RSดึงเวอร์จิ้นคืนบัลลังก์


ผู้จัดการรายวัน(25 กุมภาพันธ์ 2548)



กลับสู่หน้าหลัก

อาร์.เอส.จับมือ เวอร์จิ้น บีอีซี-เทโรฯ จับรายการเวอร์จิ้นซอฟท์คืนเวที สั่งลงเอฟเอ็ม 90 หวังดึงเม็ดเงินโฆษณากว่าเดือนละ 10 ล้านบาทกลับคืน แย้มไต๋งานนี้เป็นแผนชิมลาง เตรียมดูการร่วมมือทางธุรกิจอื่นๆ เพิ่มเติม พร้อมย้าย "ลูกทุ่งฮิต" เข้าลงเอฟเอ็ม 107.25 หลังจับมือกับ TTV ชูระบบ มัลติ-เรดิโอ ออกอากาศทั้งภาพและเสียง เตรียมขอหารือกรมขนส่ง ขยายฐานคนฟังเข้ารถบขส. มั่นใจผลประกอบการปีนี้กำไร มีรายได้จากธุรกิจสื่อพุ่งเป็น 40% ของรายได้รวม

นายสุรชัย เชษฐ์โชติศักดิ์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท อาร์.เอส.โปรโมชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภายหลังจากการปรับองค์กรของบริษัทเมื่อปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ไตรมาส 4 บริษัทเริ่มมีกำไรจากผลประกอบการ และในปี 2548 การเติบโตของบริษัทส่วนหนึ่งจะมาจากธุรกิจสื่อ โดยมองว่าปีนี้ธุรกิจดังกล่าวของบริษัทจะเติบโตสูง มีสัดส่วนจากรายได้รวมที่ 40% จากปีก่อนที่มีสัดส่วน 25% ของรายได้รวม

ด้านรายได้จากบริษัท สกายไฮ เน็ตเวิร์ค ซึ่งทำรายการวิทยุ 3 คลื่น จะมีกำไรไม่น้อยกว่า 100 ล้านบาท ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นไปตามนโยบายที่วางไว้ โดยรายได้ที่เกิดขึ้นมาจากรายการใหม่ๆ ของบริษัท ที่ออกอากาศทางช่องโมเดิร์นไนน์ และช่อง 5 ส่วนของวิทยุปีนี้ถือเป็นปีเก็บเกี่ยวรายได้จากปีที่แล้วที่มีการเปิดคลื่นใหม่

นอกจากนั้น ปีนี้บริษัทยังมีนโยบายเปิดกว้างเรื่องการหาพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อเข้ามาเสริมความแข็งแกร่งด้านการแข่งขัน ล่าสุดจับมือกับ บริษัท เวอร์จิ้น บีอีซี-เทโร เรดิโอ เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) ในเครือของบีอีซีฯ นำรายการเวอร์จิ้น ซอฟท์ ที่เคยออกอากาศทาง เอฟเอ็ม 89 และได้หยุดไปเมื่อวันที่ 1 ม.ค.48 กลับมาออกอากาศทางเอฟเอ็ม 90 แล้วย้ายรายการลูกทุ่งฮิตที่อยู่ปัจจุบันไปออกอากาศที่เอฟเอ็ม 107.25 โดยเป็นการจับมือกับสถานี TTV ซึ่งเป็นเคเบิลทีวี

ในรายละเอียดของการจับมือกับเวอร์จิ้นฯ ครั้งนี้ ถือเป็นการเข้ามาเสริมศักยภาพการแข่งขันซึ่งกันและกันในสถานการณ์ที่ธุรกิจรายการวิทยุมีการแข่งขันที่รุนแรง เป็นการสร้างโอกาสและรายได้ให้กับทั้ง 2 บริษัท เพราะเวอร์จิ้นซอฟท์เป็นรายการที่มีฐานคนฟังจำนวนมาก ราว 4-5 แสนคน มีรายได้เฉลี่ยกว่า 10 ล้านบาทต่อเดือน สำหรับการทำงานได้ตั้งเป็นคณะกรรมการ (บอร์ด) ทำงานร่วมกัน แบ่งผลกำไรกันตามสัดส่วนที่ตกลงไว้

"เนื่องจากอายุสัญญาสัมปทานของแต่ละคลื่นวิทยุสั้นลงเหลือ 1 ปีเท่านั้น ทำให้ระยะเวลาในการบริหารงานให้คุ้มทุนเป็นสิ่งสำคัญ การเปลี่ยนแปลงของเอฟเอ็ม 90 เป็นการนำเอารูปแบบรายการแบบเดิมของเวอร์จิ้นซอฟท์ที่ติดตลาดอยู่แล้ว และมีเม็ดเงินรอลงสปอต ทำให้ช่วยร่นระยะเวลาในการทำรายได้ให้เร็วขึ้น"

อย่างไรก็ตาม ความร่วมมือในธุรกิจวิทยุครั้งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับความร่วมมือกันในอนาคตระหว่างพันธมิตรทั้ง 2 บริษัท เพราะบีอีซี-เทโรก็เป็นบริษัทที่อยู่ในธุรกิจสื่อ และมีทรัพยากรมากมายในการนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ ขณะเดียวกัน อาร์.เอส. ก็มีสื่อ เพลง และศิลปิน ดังนั้น เมื่อร่วมมือกันทำงานจะได้ไอเดียของการทำธุรกิจที่ดีออกมามากขึ้น

นายสุรชัย กล่าวว่า ธุรกิจเพลงจะยังคงเป็นธุรกิจหลักของบริษัทเช่นเดิมด้วยสัดส่วนการทำรายได้ประมาณ 50% ลดลงจากสัดส่วน 55% ในปีที่ผ่านมา ส่วนธุรกิจสื่อเป็นอันดับ 2 ประมาณ 40% และนอกจากนั้นอีก 10% เป็นรายได้ในส่วนของธุรกิจอื่นๆ อย่างธุรกิจภาพยนตร์ที่ไม่มีการลงทุนเพิ่มแต่คาดว่าจะมีภาพยนตร์ที่ลงทุนไปแล้วกว่า 7 เรื่องออกฉายในปีนี้

นายสุระชาติ ตั้งตระกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท สกาย-ไฮ เน็ทเวิร์ค จำกัด กล่าวว่า ปี 2547 บริษัทมีรายได้รวม 167 ล้านบาท ปีนี้ตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 400 ล้านบาท โดยกว่า 40% มาจาก 93 คลูเอฟเอ็ม, 20-30% มาจาก 106 ไลฟ์เอฟเอ็ม และ 20% จาก 88.5เอฟเอ็มแม็กซ์ นอกจากนั้น ยังได้ส่วนแบ่งรายได้จากคลื่นเอฟเอ็ม 90 เวอร์จิ้นซอฟท์ และรายได้จากลูกทุ่งฮิต เอฟเอ็ม 107.25

รายละเอียดของคลื่นลูกทุ่งฮิตนี้ คือ บริษัทได้ร่วมกับ TTV เริ่มออกอากาศ 1 มีนาคม ซึ่งเป็นคลื่นวิทยุ ที่ติดมากับระบบเคเบิลของทีทีวี ที่มีต้นทุน การดำเนินงานต่ำลง แต่มีระยะเวลาในการดำเนินงาน ระยะยาวนานขึ้นถึง 5 ปี ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่บริษัทได้ย้ายลูกทุ่งฮิตมาจัดที่สถานีนี้ สำหรับระบบการผลิตเป็นแบบ มัลติเรดิโอ ที่ออกอากาศทั้งภาพ และเสียงผ่านช่องของทีทีวีให้แก่สมาชิกกว่า 1 ล้านคนทั่วประเทศได้ชมด้วย

นอกจากนั้น ยังมีแผนที่จะไปเจรจากับกรมขนส่งทางบก เพื่อขอติดตั้งระบบให้รถขนส่งทั้งหมดสามารถเปิดฟังและรับชม รายการลูกทุ่งฮิต เอฟเอ็ม 107.25 ได้ เป็นการขยายฐานผู้ฟัง สำหรับภาพที่จะออกมาคือภาพดีเจที่กำลังจัดรายการ

ด้านนายไบรอัน แอล มาร์การ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท บีอีซี-เทโร เอ็นเตอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในปี 2547 ที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้ประมาณ 1,000 ล้านบาท กำไรรวมกว่า 100 ล้านบาท คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 1,400-1,500 ล้านบาทได้ในปีนี้ ส่วนผลกำไรจะมากกว่าเดิมตามสัดส่วนของรายได้แน่นอน โดยรายได้หลักที่เพิ่มขึ้นจะมาจากธุรกิจโทรทัศน์และธุรกิจการจัดคอนเสิร์ตรวม 12-15 งานในปีนี้เป็นหลัก รายได้จากเวอร์จิ้น ซอฟท์ จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งของธุรกิจ ก่อนนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เดือนมิถุนายนนี้


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.