โบ้ย "เอ็มดี" พลาดอ่อนหัด "ประยุทธ" แจงเหตุ "ไทยน๊อคซ์" ป่วน


ผู้จัดการรายวัน(2 มีนาคม 2548)



กลับสู่หน้าหลัก

"ประยุทธ" ออกโรงแจงทุกกรณีโบ้ยให้เอ็มดีอ่อนประสบการณ์ทำเหตุการณ์ป่วนแจ้งเพิ่มทุน แต่ก็ยังให้ความหวังอาจจะดึงกลับร่วมงานในอนาคต พร้อมระบุยังไม่คิดเรื่องเพิ่มทุน ต้องใช้เวลาศึกษา 6-9 เดือน และยกเลิกการซื้อที่ดิน อ้างเพื่อไม่ให้นักลงทุนเกิดความกังวล ด้านตลท.ปลดเอสพี วันนี้ (2 มี.ค.) โดยให้นักลงทุนใช้ความระมัดระวังการลงทุน

นายประยุทธ มหากิจศิริ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทไทยน๊อคซ์ สเตนเลส จำกัด (มหาชน) (TNX) เปิดเผยถึงกรณีที่หุ้นของบริษัทถูกตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ขึ้นเครื่องหมายห้ามซื้อขาย (SP) เนื่องจากนายวิชชุกร ประพันธศิริ กรรมการผู้จัดการ และกรรมการบริษัท ได้แจ้งถึงเรื่องการเพิ่มทุน และการทำโครงการแผ่นเหล็กรีดร้อนมูลค่า 1.4 หมื่นล้านบาทนั้นมายังตลท. ซึ่งเรื่องดังกล่าวเป็นเพียงแนวความคิดภายในเท่านั้น โดยยังไม่ได้ดำเนินการแต่อย่างใด ซึ่งเกิดจากความผิดพลาดของบุคคลที่ขาดประสบการณ์ เนื่องจากบริษัทไทยน๊อคซ์เพิ่งจะเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้เพียง 2 เดือน

"ถ้ามีมติเพิ่มทุนจริงจะต้องผ่านการดำเนินการหลายขั้นตอนและเอกสารเกี่ยวกับการเพิ่มทุนจะต้องมีจำนวนมาก ซึ่งในความจริงนั้นบริษัทต้องการแจ้งเพียงเรื่องเกี่ยวกับการซื้อที่ดินที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการแล้วเท่านั้น" นายประยุทธกล่าว

อย่างไรก็ตาม นายวิชชุกรได้แสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงได้ลาออก จึงต้องหาคนที่จะเข้ามารับตำแหน่งแทนต่อไป แต่นายวิชชุกรก็อายุไม่มากและมีความสามารถ ในอนาคตอาจจะกลับมาร่วมงานกันได้อีก

ส่วนผลประกอบการในงวดปี 47 ซึ่งคาดว่าจะแจ้งได้ภายในวันนี้ (2 มี.ค.) เพื่อให้นักลงทุนรายย่อยได้รับข้อมูลที่เท่าเทียมกัน เพราะโดยทั่วไปนักลงทุนรายย่อยจะเสียเปรียบนักลงทุนรายใหญ่ หรือกองทุนต่างประเทศ

นายประยุทธกล่าวว่า กรณีของนายสุวรรณ วลัยเสถียร ซึ่งเป็นประธานกรรมการตรวจสอบที่ได้ลาออกไป เนื่องจากเป็นการแสดงความรับผิดชอบ เพราะในการประชุมคณะกรรมการเมื่อวันที่ 17 ก.พ. นั้นนายสุวรรณได้เดินทางไปยังต่างประเทศ เมื่อกลับมาเห็นว่าหุ้นถูกขึ้นเครื่องหมายห้ามซื้อขายก็แสดงความรับผิดชอบโดยการลาออก

ส่วนกรณีของผู้บริหารต่างประเทศ 2 คนที่ลาออกนั้น เนื่องจากครบวาระจึงกลับไปทำงานกับบริษัทอาร์ซีลอร์ตามพันธสัญญาและขณะนี้ก็ยังมีผู้บริหารต่างประเทศ 4 คนที่ทำงานอยู่ แต่เมื่อถึงวาระก็จะต้องออกไป ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ รวมถึงกรณีผู้บริหารระดับสูงคนหนึ่งที่ลาออกไปก่อนหน้านี้ ซึ่งในความเป็นจริงคือผู้บริหารคนดังกล่าวบริหารงานอยู่กับบริษัทเป็นเวลากว่า 10 ปีแล้ว และมีอายุ 60 ปีแล้ว ซึ่งต้องเกษียณตั้งแต่เดือน มี.ค. 47 แต่ได้ขอร้องให้ทำงานต่อไปจนถึงสิ้นปี 47 และเมื่อลาออกไปบริษัทก็ให้เงินเพื่อเป็นผลตอบแทนเกือบ 10 ล้านบาท

การเพิ่มทุนของบริษัทขณะนี้ยังไม่มีแนวความคิดที่จะดำเนินการ ซึ่งถ้ามีการเพิ่มทุนจริง บริษัทก็จะต้องแจ้งไปยังบริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินซึ่งจะทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงดูแลบริษัทในระยะเวลา 1 ปี แต่บริษัทไม่มีแนวความคิด ดังกล่าวจึงไม่จำเป็นต้องแจ้งกับบล.ทิสโก้

"ผมกับทิสโก้ก็เหมือนเพื่อนฝูงกันซึ่งก็มีเรื่องขัดใจกันบ้างในแง่ของผลประโยชน์ช่วงที่กระจายหุ้นมีการดึงหุ้นจากบล.ทิสโก้ออกมาจำนวน 900 ล้าน หุ้นซึ่งทำให้ผลประโยชน์ของบล.ทิสโก้ได้รับน้อยลงไป" นายประยุทธกล่าว

สำหรับโครงการทำโรงงานเหล็กรีดร้อนนั้น เนื่องจากเห็นว่าจะเกิดประโยชน์กับบริษัทและประเทศชาติ บริษัทมีการศึกษาข้อมูลเบื้องต้นเมื่อช่วงกลางเดือนมกราคมที่ผ่านมาซึ่งจะต้องใช้เวลาศึกษาเป็นเวลา 3-6 เดือน

ส่วนเรื่องการเพิ่มทุนที่จะใช้ในการสร้างโรงงาน ต้องใช้เวลาประมาณ 6-9 เดือนจึงจะมีความชัดเจนมากขึ้น บริษัทอาจจะไม่มีการเพิ่มทุนก็ได้ โดยปัจจุบันนี้บริษัทมีกระแสเงินสดประมาณ 3 พันล้านบาท และเป็นบริษัทที่ไม่มีหนี้สินเลย

"การทำโรงงานเหล็กรีดร้อนถือเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่ใช้เงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 2 หมื่นล้านบาท แต่เมื่อเห็นว่าสามารถใช้เงินลงทุนได้เพียง 1.4 หมื่นล้านบาท ก็ถือว่าจะเป็นประโยชน์ต่อบริษัทและผู้ถือหุ้นรายย่อยและประเทศไทย" นายประยุทธ

กรณีการซื้อที่ดินของบริษัท ขณะนี้ได้ขอใช้สิทธิยกเลิกสัญญากับผู้ขายเรียบร้อย แล้วและได้รับการคืนเงินมาแล้วเช่นกัน

ส่วนกรณีที่คนในตระกูลมหากิจศิริได้มีการขายหุ้นไทยน๊อคซ์ออกมาในช่วงที่ผ่านมานั้น นายประยุทธกล่าวว่า ได้มีการขายหุ้นออกมาจำนวน 4 ล้านหุ้น ซึ่งจะได้รับเงินมาประมาณ 8 ล้านบาทนั้น เป็นการขายในช่วงก่อนตรุษจีน ซึ่งต้องการให้เป็นไปตามธรรมเนียมของคนจีน เพราะตามธรรมเนียมจีนจะให้มีเงินเข้ามาในช่วงเทศกาลตรุษจีนจะเป็นสิ่งที่ดี

สำหรับกรณีของบริษัทไทยคอปเปอร์อินดัสเทรียลที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นั้น นายประยุทธกล่าวว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์ต่างๆ เกี่ยวกับภาพลักษณ์ในช่วงที่ผ่านมาก็ยอมรับว่าการดำเนินการนำเข้าจดทะเบียนคงจะลำบากมากขึ้น แต่บริษัทก็จะคำนึงถึงผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นเป็นสำคัญ

ด้านตลาดหลักทรัพย์ได้อนุญาตให้ซื้อหรือขายหุ้น TNX ได้ในรอบเช้าของวันที่ 2 มี.ค.48 เป็นต้นไป เพื่อไม่ให้หุ้นถูกห้ามซื้อขายนานเกินไป ทั้งนี้ขอให้ผู้ลงทุนใช้ความระมัดระวังในการพิจารณาตัดสินใจลงทุน โดยจะเร่งติดตามให้บริษัทไทยน๊อคซ์นำส่งงบการเงินดังกล่าวเพื่อเผยแพร่ให้ผู้ลงทุนทราบโดยเร็วที่สุด

นายโกสินทร์ ศรีไพบูลย์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ยูโอบีเคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า คาดว่าราคาหุ้น TNX จะมีการปรับตัวลดลง เนื่องจากนักลงทุนยังไม่มั่นใจในด้านการบริหารงานของ TNX จากที่ผู้บริหาร 2 คน ได้มีการลาออก ซึ่งยังไม่สามารถที่จะมีการแต่งตั้งได้ในระยะเวลาสั้นนี้ และไทยน๊อคซ์จะได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น รวมถึงบริษัทฯคาดว่าผลประกอบการไทยน๊อคซ์ ในปี 2547 จะมีกำไรลดลงจากปี 46 เพราะไม่มีรายได้จากรายการพิเศษเหมือนปี 46


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.