วิธีสร้างความประทับใจแก่เจ้านาย


นิตยสารผู้จัดการ( พฤศจิกายน 2526)



กลับสู่หน้าหลัก

ดูเหมือนว่า บนชั้นวางหนังสือขายตามร้านแทบทุกแห่งจะมีหนังสือแนะเคล็ดลับเกี่ยวกับความรักสารพัดชนิดแก่ผู้ที่สนใจ แต่ถ้าลองคุณตั้งใจจะหากลเม็ดที่จะสร้างความประทับใจให้กับเจ้านายสักเล่มล่ะก็ ดูเหมือนว่าแทบจะพลิกร้านหา คุณก็หาไม่พบแม้เพียงสักเล่มเดียว ดังนั้น เพื่อเป็นการบริการแก่คุณๆ ที่หวังความก้าวหน้ากันในอนาคต ผมยินดีที่จะเผยเคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆ นี้ให้ครับ

ข้อที่หนึ่ง คุณจะต้องหากระเป๋าใส่เอกสารมาสักใบ แล้วคุณก็ต้องทำอย่างนี้ กล่าวคือ ทำทีว่าหิ้วกระเป๋าเอกสารใบนั้นกลับบ้านทุกๆ วัน แต่มีข้อแม้ที่สำคัญประการหนึ่งคือ คุณจะต้องมั่นใจว่าคุณไม่ได้หิ้วกลับโดยเปล่าประโยชน์ จะต้องทำให้นายเห็นว่าคุณเอามันกลับไปที่บ้านด้วย และต้องคอยระมัดระวังปิดกระเป๋าให้แน่นหนาอยู่เสมอ มิฉะนั้นแล้ว คุณก็อาจจะพลาดท่าได้อย่างรายที่ผมเคยประสบมาแล้วในที่ทำงานของผม คือวันก่อน หัวหน้าหนุ่มๆ คนหนึ่งในบริษัทได้ขอให้ผมช่วยหยิบหนังสือจากโต๊ะของเขาให้สักเล่ม ผมหาเท่าไรก็ไม่พบสักที ก็เลยลองค้นดูในกระเป๋าเอกสารสิ่งที่ผมเห็นในกระเป๋าใบนั้นหรือครับ ก็มีแค่ผ้าเช็ดตัว มีดโกนหนวด ครีมและโลชั่นหลังโกนหนวดและแม็กกาซีนเก่าๆ อีกหนึ่งเล่มกับถุงยางอนามัยแผงหนึ่งเท่านั้นเอง

ข้อที่สอง พยายามทำให้โต๊ะทำงานรกอยู่เสมอ ส่วนมาก เจ้านายมักจะรู้สึกประทับใจมากถ้าเห็นว่าลูกน้องของเขากำลังหัวปั่นอยู่กับการงาน ดังนั้น คุณก็จะต้องขนเอาบรรดารายงานทั้งหลาย รูปถ่ายสินค้าของบริษัท ตารางสถิติเกี่ยวกับงานอีกนั่นแหละ สุมกองเอาไว้ที่โต๊ะ แต่ก็มีข้อแม้อยู่อย่างหนึ่งว่า ห้ามกองตั้งให้เป็นระเบียบเรียบร้อย เพราะการที่ทำอย่างนั้นอาจทำให้ผู้ที่เดินผ่านไปมาสนใจใคร่รู้ และลงนั่งที่โต๊ะของคุณพลิกดูเอกสารกองนั้นขึ้นมา คุณก็อาจจะต้องประสบความเดือดร้อนได้ เพราะพวกถุงกระดาษที่คุณซุกๆ อยู่ข้างใต้อาจถูกคุ้ยขึ้นมาด้วยก็เป็นได้

ข้อที่สาม ถือข้างเจ้านาย อันนี้ไม่ใช่ว่าจะให้คุณเป็นพวกประจบประแจง แต่เมื่อคุณต้องเข้าร่วมประชุมกับเจ้านาย คุณจะต้องอดทนรอดูจนกว่าจะเห็นว่า นายแสดงทีท่าเข้ากับฝ่ายไหน คุณอาจจะสังเกตได้ด้วยการมองดูสีหน้าของนายให้ดี ถ้านายแสดงสีหน้าพอใจเมื่อใครสักคนแสดงความเห็นขึ้นมา คุณก็จับจุดได้แล้ว แต่ถ้านายของคุณเป็นคนหน้าตาย จับสังเกตได้ยาก คุณก็ต้องหาทางออกอย่างนี้ “เอ้อ นายครับ นายจะกรุณาแสดงความคิดเห็นสักหน่อยได้ไหมครับ พวกเรายังมองไม่ออกเลย วันก่อนที่เราแก้ปัญหากันไม่ได้ นายก็ได้ช่วยชี้แนะทางให้พวกเราด้วยนี่ครับ” พอพ้นจากจุดนี้ คุณก็พอจะจับจุดนายได้แล้วล่ะ

ข้อที่สี่ แขวนรูปเจ้านายในสำนักงาน คุณจะเดาได้เสมอว่าใครสักคนจะไต่ขึ้นมาในระดับหัวหน้างานได้ด้วยการสังเกตภาพที่เขาประดับไว้ในหน่วยงานของเขา ใครที่แขวนรูปถ่ายของครอบครัวและภาพอื่นๆ ของตนเองล่ะก็ไม่สามารถไต่ไปสู่ตำแหน่งสูงๆ ได้หรอก หัวหน้าในอนาคตก็คือคนที่รู้จักจะเอารูปนายจ้างมาประดับไว้ เช่นด้านหนึ่งก็เอารูปที่นายรับเหรียญตราแขวนไว้อีกด้านหนึ่งเอารูปที่กำลังเล่นกีฬา ด้านที่เหลืออีกสองด้านก็แขวนภาพที่กำลังจับมือกับคนใหญ่คนโต และรูปที่ภรรยานายจัดการสรรหามา หรือจ้างให้คนเขาวาดไว้ และจะให้ดียิ่งขึ้น คุณก็อาจจะแขวนรูปนายอีกสักรูปในห้องกินข้าวที่บ้าน เผื่อเวลาที่คุณเชิญเขามากินข้าวที่บ้าน จะได้เห็น

ข้อที่ห้า พึงหลีกเลี่ยงการตัดสินใจ ข้อนี้ออกจะเป็นเรื่องที่ทำได้ยากที่สุด คุณคงจะจำได้ดีว่าเมื่อคุณเข้ามาฝึกงานในบริษัทแห่งนี้ใหม่ๆ หัวหน้าที่ฝึกงานให้คุณมักจะกล่าวย้ำว่า “คนที่ไม่กล้าตัดสินใจจะไม่มีทางก้าวหน้าได้เลย” และคุณก็ยังจำได้อีกต่อไปว่า มีเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งซึ่งไม่เก่งกาจไปกว่าคุณเลย แต่บังเอิญนายคนนี้ได้เสนอความคิดอย่างหนึ่งให้นาย และบังเอิญทำให้บริษัทประหยัดเงินไปได้ราวสองล้าน นายคนนี้ก็เลยได้เลื่อนไปเป็นรองหัวหน้าฝ่ายผลิต

แต่คุณลองมาดูข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นทั่วไปบ้างสิ

ลูกจ้างทุกๆ คนที่ทำแต้มขึ้นมาได้เพราะการตัดสินใจที่ถูก แต่ก็มีจำนวนมากมายที่ไม่อาจทำผ่านยกที่สามไปได้เพราะเกิดตัดสินใจผิดขึ้นมาเสียแล้ว คุณก็คงเคยได้ยินเกี่ยวกับมาตรฐานของนักบริหารที่ดี คือว่า ใครก็ตามที่ทำถูกเสียร้อยละ 51 ก็คือคนที่ทำผิดเสียร้อยละ 49 เช่นกัน และจะมีนายจ้างสักกี่คนที่จดจำในสิ่งที่เราทำถูกหรือทำดี บอกได้ว่า น้อยมาก ส่วนใหญ่ก็จะจดจำกันแต่ในส่วนที่ทำพลาดไว้ ดังนั้น ทำไมจะต้องตัดสินใจล่ะ เลี่ยงเสียสิ แล้วคุณจะเป็นผู้ที่ไม่ทำผิดเลยไม่ช้าหรอก คนที่ตัดสินใจไปบ่อยๆ ก็จะขุดหลุมฝังตัวเขาเองเท่านั้น

พวกที่ชอบค่อนแคะก็คงจะแย้งว่า “แล้วอะไรจะพิสูจน์ได้ว่า ที่พูดๆ มานี่น่ะจะใช้การได้” แล้วพวกเขาก็จะคงดำเนินชีวิตต่อไปด้วยความล้มเหลว สิ่งที่นักคิดทั้งหญิงชายต้องการจากระบบนี้ก็คือผลงาน ดูตัวอย่างของผมเองสิ ผมเริ่มชีวิตมาด้วยการเป็นเด็กยากจนคนหนึ่ง ผมทำงานหนักมาตั้งสี่สิบกว่าปีและทำตามห้าข้อที่กล่าวมานี้อย่างเคร่งครัด แล้วผมก็ไต่ระดับขึ้นมาจนถึงขั้นจนกรอบ ผมขอรับรองได้ว่า ใครก็ตามที่ทำตามอย่างผมแล้ว รับรองจะต้องทำได้ดีกว่าผมแน่ๆ


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.