น้ำตาจระเข้


นิตยสารผู้จัดการ( พฤศจิกายน 2526)



กลับสู่หน้าหลัก

บรรยากาศวันนั้นหดหู่อย่างไรชอบกล เมฆฝนที่ครึ้มอยู่ข้างนอกพลอยทำให้ความหดหู่ เศร้าซึมไปทีเดียว ในห้องนั้นนั่งกันอยู่หลายสิบคน และในหลายสิบคนนั้นมีอยู่คนหนึ่งที่คงไม่เคยคิดว่าในชีวิตจะมีวันเช่นนี้เกิดขึ้น

คนนั้นชื่อ สุธี นพคุณ ในอดีตคนนี้ถูกขนานนามและแต่งตั้งว่าเป็นมือขวาของอดีตรองนายกฯ

นายกสมาคมไทยเงินทุนหลักทรัพย์ ประธานกรรมการ กรรมการผู้จัดการบริษัทรามาทาวเวอร์

ประธานกรรมการบริษัทบ้านและที่ดินไทย ประธานกรรมการกลุ่มบริษัททัวร์รอแยล

ประธานกรรมการบริษัทเครดิตฟองซิเอร์บ้านและที่ดินไทย ประธานกรรมการบริษัทประกันชีวิตอินเตอร์ไลฟ์

ประธานกรรมการบริษัทรามารีซอร์ส ประธานกรรมการบริษัท ผลิตภัณฑ์อาหารรามา

ประธานกรรมการบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์พัฒนาเงินทุน ประธานกรรมการบริษัทเซ็นจูเรียน

ประธาน...ทรัพย์สินรวมบริษัทในเครือของประธานกรรมการคนนี้ในช่วงที่รุ่งเรืองมีกว่า 3,000 ล้านบาท

แต่วันนี้ท่านประธานต้องมานั่งต่อหน้าเจ้าหนี้ห้าสิบกว่าราย

บรรยากาศในห้องมีความกดดันสูง ถ้าเป็นน้ำอัดลมก็คงใกล้จะระเบิดเต็มที่ บรรดาเจ้าหนี้ทั้งหลายหน้าบอกบุญไม่รับแม้แต่คนเดียว เมื่อรู้ว่าหนี้ที่ตัวเองเป็นเจ้าของจะต้องถูกเก็บกดไว้ 5 ปี โดยไม่ได้ดอกเบี้ยและอีก 10 ปีถึงจะได้คืน

มีการต่อว่าต่อขานกันถึงสัญญาสุภาพบุรุษที่สุธีเคยให้ไว้เวลาที่ไปขอยืมเงิน รวมทั้งเซ็นค้ำประกันเป็นส่วนตัว

มีการตัดพ้อว่าทำไมถึงทำกันเช่นนี้ ทั้งๆ ที่เคยช่วยกันมาตลอด

มีการกล่าวหาว่า เงินทองมันหายไปไหนหมด

ท่ามกลางการต่อว่า จำเลยนั่งนิ่งเฉยหน้าตาเศร้าหมอง

และแล้วสุธีก็ร้องไห้ น้ำตาท่านประธานไหลพรากออกมาพร้อมกับพูดว่า

“ผมตอนนี้เป็นสุธีคนใหม่แล้ว”

“กว่าจะเป็นสุธีคนใหม่ได้ รามาทาวเวอร์พังไป 600 ล้าน พัฒนาเงินทุนอีก 1,400 ล้านใน 3 ปี หมดไป 2,000 ล้านบาทเพื่อให้ท่านประธานเป็นสุธีคนใหม่” ผู้เข้าร่วมประชุมบ่นออกมาอย่างเหลืออด

น้ำตา สุธี นพคุณ คงเป็นน้ำตาที่แพงที่สุดในโลก เพราะต้องเสียถึง 2,000 ล้านบาทถึงจะไหลพรากออกมาได้


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.