรวจ นั้นก็คือการสมคบกับพนักงานแบงก์แห่งหนึ่งในตัวจังหวัดปลอมแปลงเอกสารการเงินแล้วแอบไปเบิกเงินตามธนาคารสาขาต่างจังหวัดหลายแห่ง ได้เงินไปนับล้านบาท

จากจังหวัดกาญจนบุรี แก๊งอาชญากรธุรกิจนี้หลบซ่อนมาเปิดโรงพิมพ์ขึ้นที่บ้านเลขที่ 46 หมู่ 1 ซอยวัดกก แขวงท่าข้าม เขตบางขุนเทียน เป็นสถานที่ค่อนข้างจะลับตา แม้ว่าจะอยู่หลังโรงเรียนวัดกก โดยถ้าดูจากภายนอกก็จะเป็นเรือนไม้ชั้นเดียวใต้ถุนเต็มไปด้วยน้ำครำไม่มีวี่แววว่าจะเป็นสถานที่ประกอบธุรกิจการพิมพ์เลยสักนิด

แต่ภายในเรือนไม้เก่าแก่แห่งนี้ มีอุปกรณ์การพิมพ์สมัยใหม่ครบถ้วน ตั้งแต่เครื่องถ่ายฟิล์ม เครื่องทำเพลทไปจนถึงเครื่องพิมพ์ สามารถปลอมทะเบียนรถ ปลอมเช็คและปลอมเงินสกุลต่างๆ ได้สบายๆ

เรียกให้ถูกต้องก็คือ "ปลอมทุกอย่างที่ขวางหน้า" ได้สบายมาก

ชุดกวาดล้างอาชญากรธุรกิจของกองปราบปรามได้เข้าจู่โจมทลายแก๊งปลอมแปลงแก๊งนี้ในตอนเช้าตรู่ของวันที่ 21 มกราคม 2529 ขณะแก๊งคนร้ายกำลังทำแคชเชียร์เช็คของแบงก์ออฟโตเกียว โดยบางคนกำลังแต่งฟิล์มที่ถ่ายมาจากต้นแบบ(ซึ่งสายจัดการหามาให้)และพบเพลทที่เป็นเงินพม่าปลอมอีกหลายชุด มีคนงานเกือบ 10 คนอยู่ในนั้น ซึ่งในจำนวนนี้ตำรวจสามารถจับกุมตัวหัวหน้าแก๊งปลอมแปลง ชื่อสมภพ แก้วตาอุดม อายุ 48 ปี ได้คาหนังคาเขา หลังจากเคยหลุดรอดข้อหาปลอมแปลงมาแล้วครั้งหนึ่ง เพราะมีลูกน้องยอมออกรับแทน

จากการตรวจค้นภายในบ้านที่ถูกดัดแปลงเป็นโรงพิมพ์ขนาดย่อมนี้ เจ้าหน้าที่ยังพบว่าแก๊งคนร้ายได้ทำการปลอมแปลงอีกหลายรายการ อาทิ เช็คเดินทางของแบงก์ออฟโตเกียว เช็คแบงก์ไทยทนุ ทะเบียนรถยนต์ ทะเบียนรถจักรยานยนต์ ตั๋วสัญญาของบริษัทเร่งพัฒนาประกันภัย และเอกสารการเงินของแบงก์ไทยพาณิชย์ เป็นต้น

"แม่ง…ปลอมเหมือนจริงๆ" ตำรวจที่อยู่ในทีมกวาดล้างคนหนึ่งอุทานกับผู้สื่อข่าว

อีกสายหนึ่งของทีมกวาดล้างชุดเดียวกันก็ได้เข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 71 ถนนศิริราช บางกอกน้อย เป็นบ้านสองชั้นของนางทุเรียน บัวงาม อายุ 44 ปี ภรรยาของนายสมภพ แก้วตาอุดม หัวหน้าแก๊ง เจ้าหน้าที่ตำรวจพบของกลางอีก 21 รายการ มีครุฑ ตรายาง บัญชีสเตทเมนต์ของลูกค้าแบงก์หลายแห่งที่แก๊งนี้เตรียมปลอมแปลง โดยเฉพาะที่เป็นลูกค้าแบงก์กรุงไทยสาขาท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี มีอยู่อย่างน้อย 2 บัญชี วงเงินรวมกันประมาณ 5 ล้านบาท

ก็น่าสงสัยมากว่าถ้าไม่เกิดเกลือเป็นหนอนแล้วเอกสารที่เป็นความลับของลูกค้าเช่นนี้จะหลุดลอดมาถึงมือแก๊งมิจฉาชีพเหล่านี้ได้อย่างไรกัน

จากการสืบทราบของเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้นก็พบว่า แก๊งนี้เป็นแก๊งใหญ่ที่มีขบวนการกว้างขวางอยู่หลายประเทศและมีการแบ่งงานกันอย่างเป็นระบบ คือมีสายที่คอยส่งข้อมูลการปลอมแปลงมาให้ มีแหล่งพิมพ์ที่ทำการปลอมแปลง และมีอีกกลุ่มที่นำเอกสารที่ปลอมแปลงเรียบร้อยแล้วไปหมุนเป็นเงินกลับมา ก่อนจะแบ่งรายได้กันตามสัดส่วน

"อย่างในช่วงตรุษจีนที่ผ่านมา แก๊งนี้ก็ส่งคนของเขาจากไต้หวัน สิงคโปร์ และฮ่องกง เอาเช็คเดินทางปลอมขึ้นเงินไปได้โขทีเดียว…" นายตำรวจผู้หนึ่งเปิดเผยให้ฟัง.


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.